Rocket Media Lab เปิดข้อมูล โครงการแก้ปัญหาฝุ่นของรัฐ ปี 67 ไม่บรรลุ KPI สักข้อ

Date:

Rocket Media Lab รายงานถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันนี้ 19 ธันวาคม 2566 มีมติเห็นชอบมาตรการการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในปี 2567 และกลไกบริหารจัดการ ที่เสนอโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ อีกทั้งได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้ง “คณะกรรมการจัดการปัญหามลภาวะทางอากาศเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอให้จัดทำมาตรการแก้ไขฝุ่นพิษ PM2.5 พร้อมเสนอกลไกแก้ไขปัญหาทั้งระดับชาติและระดับพื้นที่ โดยเน้นมาตรการ 5 ข้อ ได้แก่

1. กำหนดพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กรุงเทพฯ ป่าอนุรักษ์ 10 แห่ง ป่าสงวนแห่งชาติ 10 แห่ง รวมถึงพื้นที่การเกษตรที่มีประวัติการเผาซ้ำซาก เป็นเป้าหมายหลักในการลดการเผา

2. สร้างกลไกการทำงานให้ภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนการแก้ไขปัญหา เพื่อลดข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ

3. ตั้งกลไกคณะกรรมการระดับชาติเพื่อสั่งการการปฏิบัติลงสู่ระดับพื้นที่

4. แก้ไขข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน

5. ยกระดับการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดนให้เข้มข้นขึ้น จากระดับภูมิภาคอาเซียน สู่การเจรจาทวิภาคี

ในขณะเดียวกันก็มีการกำหนดเป้าหมายในรูปแบบ KPI เพื่อให้สามารถเห็นผลได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 17 จังหวัดในภาคเหนือ ต้องดำเนินการลดการเผาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 10 แห่ง และป่าสงวนทั้ง 10 แห่ง ลงให้ได้ 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมใน 17 จังหวัดภาคเหนือก็ต้องลดลง 50% เช่นกัน 

ภาพ: Rocket Media Lab

สำหรับพื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงพื้นป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนนอกเหนือจากพื้นที่ข้างต้น ตั้งเป้าว่าต้องลดการเผาลง 20% ส่วนพื้นที่เกษตรอื่น ๆ นอกภาคเหนือให้ลดลง 10%

นอกจากนั้นได้กำหนดว่าค่าเฉลี่ยของฝุ่นควัน PM2.5 ในภาคเหนือจะต้องลดลง 40% กรุงเทพฯ ลดลง 20% ภาคตะวันออกเฉลียงเหนือต้องลดลง 10% และภาคกลางลดลง 10%

สำหรับจำนวนวันที่มีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานกำหนดให้ ภาคเหนือต้องลดลง 30% กรุงเทพฯ ลดลง 5% ภาคตะวันออกเฉลียงเหนือลดลง 5% ภาคกลาง 10%

นอกจากนี้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังได้แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ว่า

“ยกตัวอย่างในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีจุดที่เป็นฮอตสปอต แล้วพื้นที่เผาไหม้ลดลง จากปี 2566 คิดเป็นร้อยละ 50 เปอร์เซนต์ ดังนั้นแนวโน้มของปี 2568 จะมีแนวโน้มไม่รุนแรงถ้าเทียบกับปี 2566 ประกอบกับมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องของครอบคลุมเมือง ป่า เกษตรหมอกควันข้ามแดน  โดยกระทรวงการต่างประเทศมีมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันความข้ามแดน ภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใส (Clear sky Strategy) ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน และยังมีนวัตกรรมอีกมากมายที่จะใช้สนับสนุนดับฝุ่นควัน”

รวมไปถึงการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 90 วัน ภายใต้งาน ‘ปี 2568 โอกาสไทย ทำได้จริง’ ในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่กล่าวว่า

“การควบคุมการเผาไหม้พื้นที่การเกษตรต่างๆ จะทำให้เกิดการลดลองของฝุ่น PM2.5 ได้มาก ในเชียงใหม่เอง ในภาคเหนือเอง ทุกวันนี้เราลดพื้นที่เผาไหม้ลงได้ 50% ก็ทำให้ฝุ่นควันลดลงได้มากเช่นกัน ถ้าเทียบช่วงฝุ่นที่มากที่สุดของปีที่แล้วกับปีนี้ก็ลดลงไปอีก 30% ค่ะ ถือว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว”

