ชาร์ลส์ เอฟ. คายส์ ครูและมิตรรักชาวไท(ย) จากพ่อใหญ่คายส์บ้านหนองตื่นในอีสานสู่สนามแม่สะเรียงและเชียงใหม่ 

Date:

เรื่อง : ป.ละม้ายสัน

สนามอยู่ที่ไหน? เป็นคำถามที่สำคัญข้อหนึ่งของนักมานุษยวิทยาในการศึกษาคนอื่นหรือแม้กระทั่งศึกษาตนเอง จนมีหนังสือในประเด็นเกี่ยวกับการสะท้อนย้อนคิดในสนามของนักมานุษยวิทยาเป็นจำนวนมากทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

การเขียนถึงสนามในโลกภาษาไทยก็มีอยู่จำนวนหนึ่งอาทิเช่น คนใน : ประสบการณ์ภาคสนามของนักมานุษยวิทยาไทย อีกเล่มที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือหนังสือรวมบทความการประชุมวิชาการทางมานุษยวิทยาในปี 2566 ที่สะท้อนย้อนคิดเกี่ยวกับตนเองในการเข้าไปทำวิจัยภาคสนามเรื่อง ชีวิตภาคสนาม : Life Ethnographically! หนังสือสองเล่มนี้มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือ นักมานุษยวิทยาที่เข้าไปในภาคสนามเพื่อทำการวิจัยนั้นไม่สามารถแยกขาดกับตัวตนของเราได้ มันมีทั้งอารมณ์ความรู้สึกและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นในสนามที่ตนเองศึกษาอยู่เสมอ

ในหนังสือเล่มหลัง Charles F. Keyes เป็นนักมานุษยวิทยาท่านหนึ่งที่มีคนเขียนถึงเขาด้วย ทั้งการทำความเข้าใจความคิด วิธีวิทยา และบริบททางการเมืองที่ส่งผลต่องานวิจัยที่ของอาจารย์คายส์ที่ออกมา อาจารย์คายส์เป็นครูบาอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหาชาวไทยเป็นจำนวนมาก การทบทวนแนวคิดหรือการเขียนถึงท่านจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

นอกจากบทความทางวิชาการแล้ว คุณูปการของอาจารย์คายส์ยังถูกพูดถึงในพื้นที่สาธารณะอย่าง เสวนาออนไลน์ในหัวข้อ อาจารย์คายส์เดอะซีรี่ย์ และบทความใน The isaan record ก็กล่าวถึงคุณูปการของท่านต่อด้านความเปลี่ยนแปลงของชนบทภาคอีสานที่สำคัญผ่านการภาคสนามของท่าน

สนามอันเป็นพื้นที่โด่งดังของเขาซึ่งก็คือ “บ้านหนองตื่น” จังหวัดมหาสารคาม ที่เป็นพื้นที่สำคัญในการทำความเข้าใจหมู่บ้าน/ชนบทในภาคอีสาน เริ่มตั้งแต่วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกที่ศึกษาการปฏิสัมพันธ์ระหว่างความเป็นไทยและความเป็นลาว หรืองานในช่วงหลังที่ศึกษาความเปลี่ยนแปลงของชนบทอีสานเพื่อทำความเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างการเมืองและเศรษฐกิจรวมถึงขบวนการเคลื่อนไหวของชาวบ้านชนบทในทศวรรษที่ 2550 และเสนอว่าชาวบ้านในภาคอีสานมีความคิดที่ไม่ได้ปิดตัวเองอยู่เพียงแค่ในหมู่บ้านชนบทเพียงเท่านั้น แต่เชื่อมถึงโลกภายนอกอันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายแรงงาน จนเป็นชาวบ้านผู้เจนต่อโลก (Cosmopolitan villagers)

ข้อเขียนชิ้นนี้มิได้มุ่งสรุปสาระสำคัญของงานชิ้นต่าง ๆ ของอาจารย์คายส์ แต่จะเป็นการเขียนประวัติศาสตร์สนามของอาจารย์คายส์จากบ้านหนองตื่นสู่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากทั้งสองสนามแห่งนี้ได้สร้างท่านได้สร้างผลงานเกี่ยวกับชาติพันธุ์นิพนธ์และไทยศึกษาชิ้นสำคัญหลายต่อหลายชิ้น และผลงานของท่านก็ชวนคิดต่อในภาวะปัจจุบันด้วยซึ่งจะกล่าวในช่วงหลัง

