ห้ามเผาที่ไร้มาตรการรองรับ ช่องโหว่ของรัฐ ความท้าทายวิถีเกษตรภาคเหนือ

Date:

‘การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์’ เป็นปัญหาหลักที่ถูกหลายคนมองว่าเป็น ‘ต้นตอของฝุ่น PM 2.5’ รัฐบาลไทยมีคำสั่งห้ามเกษตรกรเผาพื้นที่เกษตร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีมาตรการใดเพื่อรองรับการทำเกษตรของพวกเขา ชนกนันทน์ นันตะวัน นักวิชาการที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับปัญหามลพิษทางอากาศ ตัวแทนภาคประชาชน ชวนเปิดมุมมองเรื่องผลกระทบของมลพิษในภาคเหนือและมลพิษข้ามพรมแดน เพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการจัดการมลพิษทางอากาศ  โดยกล่าวว่านโยบายที่ดำเนินการมากว่า 5 ปีสามารถควบคุมปัญหามลพิษทางอากาศได้และทำให้การท่องเที่ยวยังคงดำเนินไปตามปกติ จากประเด็นนี้ ทำให้ชนกนันทน์ตั้งคำถามว่า เชียงใหม่สามารถควบคุมปัญหามลพิษได้แล้วจริงหรือ? เพราะจากการศึกษาข้อมูลสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่าคุณภาพอากาศในเชียงใหม่ช่วงมกราคม-เมษายน  ยังถือว่าอยู่ในระดับที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในช่วงมีนาคม-เมษายน ที่ค่า PM 2.5 พุ่งสูงถึงระดับสีแดงและม่วง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง

ชนกนันทน์เล่าว่า จากที่ได้ศึกษาปัญหามลพิษทางอากาศมาอย่างต่อเนื่อง โดยการเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง ตั้งแต่ช่วงเก็บเกี่ยว การเตรียมแปลงเพาะปลูก และช่วงเผาพืชไร่ พบว่าหนึ่งในปัจจัยที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นคือ ‘การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์’ ซึ่งในความเป็นจริงการเผาไร่ข้าวโพดเป็นเพียงหนึ่งในหลายสาเหตุของปัญหามลพิษทางอากาศเท่านั้น 

การเพิ่มขึ้นของไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับปัญหาฝุ่นข้ามพรมแดน

ข้อมูลจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมโดยกรีนพีซศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในรายงาน ผืนป่า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมลพิษ PM2.5 ข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ปี 2558-2563 ระบุว่า ในช่วงปี 2558-2563 พื้นที่ป่า 10.6 ล้านไร่ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงถูกทำลายและกลายเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งอยู่ในเขตภาคเหนือของสปป.ลาว

ภาพจาก greenpeace.org 

ผลจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในรายงานดังกล่าวข้างต้น ยังชี้ให้เห็นชัดเจนว่า จุดความร้อน (Hot Spot) ที่พบในพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของจุดความร้อนทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือกล่าวได้ว่าการขยายตัวของพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในแถบภาคเหนือของ สปป.ลาว และรัฐฉาน มีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นแหล่งกำเนิดของมลพิษทางอากาศข้ามพรมแดนโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่น PM2.5

ภาพจาก greenpeace.org 

ชนกนันท์มองว่า แม้พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในไทยจะไม่ขยายตัวไปมากกว่านี้ แต่เกษตรกรยังคงพยายามขยายพื้นที่เพาะปลูก เพราะข้าวโพดเป็นพืชเศรษฐกิจที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ทั้งด้านสินเชื่อ เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และสารเคมี นอกจากนี้ เกษตรกรบางส่วนยังเปลี่ยนจากการปลูกพืชชนิดอื่นมาปลูกข้าวโพดแทน เนื่องจากพืชบางชนิดให้ผลผลิตลดลงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวตามสถานการณ์ของเกษตรกร

ประกาศห้ามเผา แต่ไร้มาตรการรองรับ ช่องโหว่การแก้ปัญหาของรัฐบาล

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เครือเจริญโภคภัณฑ์เดินหน้าปฏิบัติการ ตัดต้นตอ PM 2.5 อย่างจริงจัง โดยประกาศ ‘ไม่รับซื้อ-ไม่นำเข้า’ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่เผาและรุกป่า พร้อมผลักดันระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Corn Traceability) สกัดข้าวโพดที่มาจากพื้นที่บุกรุกป่าและแปลงเผาทั่วประเทศ รวมถึงในประเทศเมียนมาตั้งเป้า ‘หยุดไฟ หยุดฝุ่น’ ที่ต้นเหตุ พร้อมจับมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือแนวทางกำจัดปัญหาหมอกควันไฟป่าในภาคเหนือ

จากกรณีดังกล่าวชนกนันทน์ได้อธิบายว่า ในความเป็นจริง การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้าวโพดนั้นยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ไม่ได้ลงทะเบียน อีกทั้งในกระบวนการปลูกก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าแต่ละแปลงใช้เมล็ดจากที่ไหน สุดท้ายแล้วข้าวโพดจากหลายแปลงก็จะถูกนำมารวมกันที่ล้งก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตอยู่ดี ทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าข้าวโพดเหล่านั้นมาจากแหล่งที่มีการเผาหรือไม่

“สุดท้ายแล้วก็ยังคงเห็นการเก็บเกี่ยวรวมกัน เห็นพื้นที่เศษซากของการเผาในพื้นที่แปลงข้าวโพด เราพยายามหาพื้นที่ที่ไม่มีการเผา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะในการปรับหน้าดินหรือการกำจัดเศษซากชีวมวลจากอุตสาหกรรมที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุด สำหรับเกษตรกรที่ไม่ได้มีรายได้เยอะ มันคือการเผา”