Rocket Media Lab ชวนตรวจสอบ KPI ในการแก้ปัญหาฝุ่นของภาครัฐในปี 2567 ที่ผ่านมา ว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว 

จากข้อมูลพื้นที่เผาไหม้ (burn scar) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ระหว่าง ม.ค.-พ.ค. 2566 และ ม.ค.-พ.ค. 2567 และข้อมูลจากรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2567 และ รายงานมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 โดยกรมควบคุมมลพิษ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ KPI ในการลดฝุ่น PM2.5 ในปี 2567 ที่ภาครัฐตั้งเป้าไว้ จะพบว่า

1. 17 จังหวัดในภาคเหนือ ต้องดำเนินการลดการเผาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 10 แห่ง และป่าสงวนแห่งชาติทั้ง 10 แห่ง ลงให้ได้ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน

จากข้อมูลพื้นที่เผาไหม้ (burn scar) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ระหว่าง ม.ค.-พ.ค. 2566 และ ม.ค.-พ.ค. 2567 พบว่า ในปี 2566 จังหวัด 17 จังหวัดในภาคเหนือ มีพื้นที่เผาในป่าสงวนแห่งชาติ 3,731,468.34 ไร่ ส่วนปี 2567 เกิดการเผา 3,819,335.70 ไร่ หรือมีการเผาในพื้นที่ป่าสงวนเพิ่มขึ้น 87,867.363 ไร่ หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.35% จึงถือว่าเป้าหมายในส่วนนี้ไม่ประสบความสำเร็จ

ในส่วนของป่าอนุรักษ์นั้น พบว่าในปี 2566 พื้นที่ป่าอนุรักษ์ใน 17 จังหวัดภาคเหนือเกิดการเผา 3,952,486.113 ไร่ ส่วนปี 2567 เกิดการเผา 3,382,162.591 ไร่ หรือมีการเผาในป่าอนุรักษ์ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ลดลง 570,323.522 ไร่ คิดเป็นลดลง 14.43% แม้พื้นที่เผาไหม้ในป่าอนุรักษ์จะลดลง แต่เมื่อเทียบกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าลดการเผาลง 50% นั้นก็ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน 

ดังนั้น เป้าหมายลดการเผาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 10 แห่ง และป่าสงวนแห่งชาติทั้ง 10 แห่ง ลงให้ได้ 50% ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงไม่บรรลุผล

2. การเผาในพื้นที่เกษตรกรรมใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ต้องลดลง 50% 

เมื่อตรวจสอบการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ปี 2566 พบว่า มีพื้นที่การเผา 1,206,204.498 ไร่ ขณะที่ปี 2567 มีการเผา 1,609,633.09 ไร่ หรือมีการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 403,428.59 ไร่ หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 33.45% ซึ่งถือว่าไม่สามารถทำตามเป้าได้

ดังนั้น เป้าหมายลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ลง 50% จึงถือว่าไม่บรรลุผล

3. การเผาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติ นอกเหนือจากพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือต้องลดลง 20%

สำหรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ นอกเหนือจากพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ พบว่าปี 2566 มีการเผา 240,720.83 ไร่ ขณะที่ปี 2567 มีการเผาสูงถึง 1,020,301.16 ไร่ หรือพื้นที่ป่าสงวนนอกเหนือจากพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เท่ากับมีการเผาเพิ่มขึ้น 779,580.33 ไร่ หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 323.85% เลยทีเดียว

ส่วนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พบว่าในปี 2566 มีพื้นที่เผาเกิดขึ้น 463,572.441 ไร่ และปี 2567 มีพื้นที่เผา 999,132.12 ไร่ หรือพื้นที่ป่าอนุรักษ์นอกเหนือจากพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เท่ากับมีการเผาเพิ่มขึ้นถึง 535,559.679 ไร่ หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 115.53% 

ดังนั้น เป้าหมายลดการเผาในพื้นป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาตินอกเหนือจากพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ลง 20% จึงถือว่าไม่บรรลุผล

