สรุปประเด็น ‘รื้อฝายพญาคำ’ คอขวดของน้ำปิง หรือคอขวดของความเข้าใจที่ขาดชุมชนไป

Date:

เรื่อง: ลำพู กุหลาบวงษ์, ภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย

หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2567 รัฐบาลมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 ให้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในพื้นที่เชียงใหม่และ เชียงรายอย่างเร่งด่วน ภายใต้งบประมาณกว่า 157.6 ล้านบาท เพื่อขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำแม่ปิง รวมถึงงบอีก 13.8 ล้านบาท สำหรับ ‘รื้อฝายเก่า’ ทั้งสามแห่ง เหตุผลคือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลดความตื้นเขินของลำน้ำ และป้องกันเหตุซ้ำรอย แต่สิ่งที่หลายฝ่ายตั้งคำถามคือ เหตุใดจึงต้องเริ่มต้นด้วย ‘การรื้อฝาย?’

‘ฝายพญาคำ’ ซึ่งถือเป็นฝายกั้นแม่น้ำปิงที่ใหญ่และสูงที่สุดในเชียงใหม่ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559 ในฐานะมรดกภูมิปัญญาล้านนาแห่งระบบเหมืองฝายโบราณ อายุยาวนานกว่า 700 ปี

อย่างไรก็ตาม แม้ฝายเก่าสำหรับรัฐ อาจเป็นเพียงสิ่งกีดขวางทางน้ำ แต่สำหรับผู้คนใน 8 ตำบลที่พึ่งพาน้ำจากฝายนี้เพื่อการเกษตร การประมง และอุปโภคบริโภค ฝายคือชีวิต

คอขวดของน้ำปิง หรือคอขวดของความเข้าใจ

หากมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2567 สาเหตุสำคัญไม่ได้อยู่ที่ฝาย หากแต่อยู่ที่ ‘จุดคอขวดของแม่น้ำปิง’ บริเวณสะพานภาค 5 ซึ่งมีความกว้างเพียง 36 เมตร (ไม่นับตอม่อสะพาน) สามารถระบายน้ำได้เพียง 252 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ฝายพญาคำสามารถระบายน้ำได้มากกว่านั้นถึง 418 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีนั่นหมายความว่า จุดที่น้ำเอ่อล้นขึ้นมาท่วมเมือง ไม่ได้เกิดจากฝาย แต่จากโครงสร้างอื่นที่จำกัดการไหลของน้ำเสียเอง

ส่วนประเด็น ‘ตะกอนสะสม’ ที่รัฐอ้างว่าเกิดจากฝาย จนทำให้แม่น้ำตื้นเขินและระบายน้ำไม่ทัน ผลการสำรวจกลับพบว่า ตะกอนเกิดขึ้นตามธรรมชาติของลำน้ำ โดยเฉพาะในส่วนโค้งนอกและโค้งในของแม่น้ำ ซึ่งมีความลึกต่างกันตามสภาพการไหล ไม่พบหลักฐานว่าฝายเป็นสาเหตุสำคัญของการตื้นเขินแต่อย่างใด

หลายปีมานี้ การขุดลอกแม่น้ำปิงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก งบประมาณนับร้อยล้านถูกใช้ไปทุกปี ผลที่ได้คือทางน้ำที่ไหลคล่องขึ้นเพียงชั่วคราว ก่อนที่ตะกอนจะกลับมาอีก เพราะต้นเหตุของปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขจริง

“การขุดลอกน้ำปิงในเขตเมืองอาจช่วยได้บ้างแต่ปัญหาหลักคือมีพื้นที่ที่แคบและไม่ลึกเพียงพอ จึงทำให้น้ำไหลผ่านไม่สะดวก การขุดลอกน้ำปิงเฉพาะในเขตเมืองเปรียบเสมือนการสร้างขวดใหญ่มาเพื่อเก็บน้ำแต่ปากขวดแคบ เมื่อน้ำไหลลงมาพร้อมกัน หากขวดแตกออกด้านข้าง น้ำจะทะลักออกไปทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น”

มงคล ศรีสังวาลย์ ชาวบ้านชุมชนเมืองกาย อำเภอเมืองเชียงใหม่กล่าวไว้ในงานเลี้ยงผีฝายปี 2568 ประโยคของคนริมปิงนี้ สะท้อนภาพที่ชัดเจนกว่าตัวเลขในรายงานราชการ เมืองที่ขยายเต็มสองฝั่งแม่น้ำ พื้นที่รับน้ำถูกแทนที่ด้วยถนน คอนกรีต และอาคารสูง ทำให้แม่น้ำปิงต้องรับภาระหนักกว่าที่เคย

ข้อถกเถียง รื้อฝายพญาคำ ผ่านมุมของวิศวกรรม–วัฒนธรรม กับคำถามเรื่องการจัดการน้ำเชียงใหม่

