เครือข่ายชาติพันธุ์ฯ แถลงจี้ สว. หยุดอคติ แก้กฎหมายคืนสิทธิฟังเสียงชาติพันธุ์-ชนเผ่าพื้นเมือง

Date:

3 มีนาคม 2568 เวลา 12.00 น. ที่ โรงแรมเมอร์เคียว เชียงใหม่ ‘เครือข่ายชุมชนสนับสนุนกฎหมายชาติพันธุ์’ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง บทบาท สว. กับการกลั่นกรองกฎหมายชาติพันธุ์ สิทธิและศักดิ์ศรีต้องไม่ตกต่ำกว่าร่างของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีเนื้อหาดังนี้

นับจากสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ฉบับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแล้วเสร็จ ในวาระ 2 และวาระ 3 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 จนทำให้ร่างพระราชบัญญัติฯ เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา โดยที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติรับหลักการร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2568 นำมาสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมาย และเริ่มการประชุมพิจารณากฎหมายครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น

เครือข่ายชุมชนสนับสนุนกฎหมายชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นองค์กรชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่า รวมทั้งชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการจัดการทรัพยากรของรัฐ ได้ติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ชั้นสภาผู้แทนราษฎรจนถึงวุฒิสภา เราเห็นว่า แม้หลักการเนื้อหาสำคัญบางประการที่จะนำไปสู่การคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองจะถูกตัดทอนลงไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงเหลือบทบัญญัติบางประการที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการคุ้มครองสิทธิ์และวิถีชีวิตดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ อย่างไรก็ตามเรากลับพบว่าการพิจารณากฎหมายชั้นวุฒิสภา กมธ.วุฒิสภาหลายท่านได้แสดงความเห็นที่อาจเกิดจากความไม่เข้าใจหรือข้อมูลที่ไม่รอบด้าน ในเจตนารมณ์ของกฎหมายคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ที่มุ่งป้องคุ้มครองสิทธิ วิถีชีวิต และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชุมชนชาติพันธุ์ ภายใต้การดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสอดคล้องและสมดุล ในพื้นที่คุ้มครองวัฒนธรรมที่ชุมชนกับภาครัฐร่วมกันจัดการทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อันเป็นคืนสิทธิ์อันพึ่งได้พึงมีแต่ดั้งเดิม ไม่ใช่การให้อภิสิทธิดังคำกล่าวอ้าง

เราเห็นว่าพฤติกรรมของสมาชิกวุฒิสภาบางคนแสดงให้เห็นถึงอคติต่อกลุ่มชาติพันธุ์ ภายใต้ฐานข้อมูลที่ไม่รอบด้าน ทำให้ขาดความรู้ ความเข้าใจต่อการดำรงอยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์ในสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีมาอย่างช้านาน เราเห็นว่าการตรากฎหมายฉบับนี้ เพี่อแก้ปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองที่มีวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ภายใต้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้สามารถเข้าสิทธิ์ด้านต่าง ๆ เช่น การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การเข้าถึงสิทธิด้านสาธารณูปโภค สิทธิทางสุขภาพและสวัสดิการสังคม เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำรงชีพและมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีในสังคมที่เป็นธรรม สถาบันนิติบัญญัติจะต้องมีความเข้าใจในนิยามของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองตามหลักกฎหมายสากล เข้าถึงในปัญหาและอุปสรรคอันเกิดจากนโยบายและการบังคับใช้กฎหมายด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ผูกขาดอำนาจหรือรัฐรวมศูนย์ รวมทั้งข้อจำกัดที่เกิดจากนโยบายด้านความมั่นคงและการต่างประเทศที่ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองเข้าไม่ถึงสิทธิดังกล่าว  การพิจารณกฎหมายฉบับนี้ภายใต้อคติดังกล่าว จะทำให้เนื้อของกฎหมายยิ่งถูกตัดตอนให้ตกต่ำกว่าเดิม จนไม่อาจนำไปสู่การคุ้มครองและส่งเสริมกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองได้ในทางปฏิบัติ รวมถึงเป็นการขัดต่อเจตจำนงค์ของประชาชนผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอีกด้วย

เราจึงขอเรียกร้องไปยังสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีบทบาทในการกลั่นกรองกฎหมายให้คำนึงถึงเจตนารมณ์และหลักการข้างต้นและต้องรับฟังเสียงเรียกร้องของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองให้รอบด้านมากยิ่งขึ้น ฝ่ายนิติบัญญัติต้องแสดงเจตจำนงอันแน่วแน่ในการพิจารณากฎหมายที่มุ่งให้การคุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองให้ครอบคลุมมากกว่าร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร มิใช่พยายามด้อยค่าจนทำให้ร่างกฎหมายนี้ตกต่ำไปมากกว่าเดิม

ท้ายที่สุดนี้ เราขอยืนยันว่าพวกเรากลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองก็คือประชาชนคนไทย ที่มีสิทธิ์ในผืนแผ่นดินของบรรพชนเฉกเช่นคนไทยทุกคน เราอาจจะแตกต่างไปจากคนทั่วไปในความหลากหลายทางวิถีชีวิตและวัฒนธรรม แต่อัตลักษณ์ดังกล่าวไม่ใช่เหตุที่ทำให้เราเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเหมือนประชาชนทั่วไป ดังนั้น การตรากฎหมายฉบับนี้ จึงมิใช่การให้อภิสิทธิ์ชนกลุ่มชาติพันธุ์ แต่เป็นการคืนสิทธิอันพึงมีพึงได้ที่ติดตัวมาแต่ดั้งเดิมให้พวกเรา ที่ถูกลิดรอนสิทธิ์มายาวนาน

เราขอประกาศว่า จะรวมพลังร่วมกันจับตา ติดตาม ตลอดจนขับเคลื่อนเพื่อให้วุฒิสภา มีวุฒิภาวะในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระ สุจริต ยุติธรรม ไม่ถูกครอบงำ เพื่อมุ่งคืนสิทธิอันพึ่งมีพึ่งได้ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง จนถึงที่สุด

เชื่อมั่นและศรัทธาในพลังประชาชน

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...