ลูกแก้ว (เด็กชายที่มาบวชเป็นสามเณรที่วัดอมราวาส) ที่บ้านของชาร์ลส์และเจน ไคส์ ชาร์ลส์กำลังผูกด้าย โดยมีสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ และนิคมมองดูอยู่ ออกจากบ้านของชาร์ลส์ และเจนไคส์, อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮองสอน ประเทศไทย พฤษภาคม พ.ศ.2511. (อ้างอิงจาก จดหมายเหตุนักมานุษยวิทยาที่รวบรวมโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)) ภาพต้นฉบับ https://digital.lib.washington.edu/researchworks/items/08027ff2-acec-455f-905d-c06d39e0aeca

จากบ้านหนองตื่นสู่แม่สะเรียงและเชียงใหม่ห้วงสงครามเย็น

อาจารย์คายส์เป็นนักเรียนมานุษยวิทยาตั้งแต่ระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท-เอกที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล การเข้ามาเมืองไทยของอาจารย์คายส์ได้รับทุนวิจัยจากมูลนิธิฟอร์ด เพื่อมาเขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกหัวข้อเรื่อง Peasant and Nation : A Thai-Lao Village in a Thai Stage (1966)

ข้อเขียนชิ้นหนึ่งที่อภิปรายถึงสังคมวิทยาความรู้ด้านชนบทศึกษาในช่วงสงครามเย็นของเก่งกิจ กิติเรียงลาภ เรื่อง เขียนชนบทให้เป็นชาติ ชี้ให้เห็นว่า อาจารย์คายส์เริ่มต้นวิทยานิพนธ์ของเขาด้วยการสร้างปมปัญหาหนึ่งที่เรียกว่า “ปัญหาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (The Northeastern Problem) ได้สอดรับกับบรรยากาศในแวดวงของการศึกษาชาวเขาของรัฐไทยและนักวิชาการอเมริกันคนอื่น ๆ ที่มุ่งเสนอสิ่งที่เรียกว่า “ปัญหาชาวเขา” (The Hill Tribe Problem) ในฐานะปมปัญหาและความขัดแย้งที่รัฐต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาด้านความมั่นคงและคอมมิวนิสต์ซึ่งกลายมาเป็นอุปสรรคของการผนึกรวมสร้างความเป็นชาติในช่วงสงครามเย็น ราวกับว่าการอ้างอิงสมมติฐานหรือปมปัญหาว่าด้วย “ปัญหา” ทั้งภาคอีสานและปัญหาชาวเขา เป็นการหยิบยืมกันไปมาของนักวิชาการเหล่านี้ (หน้า, 86-87)

อย่างไรก็ดี ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี  นักมานุษยวิทยาผู้เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของอาจารย์คายส์ ชี้ให้เห็นเงื่อนไขในการสร้างโจทย์วิจัยของเขาในห้วงสงครามเย็นคือ 1) การเมืองของสงครามเย็น 2) อิทธิพลของโครงการคอร์แนล-ไทยแลนด์ และ 3) วิธีคิดแบบเวเบอร์ เหตุผลนิยม และ Verstehen อันเป็นรากฐานความคิดสำคัญต่องานวิจัย สำหรับคายส์ ปิ่นแก้วชี้ต่อว่า การเกี่ยวข้องกับเมืองไทยของเขา ไม่ได้มาจากการเมืองของวงการมานุษยวิทยาในสหรัฐฯ หากแต่มาจากความสัมพันธ์ที่เขามีกับชาวบ้านในสนามที่เขาศึกษา และกับมิตรสหายในไทย ข้อเท็จจริงเรื่องนี้แสดงให้เห็นได้ในอีกหลายทศวรรษต่อมา (ชีวิตภาคสนาม, หน้า 90-92)

ชาร์ลส์เต้นรำตามวงดนตรีพม่าที่บ้านของชาร์ลส์และเจน เมอร์เรย์และสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ มองดูอยู่, อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮองสอน ประเทศไทย พฤษภาคม พ.ศ. 2511.(อ้างอิงจาก จดหมายเหตุนักมานุษยวิทยาที่รวบรวมโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)) ภาพต้นฉบับ https://digital.lib.washington.edu/server/api/core/bitstreams/c33b76ea-40ef-4516-8024-5bc09bd79050/content