วันที่ 4 กันยายน 2568 พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ ทบทวนโครงการรื้อฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล จังหวัดเชียงใหม่ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ว่า การดำเนินงานขาดกระบวนการมีส่วนร่วม และอาจกระทบต่อวิถีชีวิตกับภูมิปัญญาเหมืองฝายที่สืบทอดมากว่า 700 ปี

จากการตรวจสอบของ กสม. พบว่า สาเหตุน้ำท่วมไม่ได้มาจากตัวฝาย แต่เกิดจากการรุกล้ำลำน้ำปิง ซึ่งทำให้การระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพ การรื้อฝายจึงไม่ใช่คำตอบที่ตรงจุด และอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ใช้น้ำกว่า 9 ตำบล ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ สารภี และเมืองลำพูน กสม. จึงเสนอให้ ตั้งคณะทำงานร่วมทุกภาคส่วน เพื่อหาทางออกที่ไม่กระทบต่อมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐเร่งจัดการปัญหาการบุกรุกลำน้ำอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม ในอีกฟากหนึ่งของข้อถกเถียง รศ.ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมาแสดงความเห็นจากมุมมองวิศวกรรมชลศาสตร์ โดยระบุว่า ‘ฝายหินทิ้ง’ ทั้งสามแห่งในแม่น้ำปิงไม่ใช่ฝายดั้งเดิมอีกต่อไป หากแต่เป็นโครงสร้างถาวรที่กีดขวางทางน้ำ ทำให้ระดับน้ำยกตัวสูงและเกิดการตกตะกอนสะสม

“ในทางวิทยาศาสตร์ มันคือสิ่งกีดขวางลำน้ำอย่างชัดเจน” รศ.ชูโชคกล่าว พร้อมอธิบายว่า เดิมทีฝายพญาคำเป็นฝายไม้ไผ่ที่พังตามฤดูกาล แต่ต่อมาถูกปรับเป็นฝายหินทิ้งที่กักน้ำตลอดปี จนกลายเป็นต้นเหตุให้น้ำระบายไม่ทันในฤดูฝน อีกทั้งฝายเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ

เขายังชี้ว่า ประตูระบายน้ำท่าวังตาล ซึ่งสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2556 สามารถทดแทนหน้าที่ของฝายเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลุ่มผู้ใช้น้ำจำนวนมากจึงลงนามเห็นชอบให้รื้อฝาย เพื่อป้องกันน้ำท่วมและลดความเสี่ยงในเขตเมือง 

“น้ำไม่รอเวลา และความเดือดร้อนของคนก็รอไม่ได้เช่นกัน” เขาทิ้งท้าย พร้อมเสนอให้รัฐเดินหน้าปรับสภาพฝายและขุดลอกแม่น้ำควบคู่กัน เพื่อให้การระบายน้ำของเชียงใหม่กลับมาไหลได้ตามธรรมชาติอีกครั้ง

ขณะที่ ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานมูลนิธิสืบสานล้านนา ได้นำเสนอเหตุผล 9 ประการที่ไม่ควรรื้อฝายพญาคำ ได้แก่

  1. ฝายพญาคำเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี 2558
  2. ฝายไม่ใช่สาเหตุของน้ำท่วม พื้นที่น้ำท่วมอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร
  3. ฝายช่วยชะลอน้ำและรักษาระบบนิเวศ เพิ่มความชุ่มชื้นและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ
  4. เป็นส่วนหนึ่งของระบบเหมืองฝายล้านนาที่ใช้จัดการน้ำของชุมชนมายาวนาน
  5. เป็นแหล่งเรียนรู้และพื้นที่วัฒนธรรม ถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่คนรุ่นใหม่
  6. การรื้อฝายละเมิดสิทธิของชุมชน เพราะขาดกระบวนการรับฟังความคิดเห็น
  7. สามารถปรับปรุงฝายได้โดยไม่ต้องรื้อ เช่น เพิ่มช่องระบายน้ำหรือปรับโครงสร้าง
  8. การรื้อฝายอาจกระทบระบบน้ำและสิ่งแวดล้อมของเมืองเชียงใหม่
  9. การแก้ปัญหาน้ำท่วมควรมองทั้งระบบ รวมถึงการคืนพื้นที่ลำน้ำและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการและภาคประชาชนหลายรายย้ำว่า การรื้อฝายสะท้อนแนวทางบริหารจัดการน้ำที่ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน และละเลยคุณค่าทางวัฒนธรรมของพื้นที่ ‘ฝายพญาคำ’ จึงไม่ใช่เพียงโครงสร้างชะลอน้ำ หากแต่เป็นหัวใจของระบบเหมืองฝายล้านนา ที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของผู้คนในลุ่มน้ำปิงมานับศตวรรษ