4. พื้นที่เกษตรกรรม นอกเหนือจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ ต้องลดการเผาลง 10%

พื้นที่เกษตรกรรมนอกเหนือจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ พบว่า ในปี 2566  มีการเผา 495,733.499 ไร่ ส่วนปี 2567  มีการเผา 4,851,424.91 ไร่ หรือมีการเผาในพื้นที่เกษตรนอกเหนือจาก 17 จังหวัดภาคเหนือเพิ่มขึ้น 4,355,691.411 ไร่ หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 878.64% เลยทีเดียว

ดังนั้น เป้าหมายลดการเผาในพื้นที่เกษตร นอกเหนือจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ ลง 20% จึงถือว่าไม่บรรลุผล

5. ค่าเฉลี่ยของฝุ่นควัน PM2.5 ในภาคเหนือจะต้องลดลง 40% กรุงเทพฯ และปริมณฑล ลดลง 20% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องลดลง 10% และภาคกลางลดลง 10%

จากรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2567 โดยกรมควบคุมมลพิษ และ รายงานมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 โดยกรมควบคุมมลพิษ พบว่าคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2566 มีค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 อยู่ที่ 33 มคก./ลบ.ม. ในปี 2567 ก็ยังมีค่าเฉลี่ยอากาศเท่าเดิม เช่นเดียวกับส่วนของภาคกลางมีค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 ในปี 2566 อยู่ที่ 34 มคก./ลบ.ม. และปี 2567 ก็มีค่าเฉลี่ยฝุ่นยังเท่าเดิม นับว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้

ในขณะที่ภาคเหนือ มีค่าเฉลี่ย PM2.5 ในปี 2566 อยู่ที่ 62 มคก./ลบ.ม. ในปี 2567 อยู่ที่ 46 มคก./ลบ.ม. แม้ว่าจะลดลงถึง 16 มคก./ลบ.ม. แต่ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย เพราะลดลงเพียง 25.81% เท่านั้น 

ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น มีค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 ในปี 2566 อยู่ที่ 41 มคก./ลบ.ม. ในปี 2567 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 37 มคก./ลบ.ม. ลดลงเพียง 9.76% ถือว่าไม่บรรลุเป้าหมายเช่นเดียวกัน 

ดังนั้น เป้าหมายการลดค่าเฉลี่ยของฝุ่นควัน PM2.5 ในปี 2567 ในทุกพื้นที่ จึงถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ 

6. จำนวนวันที่มีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานกำหนด ในภาคเหนือต้องลดลง 30% กรุงเทพฯ และปริมณฑล ลดลง 5% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลง 5% ภาคกลาง 10%

จากรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2567 โดยกรมควบคุมมลพิษ และ รายงานมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 โดยกรมควบคุมมลพิษ พบว่าในภาคเหนือ จำนวนวันที่มีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานกำหนด ในปี 2566 อยู่ที่ 112 วัน ในขณะที่ปี 2567 อยู่ที่ 129 วัน เพิ่มขึ้น 15.18% ถือว่ายังไม่บรรลุเป้าหมาย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนวันที่มีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานกำหนด ในปี 2566 อยู่ที่ 52 วัน ในปี 2567 เพิ่มมาเป็น 97 วัน เพิ่มขึ้น 86.54% ถือว่ายังไม่บรรลุเป้าหมาย 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวนวันที่มีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานกำหนด ในปี 2566 อยู่ที่ 95 วัน ในปี 2567 อยู่ที่ 113 วัน หรือเพิ่มขึ้น 18.95% ถือว่ายังไม่บรรลุเป้าหมาย และภาคกลาง จำนวนวันที่มีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานกำหนดในปี 2566 อยู่ที่ 73 วัน ส่วนในปี 2567 อยู่ที่ 101 วัน เพิ่มขึ้น 38.36% ถือว่ายังไม่บรรลุเป้าหมาย 

จากการตรวจสอบเป้าหมายทั้งหมดพบว่าวันที่มีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานกำหนดในแต่ละภาคล้วนเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% นับว่าไม่บรรลุเป้าหมาย