อาจารย์คายส์มาถึงที่ภาคเหนือของประเทศไทยเมื่อทศวรรษที่ 2510 จังหวัดแม่ฮองสอนและเชียงใหม่ หลังจากเขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเสร็จสิ้นแล้ว วสันต์ ปัญญาแก้ว ได้อธิบายในเรื่อง ตามรอย มานุษยวิทยาศาสนาของ Charles F. Keyes ที่เชียงใหม่และแม่สะเรียง แสดงให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายต่องานวิชาการของอาจารย์คายส์ กล่าวคือ หลังสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก อาจารย์คายส์ได้ย้ายขึ้นมาทางเหนือของประเทศไทย คือที่แม่สะเรียงและเชียงใหม่ การทำงานภาคสนามหลังปริญญาเอกนี่เองที่ “เปิดประตู” ของท่านเข้าสู่ “โลกของชาวไท” (The Tai World) เมื่อคายส์ย้ายสนามของการศึกษามาสู่สังคมไทยภาคเหนือและชาวกระเหรี่ยงในแถบชายแดนไทย-พม่า ที่แม่สะเรียง จึงเป็นการย้าย หรือขยายอาณาบริเวณของท่าน จากดินแดนอาณาจักรล้านช้าง สู่อาณาจักรล้านนา (หน้า, 96)

ภาพมองลงไปจากประตูสิงโต, ชาร์ลส์ และมาร์ค แอนเดอร์สันอยู่ที่ประตูสิงโต, อำเภอเมืองจังหวัดแม่ฮองสอน (อ้างอิงจาก จดหมายเหตุนักมานุษยวิทยาที่รวบรวมโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)) ภาพต้นฉบับ https://digital.lib.washington.edu/server/api/core/bitstreams/a0e70024-c9fb-4318-9ebe-89e7eef8e49a/content

วสันต์ เล่าต่อว่า ท่านใช้เวลาทำงานวิจัยที่แม่สะเรียงนานกว่าขวบปี งานสนามที่แม่สะเรียงคือ “จุดเปลี่ยน” สำคัญที่ทำให้อาจารย์คายส์หันมาสนใจเรื่องชาติพันธุ์ (Ethnicity) โดยเฉพาะชาวกระเหรี่ยง ไทลื้อ และสังคมวัฒนธรรมล้านนา ในบรรดางานเขียนเกี่ยวกับสังคมวัฒนธรรม การศึกษาทางมานุษยวิทยาศาสนา คือแกนกลางของการผลิตงานอันทรงคุณค่า 

อานันท์ กาญจนพันธุ์ นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เล่าถึงความสนใจของอาจารย์คายส์ต่อพุทธศาสนาในล้านนาว่า ท่านสนใจเรื่องของเจ้าคุณธรรม สนใจคัมภีร์ใบลานซึ่งเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาในล้านนา ท่านก็เลยออกค้นหาคัมภีร์ศาสนาเหล่านี้ ชาวบ้านหรือบรรดาพระสงฆ์เอาไปเก็บไว้ตามถ้ำต่างๆ (ส่วนหนึ่งอาจเป็นเหตุจากช่วงที่เกิดสงครามระหว่างล้านนากับพม่า) อายุประมาณ 300 กว่าปี การพบคัมภีร์ใบลานต่าง ๆ เหล่านี้ มีหลายเรื่องที่ท่านนำมาเขียนอาทิ Buddhist Plgrimage Centers and the Twelve-Year Cyle (ในวารสาร History of Religions. 1975) เป็นการเขียนถึงการจาริกแสวงบุญของชาวล้านนาไปตามพระธาตุต่าง ๆ ตามปีเกิด อีกชิ้นหนึ่งที่ท่านเขียนถึงครูบาศรีวิชัยคือ Millennialism, Theravada Buddhism, and Thai Society (ในวารสาร The Journal of Asian Study. 1977) (อ้างถึงในชาร์ลส์ คายส์ มิตรสนิทชาวไทย, หน้า 249-251)