ภาคประชาชนจึงเรียกร้องให้รัฐ ชะลอการรื้อฝาย และหันมาพัฒนาแนวทาง จัดการน้ำร่วมสมัยบนฐานภูมิปัญญาเดิม เพื่อให้เชียงใหม่เดินหน้าพัฒนาได้โดยไม่สูญเสียรากเหง้าทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของตนเอง

รื้อฝายเก่าแก้น้ำท่วม กระจกสะท้อนแนวคิดรัฐต่อแม่น้ำและชุมชน

วันที่ 20 กันยายน 2568 จังหวัดเชียงใหม่เริ่มรื้อถอนฝายพญาคำ  กลายเป็นภาพสะเทือนใจของคนหลายรุ่น จนกระทั่งในวันที่ 25 กันยายน เครือข่ายภาคประชาชนร่วมแถลงการณ์คัดค้านการรื้อถอนฝายทั้งสามแห่ง โดยยืนยันว่าการดำเนินโครงการนี้ละเมิดสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 43 และขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559 พร้อมเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมใช้อำนาจระงับโครงการทันที

ชัชวาลย์กล่าวถึงมุมมองการแก้ปัญหานี้ว่า “เราไม่ได้คัดค้านการแก้น้ำท่วม แต่ไม่เห็นด้วยกับการรื้อฝาย เพราะฝายไม่ใช่ตัวปัญหา” พร้อมตั้งคำถามว่า ในเมื่อเชียงใหม่กำลังประกาศตนเป็น ‘เมืองแห่งวัฒนธรรม’ เหตุใดนโยบายของรัฐกลับทำลายมรดกของชุมชนเอง

กรณีฝายพญาคำไม่ใช่เพียงข้อขัดแย้งระหว่าง ชาวบ้านกับรัฐ หรือ วิศวกรรมกับวัฒนธรรม แต่มันคือกระจกสะท้อนวิธีคิดของรัฐไทยต่อการจัดการน้ำ ที่มองแม่น้ำเป็นเพียงท่อระบายน้ำ และมองชุมชนเป็นเพียงผู้ขวางทาง

ในขณะที่ปัญหาน้ำท่วมของเชียงใหม่ยังคงเกิดซ้ำ รัฐกลับเลือกใช้คำตอบเดิม นั่นคือ ‘ขุดลอก’ และ ‘รื้อถอน’ โดยละเลยโครงสร้างที่แท้จริงของปัญหา ทั้งการรุกล้ำลำน้ำ การวางผังเมืองผิดพลาด และการไม่ฟังเสียงของคนที่อยู่กับน้ำมานานนับศตวรรษ

ฝายพญาคำจึงกลายเป็นมากกว่าฝาย เพราะสะท้อนการบริหารจัดการน้ำที่รัฐเลือกแก้ปัญหาโดยไม่ฟังเสียงชุมชน นี่คือบททดสอบว่ารัฐสามารถเดินหน้าเชียงใหม่สู่เมืองแห่งวัฒนธรรมและความยั่งยืนได้หรือไม่ หากรากของภูมิปัญญาท้องถิ่นถูกทำลายไปพร้อมกับฝายและสายน้ำ

ผลงานชิ้นนี้อยู่ภายใต้โครงการศึกษาวิจัยและจัดตั้งคลินิกกฎหมายสิ่งแวดล้อมฯ ในรายวิชา การศึกษากฎหมายสิ่งแวดล้อมเชิงคลินิก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รายการอ้างอิง

“ฝายพญาคำ” อนุรักษ์หรือรื้อถอน เมื่อภูมิปัญญาท้องถิ่นถูกท้าทายด้วยโครงการพัฒนาของรัฐ

เริ่มรื้อแล้ว ฝายพญาคำ ชาวบ้าน-นักวิชาการเตรียมยื่นศาลปกครอง หวั่นผลกระทบน้ำและชุมชน

เปิดเหตุผล 8 ข้อ ทำไมต้องรื้อ 3 ฝาย ใน จ.เชียงใหม่ แก้ปัญหาน้ำท่วม

9 เหตุผล ทำไมการรื้อฝายผญาคำจึงไม่ใช้คำตอบแก้ปัญหาน้ำท่วมเชียงใหม่

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...

เปิด 5 เหตุผล ทำไม ‘เขื่อนปากแบง’ จึงไม่ควรถูกสร้างขึ้นบนแม่น้ำโขง

‘เขื่อนปากแบง’ เป็นโครงการพลังน้ำขนาดใหญ่บนแม่น้ำโขงสายประธานของลาว แบบน้ำไหลผ่าน (Run-of-River) ตั้งที่เมืองปากแบง แขวงอุดมไชย ห่างชายแดนไทย 97 กิโลเมตร...