อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ‘พอล แชมเบอร์ส’ คดี ม.112 เหตุหลักฐานไม่ชัด ขณะศาลอุทธรณ์ภาค 6 อนุญาตถอด EM แล้ว

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 พิศิษฐ์ชัย มีโภชนัย ผู้อำนวยการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีของ พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส (Paul Wesley Chambers) นักวิชาการชาวอเมริกัน ผู้ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560

คดีนี้สืบเนื่องจากการที่แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 มอบอำนาจให้นายทหารแจ้งความกล่าวหา พอล จากกรณีการเผยแพร่คำโปรยแนะนำเวทีเสวนาวิชาการผ่านเว็บไซต์ของสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ โดยกล่าวว่ามีข้อความพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์

สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 และได้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมซึ่งประกอบด้วยอัยการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย 6 คน พิจารณาสำนวนอย่างรอบคอบ ก่อนมีความเห็นว่าเอกสารเชิญชวนดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่า พอลเป็นผู้จัดทำหรือเผยแพร่ และไม่มีหลักฐานเพียงพอแสดงเจตนาในการกระทำความผิด จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง และส่งเรื่องคืนให้พนักงานสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 พอลได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ขอถอดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ที่ติดตั้งไว้บริเวณข้อเท้าตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 6

ต่อมาในวันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้มีคำสั่งใหม่ อนุญาตให้ พอล ถอดอุปกรณ์ EM ได้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป หลังพิจารณาคำอุทธรณ์ โดยยังคงให้ พอลปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกันตัวอื่น ๆ เช่น วางหนังสือเดินทางไว้กับศาล ห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีผู้กำกับดูแลระหว่างปล่อยชั่วคราว