ศึกชิงนายก อบจ. เชียงใหม่ ‘พันธุ์อาจ’ ปั้นเศรษฐกิจนวัตกรรม ‘พิชัย’ โชว์โปร่งใส ‘พนม’ พลิกโครงสร้างพื้นฐาน-คืนวิถีล้านนา

Date:

3 ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ นำโดย พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครจากพรรคประชาชน, พิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย, พลตรี ดร.พนม ศรีเผือด ผู้สมัครในนามอิสระ ร่วมดีเบตเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายใน  “เวที The Voice เลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ 2568” ที่จัดขึ้น ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคาร 50 ปีรัฐศาสตร์ฯ โดย คณะรัฐศาสตร์และรัฐศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา

ภาพจาก : Pol-Sci Photo Club CMU 

โดย ‘พันธุ์อาจ’ กล่าวถึงความท้าทายในการพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างงานในเชียงใหม่ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่จบการศึกษาจากสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มักประสบปัญหาหางานทำในจังหวัดนี้ เขาเน้นว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) และ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ โดยไม่จำกัดเฉพาะในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ต้องขยายไปยังทุกอำเภอของจังหวัด

เขาชี้ว่า อบจ. จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เชียงใหม่กำลังเผชิญ ทั้งการขาดการพัฒนาเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากเกษตรและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นฐานเดิมของจังหวัด ขณะเดียวกันเศรษฐกิจเชียงใหม่ยังคงหดตัวลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาภาคเกษตรและท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง

พันธุ์อาจเสนอแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งไปสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานความรู้และนวัตกรรม โดยมีการปรับระบบการทำงานของ อบจ. ด้วยการตั้ง “สำนักพัฒนาเศรษฐกิจนวัตกรรมและการลงทุน” เพื่อส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีในท้องถิ่น พร้อมทั้งเน้นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถเติบโตและขยายธุรกิจในเชียงใหม่ได้

เขายังเสนอนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการใช้นวัตกรรมในการดูแลสาธารณูปโภคและการบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อการเป็นสังคมผู้สูงวัย (Super Age Society) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตสุดท้าย พันธุ์อาจย้ำถึงความสำคัญของการบริหารงานภาครัฐที่โปร่งใสและไม่มีการทุจริต 

ทั้งนี้พันธุ์อาจยังเปิดเผยถึงความหลากหลายที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดใน 3 มิติสำคัญ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเชียงใหม่ในอนาคต

มิติแรกคือ พหุวัฒนธรรม เชียงใหม่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจากชนเผ่าพื้นเมืองและชาติพันธุ์ต่างๆ รวมถึงการที่วัฒนธรรมจากต่างประเทศเข้ามามีบทบาท ซึ่งทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าทั้งในแง่เศรษฐกิจและสังคม

มิติที่สองคือ ความหลากหลายทางเพศ เชียงใหม่เป็นหนึ่งในเมืองที่มีการยอมรับและสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ อย่างเปิดเผย โดยพันธุ์อาจยกตัวอย่างว่า เมืองที่มีความหลากหลายทางเพศจะมีความสามารถในการสร้างสรรค์และพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ “เศรษฐกิจสีส้ม” ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

มิติที่สามคือ ความหลากหลายทางชีวภาพ เชียงใหม่มีความหลากหลายทางธรรมชาติที่สำคัญระดับโลก โดยเฉพาะในด้านป่าไม้และความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาและเสริมสร้างเศรษฐกิจ พันธุ์อาจเสริมว่า เชียงใหม่ควรมีนโยบายที่สนับสนุนและส่งเสริมความหลากหลายทั้ง 3 ด้านนี้ เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดในเวทีระดับโลก

ภาพจาก : Pol-Sci Photo Club CMU 

‘พิชัย’ ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเชียงใหม่ โดยย้ำว่าจังหวัดเชียงไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของคนทุกคน พร้อมรับข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายเพื่อบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดีที่สุด หากได้รับการเลือกตั้ง

พิชัยได้เปิดเผยว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของเขา อบจ.เชียงใหม่มีความโปร่งใสสูงถึง 99.3% ซึ่งได้รับการยอมรับจากประชาชนและสามารถตรวจสอบได้อย่างทั่วถึง เขากล่าวว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง 211 แห่งในเชียงใหม่ โดยเฉพาะ อบจ. จะทำหน้าที่เป็นพี่ใหญ่ในการดูแลพื้นที่ต่างๆ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนใน 25 อำเภอของจังหวัด

ในด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นฐานหลักของเชียงใหม่ที่มีรายได้ถึง 70% จากการท่องเที่ยว พิชัยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ศาลากลางเก่า 300 ไร่ให้เป็นสวนสาธารณะและแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ซึ่งกลายเป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น “เชียงใหม่ Festival” และ “เชียงใหม่ เมืองดอกไม้”

เขายังกล่าวถึงการสนับสนุนการจัดงานกีฬาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เช่น การจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน และวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์ซีวีลีก นอกจากนี้ยังมีแผนในการนำการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกมาจัดที่เชียงใหม่ในอนาคต

ในด้านสาธารณสุข พิชัยได้พูดถึงการพัฒนาระบบสุขภาพโดยการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มาให้ อบจ.ดูแล 82 แห่ง พร้อมจัดตั้งหน่วยงาน “Contact Unit for Community Family Care” เพื่อให้บริการสุขภาพครบวงจรโดยมีแพทย์ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด พิชัยยังยืนยันว่าในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนหนทาง อบจ.จะดูแลอย่างเต็มที่