ปี 2567 เป้าการลดฝุ่น PM2.5 ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วเป้าใหม่ใน ปี 2568 เป็นอย่างไรบ้าง

จากรายงานมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 โดยกรมควบคุมมลพิษ มีการกำหนดมาตรการในการลดฝุ่น PM2.5 และพื้นที่เป้าหมายไว้ 3 พื้นที่ด้วยกัน คือ

1.พื้นที่ป่า เป้าหมาย : พื้นที่เผาไหม้ลดลงจากปี 2567 แบ่งเป็น

– 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ลดลงร้อยละ 25

– 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ลดลงร้อยละ 25 

– จังหวัดกาญจนบุรี ลดลงร้อยละ 25 

– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลงร้อยละ 25

2.พื้นที่เกษตร เป้าหมาย: พื้นที่เผาไหม้จากการเผาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว อ้อยโรงงาน ลดลงจากปี 2567 แบ่งเป็น 

    – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลงร้อยละ 20  

    – 17 จังหวัดภาคเหนือ ลดลงร้อยละ 30 

    – ภาคกลาง ลดลงร้อยละ 10

    – ภาคตะวันตก ลดลงร้อยละ 15 

    กลุ่มพืชเป้าหมาย แบ่งเป็น 

    – นาข้าว ลดลงร้อยละ 30 

    – ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดลงร้อยละ 10 

    – อ้อยโรงงาน ลดลงร้อยละ 15.

    3.พื้นที่เมือง เป้าหมาย : ควบคุมการระบายฝุ่นในพื้นที่เมือง

      – การปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ ร้อยละ 100 

      จาก KPI ใหม่ในปี 2568 จะเห็นว่า ในพื้นที่ป่านั้นมีการกำหนด KPI ลดลงจากปี 2567 จาก 50% เหลือเพียง 25% และไม่มีการกำหนด KPI ในพื้นที่ป่าภาคกลาง ในขณะที่พื้นที่เกษตร จะพบว่า KPI ในภาคเหนือลดลง จาก 50% เหลือเพียง 30% ส่วนภาคอื่นๆ สูงขึ้น และมีการเพิ่มเป้าหมายพื้นที่เกษตร โดยแยกเป็นกลุ่มพืชเป้าหมาย ในขณะเดียวกัน ค่าเฉลี่ยของฝุ่นควัน PM2.5 และจำนวนวันที่มีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานกำหนด ซึ่งเคยมีการกำหนดเป็น KPI ในปี 2567 กลับไม่มีการกำหนด KPI แล้วในปี 2568 

      อ้างอิง

      • พื้นที่เผาไหม้ (burn scar) ระหว่าง ม.ค.-พ.ค. 2566 และ ม.ค.-พ.ค. 2567 จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA  
      • รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2567 โดยกรมควบคุมมลพิษ 
      • รายงานมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 โดยกรมควบคุมมลพิษ

      ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

      กองบรรณาธิการ
      กองบรรณาธิการ
      ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

      กลุ่มรักษ์เชียงของยื่นฟ้องนายกฯ–กฟผ. ปมเขื่อนปากแบง หวั่นแม่น้ำโขงกลายเป็น ‘อ่างตะกอนพิษ’

      12 พฤศจิกายน 2568 กลุ่มรักษ์เชียงของ พร้อมประชาชน นักวิชาการ และทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ฟ้องนายกรัฐมนตรี...

      ทหารเกณฑ์ดับในค่ายพิษณุโลก มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจี้สอบเหตุละเมิดสิทธิ

      11 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ กรณี พลทหารเกณฑ์รายหนึ่งเสียชีวิตภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก หลังเข้ารับการฝึกเพียงไม่ถึง 10...

      เครือข่าย กก สาย รวก โขง ยื่น 5 ข้อ แก้ปัญหาน้ำปนสารพิษ ด้านรัฐบาลยืนยันยุติโครงการฝาย

      ภาพ: สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต 11 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย  การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300...

      มติเอกฉันท์ คนท่าตอน ‘ไม่เอาฝายดักตะกอน’ ชี้ต้องการ ‘น้ำสะอาด’ เร่งด่วนกว่า

      10 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสาย ท่ามกลางความสนใจของประชาชนกว่า...