ชนกนันทน์เล่าว่า เกษตรกรส่วนใหญ่มีต้นทุนจำกัด ทำให้การเผาเป็นทางเลือกไม่กี่ทางที่พวกเขาสามารถใช้ได้ในการจัดการพื้นที่เกษตร เมื่อภาครัฐสั่งห้ามเผา แต่ไม่มีมาตรการรองรับอื่นๆ เกษตรกรจึงไม่รู้ว่าควรใช้วิธีไหนแทน ส่งผลให้มาตรการนี้ไม่สามารถยุติการเผาได้จริง อย่างไรก็ตาม เกษตรกรเองก็ไม่ได้ปฏิเสธการใช้วิธีการที่ดีขึ้น แต่พวกเขาต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อให้มีทางเลือกมากขึ้น

“เกษตรกรเองก็ไม่ได้ปฎิเสธวิธีการรูปแบบอื่น เพียงแต่ว่ามันยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้มีมาตรการใดมารองรับหรือช่วยเหลือพวกเขานอกจากการห้ามเผาเลย ไม่ได้มีวิธีการปฎิบัติ หรือแนวทางการดำเนินงานต่อ นอกจากคำสั่งห้ามเผาเท่านั้น”

ความท้าทายของเกษตรกรรมภาคเหนือ

ชนกนันทน์ลงพื้นที่สัมภาษณ์กลุ่มเกษตรภาคเหนือและได้พบว่า นอกจากปัญหาการเผาพื้นที่เกษตรแล้ว เกษตรกรไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการทำเกษตรกรรมอีก 4 ด้าน ประกอบด้วย

1.ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น ฝนตกไม่ตรงฤดูกาลและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้การทำเกษตรเป็นเรื่องยากขึ้น เกษตรกรต้องใช้ปุ๋ยและสารเคมีมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลผลิต แต่การใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่องทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ นอกจากนี้ ปัญหาไมโครพลาสติกในดินยังอาจส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิตและสุขภาพของผู้บริโภคในระยะยาว

2.ผลกระทบต่อสุขภาพ: สารเคมีที่ใช้ในแปลงเกษตรส่งผลต่อสุขภาพของเกษตรกรโดยตรง หลายคนเผชิญกับอาการแพ้เรื้อรัง และเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง เนื่องจากการสัมผัสสารเคมีเป็นเวลานาน ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดแค่ตัวเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังอาจกระทบไปถึงผู้บริโภคที่รับสารตกค้างผ่านอาหารที่ผลิตจากพื้นที่เกษตรกรรมเหล่านี้

3.ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: แม้ว่าภาคเกษตรกรรมจะเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงเผชิญกับความยากจนและหนี้สิน ต้นทุนการผลิตที่สูงและราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอน ทำให้เกษตรกรไม่สามารถหลุดพ้นจากภาระหนี้สินและยังไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้ แม้จะมีมาตรการประกันราคาพืชผล แต่เกษตรกรยังคงได้รับราคาที่ต่ำกว่าที่ประกาศ ทำให้พวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม

4.ผลกระทบทางสังคม: การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำในพื้นที่เกษตรกรรมส่งผลให้เกษตรกรเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับเพาะปลูก นอกจากนี้ การสูญเสียพื้นที่ป่ายังทำให้ดินเสื่อมโทรมและเพิ่มความเสี่ยงต่อดินถล่มและดินสไลด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของชุมชนและผลผลิตทางการเกษตร

อีกหนึ่งปัญหาคือแรงงานภาคเกษตร คนรุ่นใหม่เริ่มหันไปทำงานในเมืองมากขึ้น ส่งผลให้แรงงานในภาคเกษตรลดลง และต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติแทน อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านการจัดการที่ดินก็เป็นอีกอุปสรรคสำคัญ เกษตรกรหลายรายไม่มีสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง ทำให้ไม่สามารถวางแผนและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ชนกนันทน์มองว่า ปัญหาฝุ่นไม่ได้เกิดจากเกษตรกรเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นผลจากโครงสร้างการผลิตทางการเกษตรทั้งหมด บริษัทผู้รับซื้อผลผลิตควรมีมาตรการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้าวโพดให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ รัฐบาลควรมีนโยบายแก้ปัญหาที่มุ่งสนับสนุนเกษตรกรให้มีทางเลือกอื่น ในการจัดการเศษพืชหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อลดการเผาได้อย่างแท้จริง  และการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ใช่เพียงแค่การออกกฎหมายหรือคำสั่ง แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่ทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เกษตรกร และชุมชน เพื่อหาวิธีการแก้ไขที่ยั่งยืนและเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น

“ปัญหาที่เกษตรกรภาคเหนือต้องเผชิญเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และตัวเกษตรกรเอง หากมีมาตรการที่เหมาะสมและยั่งยืน ก็จะสามารถช่วยให้เกษตรกรพัฒนาอาชีพของตนเองได้ พร้อมทั้งสร้างสมดุลให้กับเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาว”

หมายเหตุ บทความชิ้นนี้เรียบเรียงจาก วงเสวนา PM2.5 จากท้องถิ่นถึงประเทศไทย โดย ผศ.ดร.นัทมน คงเจริญ, วิชชากร นวลฝั้น, ชนกนันทน์ นันตะวัน, ผศ.ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์, กรกนก วัฒนภูมิ, วัชลาวลี คำบุญเรือง และรศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องประชุม 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...