เขียนอนาคตคนท่าตอน เมื่อการฟื้นฟู ‘แม่น้ำกก’ คือหัวใจของการพัฒนาท้องถิ่น

Date:

เรื่องและภาพ: เปรม เต็งสวัสดิกุล

ท่าตอน ชุมชนเล็กในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ คือด่านแรกที่แม่น้ำกกจากเทือกเขาชายแดนเมียนมาไหลเข้าสู่ไทย จนได้ชื่อว่าเป็น ‘ประตูของแม่น้ำกก’ ที่เชื่อมภูเขา ผู้คน และวิถีชีวิตเข้าด้วยกันมาตั้งแต่อดีต พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้เคยเป็นจุดพักสำคัญของการสัญจรทั้งทางบกและทางน้ำ เชื่อมโยงไปยังเชียงรายและลุ่มน้ำโขง จนกลายเป็นหัวใจของการค้าขายและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

เหนือหมู่บ้านคือวัดท่าตอน วัดเก่าแก่ที่เคยร้างมาหลายร้อยปี ตามตำนาน ‘สุวรรณดำแดง’ ที่เล่าว่าผู้คนที่อพยพเข้ามาในลุ่มน้ำกกได้นำพุทธศาสนามาผสานกับวิถีชีวิต จนวัดแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางพิธีกรรมทางศาสนา การบูรณะจริงจังเริ่มในปี พ.ศ. 2479 โดยครูบาแก้ว กาวิชโย ก่อนจะได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ครอบคลุมพื้นที่กว่า 425 ไร่ ปัจจุบัน วัดท่าตอนยังเป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจและสถานที่ประกอบประเพณีใหญ่ เช่น พิธีอุปคุต เพื่ออัญเชิญพระอุปคุตขึ้นมาคุ้มครองสายน้ำและความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน

ความงดงามของท่าตอนยังปรากฏในทิวทัศน์แม่น้ำกกที่ไหลคดเคี้ยวท่ามกลางขุนเขา เป็นทั้งแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมา ที่นี่จึงถูกยกระดับเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของแม่อาย มีกิจกรรมหลากหลายตั้งแต่การพักผ่อนริมน้ำ ล่องแพ เล่นน้ำ ไปจนถึงการผจญภัยกลางธรรมชาติ ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ อาทิ  กะเหรี่ยง ลีซอ ลาหู่ ไทลื้อ และม้ง ท่าตอนจึงเป็นทั้ง ‘แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ’ และ ‘พื้นที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม’ ที่รวมความหลากหลายและเสน่ห์ของลุ่มน้ำกกไว้ในที่เดียว

อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตริมสายน้ำกำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนจากปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อแม่น้ำกกซึ่งเป็นทั้งเส้นเลือดหล่อเลี้ยงผู้คนและศูนย์กลางความศรัทธา กำลังตกอยู่ในวิกฤติการปนเปื้อนสารพิษ อันเป็นผลสืบเนื่องจากกิจกรรมเหมืองแร่หายาก หรือแรร์เอิร์ธ ในรัฐฉาน

ท่าตอนในวันที่น้ำกกป่วย 

หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อเดือนกันยายน 2567 ทิ้งร่องรอยตะกอนดินโคลนปกคลุมทั้งชุมชน ชาวบ้านท่าตอนพยายามฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับคืนมา แต่ในเดือนมีนาคม 2568 สัญญาณความผิดปกติก็ปรากฏขึ้น เมื่อชาวบ้านสังเกตเห็นว่าน้ำกกมีความขุ่นข้นกว่าที่เคยเป็น จนต้องออกมารวมตัวประท้วงริมแม่น้ำกก เพื่อเรียกร้องให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปกป้องสายน้ำที่เป็นเสมือนชีวิตของชุมชน

สถานการณ์ไม่เพียงกระทบต่อสุขภาพของผู้คนและการเกษตร แต่ยังสั่นคลอนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ท่าตอนสั่งสมมา กระแสข่าวน้ำปนเปื้อนทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ร้านอาหารริมน้ำเงียบเหงา รีสอร์ตและกิจกรรมล่องแพซบเซา เศรษฐกิจชุมชนดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จนหลายคนหวั่นว่า ท่าตอนกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