พิชัย ชี้ว่า “เชียงใหม่” เป็นเมืองที่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวถึง 70% โดยเฉพาะในงานสำคัญอย่าง “ชมมิ่งเชียงใหม่ Festival” และ “มนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม” ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 7 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ยังสนับสนุนการจัดกิจกรรมในทุกอำเภอ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และพัฒนาการท่องเที่ยวในทุกมิติ รวมถึงการส่งเสริมการจัดงานกีฬาระดับโลก เช่น วิ่งเทลระดับโลก ที่จัดร่วมกับ UTMB และกระทรวงการท่องเที่ยว เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งดึงดูดนักวิ่งมากกว่า 8,000 คน และสร้างรายได้มหาศาลให้กับเชียงใหม่

พิชัยยังกล่าวถึงการพัฒนาสวนสาธารณะ เช่น สวนรถไฟ ที่ได้รับการยกจากการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ อปจร. เชียงใหม่ดูแล พร้อมสนับสนุนกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว รวมถึงแผนพัฒนาเชียงใหม่เป็น “Medical Hub” ด้วยการประสานงานกับคณะศรีพัฒน์และคณะแพทยศาสตร์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและผู้ป่วยจากต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะยิ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวได้มากขึ้น

ภาพจาก : Pol-Sci Photo Club CMU 

‘พนม’ เปิดเผยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเชียงใหม่โดยยึดประสบการณ์กว่า 30 ปีในพื้นที่ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาสำคัญที่ชาวเชียงใหม่เผชิญอยู่

พนมกล่าวว่าเขาเป็นคนเชียงใหม่ที่เกิดที่สุพรรณบุรี แต่ได้ใช้ชีวิตและทำงานในเชียงใหม่มากว่า 33 ปี โดยในช่วงเวลาที่ทำงานด้านการข่าวและมวลชนในทุกอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ เขาได้เห็นปัญหาหลายประการที่ยังคงสะสมและไม่ถูกแก้ไข เช่น ปัญหาความขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะบนดอยและพื้นที่ชนบทที่ยังขาดแคลนถนน ไฟฟ้า และน้ำประปา พนมยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่นายก อบต. คนหนึ่งบอกว่าเมียของเขาเสียชีวิตจากการคลอดลูกกลางดอย เนื่องจากถนนไม่ดีพอและไม่สามารถเข้าถึงได้ในฤดูฝน

เขายังพูดถึงปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในหมู่บ้านบางแห่งที่ไม่มีไฟฟ้าใช้มาเกิน 100 ปี และปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนและน้ำขาดแคลนในฤดูแล้ง ซึ่งเขามองว่าโครงสร้างพื้นฐานคือจุดเริ่มต้นในการพัฒนาทุกอย่าง และต้องมีการพัฒนาอย่างครอบคลุมเพื่อให้ทุกคนในเชียงใหม่ได้รับประโยชน์

ในด้านสาธารณสุข พนม เสนอนโยบายการยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้มีศักยภาพและความพร้อมในการดูแลประชาชนมากขึ้น โดยไม่เพียงแค่เป็นสถานีสุขภาพทั่วไป แต่ต้องเป็นศูนย์กลางที่ประชาชนสามารถพึ่งพาได้ในทุกสถานการณ์ เขาเสนอให้มีการจัดตั้งระบบฉุกเฉินที่มีศักยภาพ เช่น การใช้เฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตคนในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สามารถเข้าถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลา

ในประเด็นการทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองสะอาด พนมกล่าวว่าเขามีความตั้งใจที่จะปรับปรุงความสะอาดในทุกมิติ ตั้งแต่การกำจัดขยะมูลฝอยจนถึงการทำให้บ้านเมืองมีความสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเชื่อว่าเชียงใหม่ต้องการการพัฒนาทางด้านนี้เพื่อให้เมืองมีความสวยงามและน่าอยู่อาศัย

สุดท้าย พนมย้ำถึงความสำคัญของการบริหารงานที่โปร่งใสและการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาเชียงใหม่ให้เจริญก้าวหน้า เขาเชื่อว่าถ้าผู้นำมีความโปร่งใส การบริหารงานในท้องถิ่นจะดีทั้งหมดและเสนอแนวคิดโครงการ “แม่ปลูก ลูกขาย” ที่มุ่งเน้นการสนับสนุนและส่งเสริมการเกษตรในท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้มแข็งในเศรษฐกิจฐานราก

ทั้งนี้ พนม ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะในประเด็นของการติดตั้ง “รถไฟฟ้า” ในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเขามองว่าเมืองเชียงใหม่ยังไม่พร้อมสำหรับการมีระบบรถไฟฟ้าในขณะนี้

พนม ระบุว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีความเจริญเฉพาะบางพื้นที่ เช่น อำเภอเมือง อำเภอหางดง และอำเภอสันทราย โดยพื้นที่เหล่านี้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เมืองเชียงใหม่ยังไม่ใช่เมืองขนาดใหญ่หรือมีพื้นที่กว้างมาก จึงไม่จำเป็นต้องมีรถไฟฟ้าในช่วงเวลานี้

เขายังกล่าวถึงความสำคัญของ “รถ 4 ล้อแดง” ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเชียงใหม่ที่มีความสำคัญทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งภายในเมือง โดยเขามีแนวคิดที่จะนำรถ 4 ล้อแดงมาปัดฝุ่นและพัฒนาใหม่ เพื่อให้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวในเชียงใหม่

ในท้ายที่สุด พนม กล่าวว่า แม้จะมีการพูดถึงระบบขนส่งมวลชนใหม่ ๆ แต่เขาคิดว่าเชียงใหม่ยังไม่พร้อมสำหรับการมีระบบรถไฟฟ้าในปัจจุบัน และอาจจะต้องรอให้เมืองมีการขยายตัวและความเจริญมากขึ้นก่อนที่จะพิจารณาโครงการนี้ในอนาคต

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...