แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะยืนยันว่า “น้ำประปา ผัก และปลา” ในลุ่มแม่น้ำกกยังปลอดภัย แต่รายงานล่าสุดจากกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กลับพบสารหนูในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขงเกินค่ามาตรฐานหลายจุด สะท้อนปัญหามลพิษในระบบนิเวศน้ำที่ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนจากภาครัฐ
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 กรมควบคุมมลพิษเผยผลตรวจคุณภาพน้ำ “แม่น้ำกก” ครั้งที่ 3 ซึ่งเก็บตัวอย่างระหว่างวันที่ 12–16 พฤษภาคม ครอบคลุมพื้นที่ตรวจ 15 จุด พบว่า 11 จุดมีสารหนู (As) เกินค่ามาตรฐาน 0.010 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยเฉพาะบริเวณต้นน้ำในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าระหว่าง 0.018–0.030 มิลลิกรัมต่อลิตร
นอกจากนี้ ยังพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำสายทั้งสามจุด และแม่น้ำโขงอีกสองจุดในเขตอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เช่น จุด NK01 และ NK02 ตรวจพบค่าสารหนูสูงถึง 0.025–0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร
คพ.ระบุว่า บริเวณชายแดนไทย–เมียนมา ทั้งลุ่มแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย มีค่าความขุ่นและสารหนูในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญ โดยชี้ว่ามีความเป็นไปได้ว่าอาจได้รับผลกระทบจากกิจกรรมเหมืองแร่ฝั่งเมียนมา โดยเฉพาะในเขตต้นน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติมทั้งในพื้นที่ไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อประเมินความเชื่อมโยงของการปนเปื้อน
ขณะที่แถลงการณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเมื่อสัปดาห์ก่อน ยืนยันว่าน้ำประปาในจังหวัดยังปลอดภัย โดยอ้างผลตรวจร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่ไม่ได้กล่าวถึงสถานะของคุณภาพน้ำในแม่น้ำโดยตรง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของหลายชุมชน
คพ.เตือนว่า หากประชาชนนำน้ำในพื้นที่ที่ตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานไปใช้อุปโภคบริโภค จำเป็นต้องผ่านกระบวนการบำบัดก่อน และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการจับสัตว์น้ำหรือทำกิจกรรมในแม่น้ำช่วงเวลานี้ เนื่องจากสารหนูอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งคนและสัตว์น้ำ
กรมควบคุมมลพิษอยู่ระหว่างรอผลการวิเคราะห์รอบที่ 4 ซึ่งเก็บตัวอย่างระหว่างวันที่ 26–30 พฤษภาคม โดยระบุว่าจะเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะทันทีเมื่อผลตรวจแล้วเสร็จ
สถานการณ์นี้กำลังตั้งคำถามต่อท่าทีของรัฐที่เลือกสื่อสาร “ความปลอดภัยของน้ำประปา” แต่กลับไม่มีแผนเร่งด่วนในการจัดการหรือเยียวยาผลกระทบต่อแม่น้ำและชุมชนที่พึ่งพาสายน้ำในการดำรงชีวิต
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...