ต่อมา วันที่ 4 เมษายน 2568 สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เปิดเผยผลตรวจคุณภาพน้ำ ยืนยันว่าแม่น้ำกกเข้าสู่ภาวะ ‘เสื่อมโทรม’ และตรวจพบการปนเปื้อนโลหะหนักอย่างตะกั่วและสารหนูเกินค่ามาตรฐาน พร้อมทั้งออกคำเตือนให้ประชาชนในพื้นที่แม่อายและหลายอำเภอของเชียงรายหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ผลตรวจดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความวิตกกังวลของชาวบ้านมากกว่าเดิม

วิกฤตน้ำกกสร้างผลกระทบต่อท่าตอนในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและภาคเกษตรกรรม ด้านการท่องเที่ยว ข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่มีมูลค่าการท่องเที่ยวในปี 2567 รวม 103,822 ล้านบาท คิดเป็น 37.42% ของ GPP จังหวัด และมีนักท่องเที่ยวกว่า 11 ล้านคน 

สำหรับธุรกิจที่พัก โรงแรม และรีสอร์ท ท่าตอนมีที่พักริมแม่น้ำกก 5 แห่งในระยะ 3 กิโลเมตรจากแม่น้ำ แต่ทุกแห่งมีความสัมพันธ์กับแม่น้ำกกอย่างเต็มที่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่พักในพื้นที่มักต้องไปชมแม่น้ำกกเสมอ จากการประเมินความเสียหายของ Lanner มูลค่าการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับที่พักริมแม่น้ำกกในอำเภอแม่อายจังหวัดเชียงใหม่มีประมาณ 467,046,518 ล้านบาทต่อปี ซึ่งรวมถึงพื้นที่ท่าตอนด้วย นั่นหมายความว่าผลกระทบต่อแม่น้ำกกโดยตรงส่งผลต่อรายได้ของชุมชนอย่างชัดเจน

ด้านเกษตรกรรม ท่าตอนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ข้อมูลจาก สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าเชียงใหม่มีพื้นที่เกษตรกรรมรวม 3.45 ล้านไร่ โดยภาคเกษตรมีมูลค่า 49,198 ล้านบาท คิดเป็น 17.7% ของ GPP และมีแรงงานกว่า 77,500 คน สำหรับอำเภอแม่อาย มีพื้นที่เกษตรกรรม 93,758 ไร่ คิดเป็น 18% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนตำบลท่าตอนมีพื้นที่เกษตรกรรม 20,023 ไร่ ในจำนวนนี้มี 7,194 ไร่อยู่ริมแม่น้ำกก ซึ่งพึ่งพาน้ำจากสายน้ำโดยตรง

วิกฤตครั้งนี้ไม่เพียงหมายถึงการสูญเสียทรัพยากรน้ำที่เคยหล่อเลี้ยงชีวิต หากยังสั่นคลอนเสาหลักทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของท่าตอน ซึ่งอาจเปลี่ยนอนาคตของเมืองเล็กริมสายน้ำแห่งนี้ไปอย่างไม่อาจหวนกลับได้

ความหวังของชุมชน หลังแม่น้ำกกเปลี่ยนสี

“ท่าตอนเมื่อก่อนนี่เจริญมาก มีเรือเป็นร้อยๆ ลำจากท่าตอนไปเชียงราย” 

สุ ดวงใจ คณะกรรมการมูลนิธิร่มโพธิ์ เล่าความทรงจำของท่าตอนในอดีตว่า ชุมชนแห่งนี้ไม่ใช่เพียงชุมชนเล็กริมสายน้ำ แต่เป็นศูนย์กลางการสัญจรและการแลกเปลี่ยนของผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ขาย นักท่องเที่ยว นักเดินทาง และผู้ที่อพยพเข้ามาในลุ่มน้ำกก เส้นทางเรือเชื่อมต่อเมืองเล็กกับเชียงราย ราวกับเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจและชีวิตของผู้คนในพื้นที่

“อยากให้กลับมาเหมือนเดิม เหมือนที่เคยเป็น แค่ครึ่งหนึ่งก็ยังดี” เธอพูดด้วยความหวังว่าในอนาคตท่าตอนจะกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง แม่น้ำกกจะใสสะอาดและเต็มไปด้วยชีวิต ผู้คนยังคงใช้สายน้ำเป็นทั้งเส้นทางและแหล่งเลี้ยงชีพ เหมือนวันเก่าๆ ที่ความเจริญและความมีชีวิตชีวากลับมาสู่เมืองเล็กริมสายน้ำแห่งนี้