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสนามของอาจารย์คายส์ที่แม่สะเรียงและเชียงใหม่ ก็มีความคุณูปการที่สำคัญต่อไทยศึกษาที่เป็นฐานสำคัญต่อล้านนาศึกษาที่คนรุ่นหลังต่อมาอีกหลายประเด็นเช่น ประเด็นเกี่ยวกับเมืองชายแดน (อย่างหนังสือเรื่อง เรื่องเล่าเมืองไต ของนิติ ภวัครพันธุ์) ประเด็นเรื่องขบวนการเคลื่อนไหวของพุทธศาสนาในล้านนาอีกหลายชิ้น (อย่างหนังสือเรื่อง ครูบาศรีวิชัย ตนบุญล้านนา ของโสภา ชนะมูล) และประวัติศาสตร์สังคมวัฒนธรรมล้านนา (อย่างหนังสือเรื่อง คนยองย้ายแผ่นดิน ของแสวง มาละแซม) เป็นต้น หากแต่การพูดถึงความสำคัญของสนามในภาคเหนือของอาจารย์คายส์ยังน้อยเกินไป

ความเป็นไท(ย)คืออะไร?

จากการลงภาคสนามในภาคเหนือของประเทศไทย งานเกี่ยวกับไต/ไทศึกษาของอาจารย์คายส์นั้นเริ่มต้นด้วยความสนใจด้านมานุษยวิทยาศาสนา (Antropology of Religion) ที่ท่านมีต่อ พุทธศาสนาเถรวาทควบคู่ไปกับเรื่องของพุทธศาสนา ประเด็นที่คายส์ในวัยหนุ่มให้ความสนใจอีกประการหนึ่งก็คือประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันไปกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของคนไท ภายใต้บริบทการก่อตัวขึ้นมาของรัฐชาติ (Nation Stage Buliding) และการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ภาวะสมัยใหม่ (Modernization) (ชีวิตภาคสนาม, หน้า 95.)

คนอื่นๆตักบาตรพระในวันขึ้นปีใหม่ที่ที่ว่าการอำเภอ: คนต่างๆ, ชาร์ลส์, เจน, สง่า, อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประเทศไทย มกราคม พ.ศ. 2511. (อ้างอิงจาก จดหมายเหตุนักมานุษยวิทยาที่รวบรวมโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)) ภาพต้นฉบับ https://digital.lib.washington.edu/server/api/core/bitstreams/bacade4e-7c98-43ea-8eea-3bc54b10a658/content

ตัวอย่างงานสำคัญของอาจารย์คายส์ในภาคสนามภาคที่ภาคเหนือ ที่เน้นความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชาวไท และการก่อตัวของรัฐชาติสมัยใหม่ คือบทความเรื่อง Who are the tai? Reflections on the Invention of Identities ที่เสนอว่า ความเป็นไต/ไท เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้เงื่อนไขทางประวัติศาสตร์แบบชาตินิยมโดยเฉพาะสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม และวัฒนธรรมหลายแบบ เช่น ตำนาน พิธีกรรม อนุสาวรีย์ ละคร ฯลฯ การสร้างความเป็นไทยผ่านสิ่งเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่สมมติขึ้นมา นอกจากนั้นยังชี้ให้เห็นว่าก่อนการเป็นรัฐไทยสมัยใหม่นั้น ผู้คนที่พูดภาษาไต/ไทกลุ่มต่าง ๆ มีความผูกพันอีกแบบที่ไม่ใช่เรื่องเชื้อชาติ แต่ผ่านตำนาน นิทาน และการค้า สรุปก็คือ ความเป็นไทคือสิ่งที่เรียกว่า “พหุชาติพันธุ์นิยม”

อาจารย์คายส์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2565 คุณูปการของท่านนั้นมีมากมาย (สามารถอ่านต่อได้ที่ The issen record ) แต่คุณูปการสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่นอกจากจะเป็นครูและมิตรของชาวไท(ย) และงานวิจัยเกี่ยวกับไทยศึกษาแล้ว ในมุมมองของผู้เขียนสิ่งที่น่าคิดต่อและคิดว่าเป็นคุณูปการของท่านคือคำถาม? และในปัจจุบันเรายิ่งต้องถามกันมากขึ้นโดยเฉพาะคำถามต่อความเป็นไทย เนื่องจากมีการถกเถียงในเรื่องแรงงานข้ามชาตินั้น ควรได้รับสัญชาติไทยหรือไม่ เป็นประเด็นที่เถียงกันในวงกว้าง 

