เรื่อง: ศรีนิธิรินทร์ ชื่นวณิช
ภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย
ในช่วงต้นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่นกันในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีการจัดนิทรรศการที่เปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงรักหญิงและเควียร์ได้ส่งเสียงกระซิบกลับไปยังอำนาจทางวัฒนธรรม



1 มิถุนายน 2568 Sapphic Pride ร่วมกับ Some Space Gallery จัดแสดงนิทรรศการ “เควียร์เฟมินิสต์” เป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ We are here, WE ARE QUEER ที่ไม่เพียงประกาศการดำรงอยู่ของกลุ่มหญิงรักหญิงในสังคม แต่ยังเป็นการตั้งคำถามถึงความหมายของเฟมินิสม์ (Feminism) ในบริบทที่ยังไม่มีใครพูดถึงเสียงนี้อย่างจริงจัง
นิทรรศการประกอบด้วยผลงานจาก 15 ศิลปิน จัดแสดงควบคู่กับกิจกรรมอภิปรายวิชาการ การแสดง Performance Art โดย ธีริศรา บุญแท่ง และ Live Painting จาก Maysa Sukkapong ร่วมกับ Ainslie and Steven ทั้งหมดนี้ไม่ได้หวังให้คนดูเข้าใจทันที แต่อยากให้คนดูตั้งคำถามกลับไปที่ตัวเอง
การตั้งคำถามต่อ “เฟมินิสม์” จากข้างใน
“ทำไมเราถึงถูกมองว่าเป็นเฟมินิสต์ ทั้งที่เราไม่เคยเรียกตัวเองแบบนั้น?”
รศ.ยุพา มหามาตร จากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดประโยคบรรยายวิชาการด้วยคำถามเรียบง่ายแต่ได้ใจความ ไม่ใช่เพราะเธอปฏิเสธความเป็นเฟมินิสต์ (Feminist) แต่เพราะเธออยากชี้ให้เห็นว่าอัตลักษณ์เหล่านี้มักถูกฉาบทับโดยสายตาคนนอก

ยุพาเล่าประสบการณ์การศึกษาและการทำงานในระบบศิลปะไทย ซึ่งเต็มไปด้วยกรอบความคิดแบบชายเป็นใหญ่และอิทธิพลตะวันตก เธอตั้งคำถามกับหลักสูตร การจัดแสดง และวิธีสอนที่ยังคงจัดวาง “ผู้หญิง” ในฐานะองค์ประกอบ ไม่ใช่ศูนย์กลางของเรื่องเล่าในวงการศิลปะ
“ในฐานะอาจารย์หญิง เรามีพื้นที่ในระบบ แต่พื้นที่นั้นไม่ปลอดภัยเสมอ เราจึงต้องเปลี่ยนพื้นที่นั้นให้กลายเป็นที่ซึ่งเสียงของหญิงชายขอบสามารถสะท้อนกลับมาได้”
ยุพายังกล่าวถึงความหวังจากนักศึกษารุ่นใหม่ ที่เริ่มตั้งคำถามกับระบบศิลปะอย่างเงียบๆ และค่อยๆ เคลื่อนไหวด้วยภาษาและรูปแบบของตัวเอง แม้จะยังไม่ดัง ไม่ฉูดฉาด แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับที่มีความหมาย



เฟมินิสต์ ไม่ได้อยู่แค่ในหนังสือ
วิรินสิรี ชมเชย Some Space Gallery และหนึ่งในผู้จัดนิทรรศการ กล่าวว่า แม้สมรสเท่าเทียมจะผ่านเป็นกฎหมายแล้ว แต่ประเด็นสำคัญอีกมากยังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะการมองไม่เห็นกลุ่มหญิงรักหญิง (sapphic women) ในชุมชน LGBTQ+ เอง
“เรื่องที่เราต้องสู้ต่อ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอย่างกฎหมาย แต่เป็นเรื่องทั่วไปที่ยากจะแก้ เช่น ภาพจำ คำพูดที่ทำร้าย และความไม่เท่าเทียมในชีวิตประจำวัน”

เธอชี้ว่า กลุ่มแซฟฟิกมักถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของ LGBTQ+ แบบ “ก้อนใหญ่” โดยไม่มีพื้นที่เฉพาะหรือการพูดถึงในเชิงลึก กลุ่มผู้หญิงรักผู้หญิงจึงมักรู้สึกไม่มีที่ยืน แม้ในขบวนเดียวกัน
ศิลปะในบรรยากาศบ้านๆ แต่มีความหมาย
พิมพ์ศิริ พิมพ์สวัสดิ์ หนึ่งในศิลปินที่ร่วมจัดแสดง นำเสนอผลงาน “Fractal dream of a thing” โดยอ้างอิงจากวง Stereolab วงดนตรีที่มีนักร้องนำเป็นผู้หญิงที่มีแนวคิดเฟมินิสต์อย่างชัดเจน เธอแปลงเพลงเป็นจังหวะ 99 BPM แล้วถ่ายทอดเป็นงานจิตรกรรมโดยใช้ชุดสีจากหนังสือ Color Book

“เราอยากให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถเป็นผู้นำในวงดนตรี เป็นหน้าตาของวงการเพลงได้ แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเรื่องนี้แบบจริงจังเลย”
ขณะที่ วิจิตรา เตรตระกูล ผู้ชมงานจากนนทบุรี สะท้อนว่า นิทรรศการนี้มีบรรยากาศแบบ “บ้านๆ” ไม่ใช่แกลเลอรีขาวสะอาดที่น่าเกร็ง แต่คือพื้นที่ที่เข้าถึงง่าย เต็มไปด้วยความหลากหลาย และชวนให้สำรวจความรู้สึกของตัวเอง

งานศิลปะเล็กๆ ที่ตั้งคำถามว่า “ใครคือศูนย์กลาง”
ชนานาถ โชติสุวรรณรัตน์ หนึ่งในผู้จัดงาน บอกว่า การจัดนิทรรศการครั้งนี้เป็นความพยายามของกลุ่ม Sapphic Pride ในการสร้างพื้นที่ของตัวเอง ที่แตกต่างจากการเฉลิมฉลองไพรด์ในแบบที่สังคมคุ้นชิน

“เราอยากให้คนเห็นว่าเควียร์ก็สามารถมีพื้นที่เฉลิมฉลองแบบเรียบง่าย เป็นตัวของตัวเอง และเปล่งเสียงได้ โดยไม่ต้องตามกระแสหรือมีอะไรฉูดฉาด”
สำหรับชนานาถ การจัดแสดงครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการรวมตัว แม้จะมีคนบางส่วนที่ยังไม่กล้าเข้ามาในพื้นที่ แต่เธอเชื่อว่าหากมีการจัดซ้ำ ความกล้าจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ในสังคมที่เสียงของเฟมินิสต์มักถูกบีบให้อยู่ในตำรา และเควียร์ถูกจัดวางไว้ในกรอบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ นิทรรศการ “เควียร์เฟมินิสต์” คือความพยายามที่จะบอกว่าเฟมินิสม์อยู่ในตัวทุกคน แม้คนคนนั้นจะไม่เรียกตัวเองว่าเป็นเฟมินิสต์ก็ตาม
เพราะการตั้งคำถามต่ออำนาจ การรักใครสักคน และการกล้าพูดว่าฉันรู้สึกไม่โอเค ก็เป็นการต่อต้านในแบบของมันเอง We are here, we are queer.
นิทรรศการจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 1-15 มิ.ย 2568 ณ SOME SPACE Gallery เชียงใหม่ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ เควียร์เฟส ๒๕๖๘




ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...