ด้าน คำ นันแก้ว ประธานผู้สูงอายุบ้านท่าตอนเล่าว่า ชีวิตเยาวชนและคนหนุ่มสาวในท่าตอนไม่เรียบง่ายนัก หลายคนต้องออกไปทำงานรับจ้างเพื่อเลี้ยงชีพและครอบครัว ขณะที่หมู่บ้านเหลือเพียงผู้สูงอายุเป็นหลัก พวกเขากลายเป็นกำลังสำคัญในการสืบสานประเพณี จัดงานบุญ ดูแลวัด และถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น

“คนหนุ่มส่วนใหญ่ไปทำงานในเมือง หรือไม่ก็ไปรับจ้าง เหลือแต่คนแก่ เวลาวัดมีกิจกรรมก็ต้องช่วยกันทำ”

พระอาจารย์มหานิคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน สะท้อนความจริงที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเปราะบางของสายน้ำกก โดยกล่าวว่า น้ำกกไม่ใช่แค่แหล่งน้ำ แต่เป็นรากฐานของวัฒนธรรม เป็นพลังที่ขับเคลื่อนชุมชน และเป็นความหวังเดียวที่ทำให้อนาคตของท่าตอนยังมีชีวิตอยู่

“สิ่งแวดล้อมคือชีวิต น้ำกกตอนนี้มีอยู่ แต่ใช้ไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับไม่มี ถ้าเราช่วยกันรักษาแม่น้ำกก ก็เท่ากับรักษาชีวิตและอนาคตของท่าตอน”

เสียงของพระอาจารย์สะท้อนความกังวล ความหวัง และความเชื่อมั่น ว่าหากชุมชนร่วมมือกันฟื้นฟูสายน้ำกก แม่น้ำแห่งนี้จะกลับมาหล่อเลี้ยงชีวิต ให้ความอุดมสมบูรณ์ และรักษาเอกลักษณ์ของท่าตอนให้คงอยู่ต่อไป

องค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอนได้วางวิสัยทัศน์สำหรับการพัฒนาชุมชนในช่วงปี พ.ศ. 2566–2570 อย่างชัดเจน มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างรอบด้านผ่าน 7 ยุทธศาสตร์หลัก ครอบคลุมทุกมิติของชีวิตชุมชน ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม การศึกษา ไปจนถึงความสงบเรียบร้อย รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิต การสาธารณสุข และการสร้างความร่วมมือในชุมชน

ทั้งหมดสะท้อนภาพการพัฒนาท่าตอนอย่างครบวงจร ไม่เพียงเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังผสานคุณภาพชีวิต ความมั่นคงทางสังคม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ชุมชนเล็กริมสายน้ำกกสามารถก้าวผ่านความท้าทาย สร้างความเข้มแข็ง และรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้ได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านต่างหวังว่า แผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอนฉบับนี้ จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม เพื่อให้ท่าตอนกลับมาเป็นเมืองเล็กที่มั่นคงริมสายน้ำกกอีกครั้ง

อนาคตของเยาวชนท่าตอน บนร่องรอยสายน้ำที่พังทลาย

วิกฤตสารปนเปื้อนในน้ำกกไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะปัญหาสุขภาพหรือเศรษฐกิจ แต่ยังซึมลึกไปถึง ชีวิตของเยาวชนในท่าตอน ที่ต้องเติบโตมากับสภาพแวดล้อมซึ่งไม่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพของพวกเขา สายน้ำที่เคยหล่อเลี้ยงวิถีชีวิตและเกษตรกรรม กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเปราะบางและอุปสรรคที่ชุมชนต้องเผชิญ

ท่าตอนเป็นชุมชนหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งชาวไทใหญ่ ลีซู ลาหู่ กะเหรี่ยง และอาข่า ความหลากหลายนี้สร้างสีสันทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น แต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาเรื่องการไร้สัญชาติของหลายคนก็เป็นอุปสรรคให้เยาวชนไม่สามารถเข้าถึงโอกาสในชีวิตได้เต็มที่  แม้คณะรัฐมนตรีจะมีมติเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ให้เร่งแก้ปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลของผู้ที่อพยพเข้ามาอยู่ในไทย พร้อมปรับขั้นตอนและลดระยะเวลาการดำเนินการแล้วก็ตาม