ท่ามกลางการถกเถียงเช่นนี้ เราจะเห็นพลังของชาตินิยมที่มองคนอื่นต่างจากเราประหนึ่งว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์มีมากขึ้นทุกที ความเป็นไทยที่ยึดถืออยู่ทุกวันนี้จึงต้องถูกตั้งคำถามอีกครั้ง ทวนสอบอีกครั้ง รื้อกันอีกครั้งหนึ่งในภาวะปัจจุบัน เพื่อทำลายมายาคติความเป็นไทยเป็นศูนย์กลางและมองคนอื่นโดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติไม่ใช่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน 

อย่าลืมว่าแรงงานข้ามชาตินั้นเป็นส่วนที่สำคัญมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะพวกเขาเหล่านั้นเป็นแรงงานในอาชีพที่คนไทยไม่อยากจะทำ!! ส่วนมีอาชีพอะไรบ้างนั้นก็ลองหาข่าว หรือเดินออกไปนอกหมู่บ้านที่ตนอยู่กันดู เผื่อจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันบ้าง

เอกสารที่ใช้ในการค้นคว้า

  • เก่งกิจ กิติเรียงลาภ. เขียนชนบทให้เป็นชาติ. กรุงเทพฯ : มติชน, 2562.
  • นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และวิสุทธิ์ เวชวราภรณ์. บรรณาธิการ. ชีวิตภาคสนาม. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. องค์การมหาชน, 2566.
  • ปริตตา เฉลิมเผ่า กออนันตกูล. บรรณาธิการ. คนใน : ประสบการณ์ภาคสนามของนักมานุษยวิทยาไทย. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร .องค์การมหาชน, 2546.
  • ปิ่นแก้ว เหลืออร่ามศรี. สนามในประวัติศาสตร์ : นักมานุษยวิทยาอเมริกันกับภูมิภาคอีสานในห้วงสงครามเย็น. ใน. นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และวิสุทธิ์ เวชวราภรณ์. บรรณาธิการ. ชีวิตภาคสนาม. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. องค์การมหาชน, 2566.
  • วสันต์ ปัญญาแก้ว. ตามรอย มานุษยวิทยาศาสนา ผ่านงานภาคสนามของ Charles F. Keyes ที่เชียงใหม่และแม่สะเรียง. ใน. นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และวิสุทธิ์ เวชวราภรณ์. บรรณาธิการ. ชีวิตภาคสนาม. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. องค์การมหาชน, 2566.
  • อานันท์ กาญจนพันธุ์. ครูบาศรีวิชัย พุทธศาสนาล้านนา และชาร์ล คายส์. ใน ชาร์ล คายส์ มิตรสนิทชาวไทย. เชียงใหม่ : ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2567.
  • Charles f Keyes. Who Are the Tai? Reflections on the Invention of Identities. In Ethnic Identity : Creation Confict, and Accommodation. Lola Romanucci-Ross and George A. De Vos, eds. Third Edition. Walnut Creek, Alta Mira Press. Pp. 136-160.
  • Charles f Keyes. “cosmopolitan” villagers and populists democracy in Thailand.  South East Asia Research, 20,3, pp 343-360 doi: 10.5367/sear.2012.0109.
  • ดร.ชาร์ลส์ เอฟ ไคส์ มิตรสนิทของชาวไทย
ป.ละม้ายสัน

ชอบอ่านวรรณกรรม โดยเฉพาะวรรณกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของคนธรรมดา และงานวรรณกรรมวิจารณ์ ตื่นเต้นทุกครั้งที่อ่าน มาร์กซ์ ฟูโกต์ และแก๊ง post modern ทั้งหลาย ใช้สมุนไพรเป็นเครื่องช่วยเยียวยาจิตใจในโลกทุนนิยมอันโหดร้าย

ป.ละม้ายสัน
ป.ละม้ายสัน
ชอบอ่านวรรณกรรม โดยเฉพาะวรรณกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของคนธรรมดา และงานวรรณกรรมวิจารณ์ ตื่นเต้นทุกครั้งที่อ่าน มาร์กซ์ ฟูโกต์ และแก๊ง post modern ทั้งหลาย ใช้สมุนไพรเป็นเครื่องช่วยเยียวยาจิตใจในโลกทุนนิยมอันโหดร้าย

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...