3 ธันวาคม 2568 หลังกรณีการเสียชีวิตของ พลทหารราเชน ยวามื่อ ภายในค่ายสฤษดิ์เสนา จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่ถึง 10 วันหลังเข้ารับการฝึกและสร้างข้อสงสัยจากครอบครัวและสังคม ล่าสุดมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) เปิดเผยความคืบหน้าว่า มีการเรียกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน และสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา พร้อมมีคำสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่ภายในค่ายแล้วบางส่วน
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ตัวแทนมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและทนายผู้รับมอบอำนาจจากมารดาของผู้เสียชีวิต เข้าร่วมประชุมกับ กมธ.ฯ พร้อมด้วยอัยการ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และทหารต้นสังกัดจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กรมรบพิเศษที่ 4 เพื่อรับฟังลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่การรับตัวทหารใหม่ การประเมินสุขภาพ ไปจนถึงช่วงเวลาก่อนเสียชีวิตของพลทหารราเชน
ฝ่ายค่ายสฤษดิ์เสนาแจ้งต่อที่ประชุมว่า ได้เปิดสถานที่เกิดเหตุให้หน่วยงานรัฐหลายฝ่ายเข้าตรวจสอบแล้ว และยืนยันว่ามีการส่งข้อมูลให้ DSI กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ จังหวัดพิษณุโลก อย่างครบถ้วน
ลงโทษขัง 7 วัน ฐานปล่อยปละละเลย–บกพร่องต่อหน้าที่
ผู้แทนค่ายระบุเพิ่มเติมว่า หลังการตรวจสอบเบื้องต้น ศูนย์การฝึกได้มีคำสั่งลงโทษ ครูฝึกยศร้อยโท และ ผู้บังคับกองรักษาการณ์ยศจ่าสิบเอก เป็นเวลา 7 วัน โดยให้เหตุผลว่า “ปล่อยปละละเลย ประมาทเลินเล่อ และบกพร่องต่อหน้าที่” ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุเสียชีวิตของพลทหารราเชน
นอกจากนี้ ค่ายสฤษดิ์เสนายังแจ้งว่าได้ดำเนินการ ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม ตามข้อเสนอของ กมธ.การทหารฯ เพื่อป้องกันเหตุคล้ายกันในอนาคต หลังมีข้อกังขาจากญาติและคนใกล้ชิดว่าในคืนเกิดเหตุไฟดับและกล้องวงจรปิดชำรุดหลายจุด
อัยการชี้คดีไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ทรมานฯ มูลนิธิฯ แย้ง ยังมีประเด็นการ ‘ถูกควบคุมตัว’ ที่ต้องสอบสวนเพิ่ม
ตัวแทนสำนักงานอัยการสูงสุดระบุว่า กรณีการเสียชีวิตของพลทหารราเชนอาจไม่เข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เนื่องจากตามคำชี้แจงของค่ายทหาร พลทหารไม่ได้เสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่เข้าข่ายต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ฝ่ายปกครอง แพทย์ และพนักงานสอบสวน ร่วมชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิผสานวัฒนธรรมตั้งข้อโต้แย้งว่า การนำตัวพลทหารราเชนกลับเข้าค่ายหลังหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ย่อมถือว่าอยู่ในกระบวนการดำเนินคดีตามกฎระเบียบของทหาร ข้อเท็จจริงที่ค่ายทหารปฏิเสธว่ามิได้ควบคุมตัว แต่ระบุเพียงว่าให้พักอยู่ในห้องรักษาการณ์ อาจไม่สอดคล้องกับสภาพจริง เนื่องจากห้องดังกล่าวเป็นห้องลักษณะลูกกรง และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดเวลา ซึ่งเข้าข่ายการจำกัดเสรีภาพตามคำนิยามของ ‘การควบคุมตัว’ ในมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ
มูลนิธิฯ ชี้ว่า หากการเสียชีวิตเกิดขึ้นในสภาพที่เข้าข่ายถูกควบคุมตัว จะต้องมีการตั้งสำนวนไต่สวนการตาย เพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต และตรวจสอบว่าอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐรายใด ดังนั้นหน่วยงานรัฐจำเป็นต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอย่างรอบด้านต่อไป
มูลนิธิฯ ชี้ปัญหาเชิงโครงสร้างในกองทัพยังไม่คลี่คลาย
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมระบุว่า กรณีของพลทหารราเชนเป็นหนึ่งในเหตุการณ์เสียชีวิตภายในค่ายทหารที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเกือบทุกปี แม้กองทัพประกาศมาตรการป้องกันหลายครั้ง แต่กรณีเช่นนี้สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบค่ายทหาร รวมถึงการขาดกลไกตรวจสอบอิสระ
มูลนิธิฯ เรียกร้องให้กองทัพบก หน่วยงานยุติธรรม และศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ดำเนินการสอบสวนอย่างโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ และจัดการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเหมาะสม พร้อมติดตามกรณีอื่นๆ เพื่อป้องกันเหตุสูญเสียซ้ำในอนาคต
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