“ฟุตบอลชุมชนสำคัญ เพราะช่วยให้เยาวชนไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” ท่ามกลางความท้าทายนี้ ฟุตบอลชุมชนกลายเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหมาย ก๊อบ โกฏคำ ผู้ดูแลทีมฟุตบอลเยาวชนท่าตอน เล่าว่า สำหรับเด็กๆ ฟุตบอลไม่ได้เป็นเพียงของเล่น แต่เป็นสนามฝึกวินัยและบทเรียนชีวิตแรก ที่สอนให้รู้จักการล้มและลุกขึ้น

ที่สนามบ้านห้วยมะเฟือง เด็กประถมและวัยรุ่นยังวิ่งไล่เตะบอลด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ลูกบอลกลิ้งไปมาท่ามกลางฝุ่นดินและลมเย็นของแม่น้ำกก เป็นภาพสะท้อนถึงความหวังเล็กๆ ที่เยาวชนยังคงถือไว้ในมือ พวกเขาฝึกฝนวินัย ฝึกทักษะ และฝันถึงอนาคตที่พวกเขาสามารถก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าได้

“หลายคนไม่มีสัญชาติไทย พอไปไหนไกลไม่ได้ก็เหมือนถูกปิดโอกาส ผมอยากให้ฟุตบอลเยาวชนท่าตอนช่วยน้องๆ หารายได้และฝึกวินัย” 

ก๊อบพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แฝงด้วยความตั้งใจที่จะช่วยให้เยาวชนไม่เพียงแค่สนุก แต่ยังได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความยากลำบาก และเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

การฟื้นฟูแม่น้ำกกคือหัวใจของการพัฒนาท่าตอน

เสียงสะท้อนจากคนหนุ่ม ผู้สูงอายุ และพระในวัด สะท้อนตรงกันว่า การฟื้นฟูแม่น้ำกก คือหัวใจของการพัฒนาท่าตอน น้ำที่สะอาดหมายถึงพื้นฐานสำคัญสำหรับชีวิต ทั้งด้านอาหาร สุขภาพ การประกอบอาชีพ และวัฒนธรรม แม่น้ำที่บริสุทธิ์ยังเชื่อมโยงกับความมั่นคงของระบบนิเวศและความปลอดภัยของประชาชน ตลอดจนฟื้นคืนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวริมน้ำกกของท่าตอน

แม้ท่าตอนอาจถูกท้าทายด้วยวิกฤตสิ่งแวดล้อมและผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ความเข้มแข็งของชุมชน ความร่วมมือ และศรัทธาที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน คือพลังสำคัญที่ทำให้ชุมชนยังคงก้าวต่อไป ท่าตอนจึงไม่ใช่เพียงจุดพักทางน้ำหรือเมืองเล็กริมแม่น้ำ แต่เป็นภาพสะท้อนของความหวัง ความร่วมมือ และพลังแห่งชุมชน ที่แม้เผชิญอุปสรรคใหญ่ ก็ยังสามารถก้าวผ่าน สร้างความเข้มแข็ง และรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้ได้อย่างยั่งยืน

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Lanner Joy Local Storytelling Lab โดยความร่วมมือของ Lanner ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Thai Media Lab และ มหาวิทยาลัยพะเยา #LannerJoy #LocalStorytelling #นักเล่าท้องถิ่น #สื่อเข้าใจชุมชน

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

‘ปอยเฟสติวัล 2025’ ประกาศไลน์อัพเพิ่ม! Swim Deep จาก UK เตรียมขึ้นเวทีเชียงใหม่

Poy Festival 2025 เดินหน้าเพิ่มความร้อนแรง ประกาศไลน์อัพชุดใหม่ทั้ง Vega, Klee Bho, SRWKS,...

ยื่น 10 ข้อเร่งด่วนใน 4 เดือน จี้รัฐบาลแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดน เหมืองทอง–แรร์เอิร์ธรัฐฉาน

3 ตุลาคม 2568 เครือข่ายภาคประชาชนจากเชียงรายและเชียงใหม่ นำโดย รักษ์ดาว พริทชาร์ด ยื่นหนังสือถึง อนุทิน...

แอมเนสตี้-เครือข่ายชี้สิทธิในที่อยู่อาศัยคือสิทธิมนุษยชน ท่ามกลางความเสี่ยงไล่รื้อจากโครงการขนาดใหญ่

​2 ตุลาคม 2568 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จับมือเครือข่ายสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม จัดเวทีเสวนา 'บ้านใหม่ใกล้ฉัน:...