เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก-สาย-รวก-โขง ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐไทยเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหมืองแร่ในประเทศเมียนมา หลังพบว่ามลพิษจากเหมืองดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแม่น้ำสี่สายในภาคเหนือของไทย และไหลลงสู่แม่น้ำโขงซึ่งเป็นแม่น้ำนานาชาติ
แถลงการณ์ระบุว่า แม้เหมืองจะตั้งอยู่ในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา แต่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีความเกี่ยวโยงกับประเทศไทย ทั้งในส่วนของการนำเข้าแร่จากเหมืองดังกล่าว รวมถึงการส่งออกสารเคมี อุปกรณ์ หรือเชื้อเพลิงจากฝั่งไทยไปใช้ในการประกอบกิจการเหมือง จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบโดยกรมควบคุมมลพิษ และรายงานจากคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ได้ยืนยันถึงการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแม่น้ำกก สาย รวก และโขง โดยในบางจุดมีค่าปนเปื้อนเกินมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบนิเวศลุ่มน้ำชายแดน และความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลการค้าข้ามพรมแดนที่เกี่ยวข้องกับกิจการเหมืองดังกล่าว
เครือข่ายฯ เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเข้าข่าย “อาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อม” (Environmental Crime) ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสุขภาพ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จึงถือเป็น “ประโยชน์สาธารณะ” (Public Interest) ที่รัฐและประชาชนต้องร่วมกันปกป้อง
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยกำลังอยู่ในช่วงดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (NAP) ฉบับที่ 2 ซึ่งระบุชัดถึงความจำเป็นในการตรวจสอบความรับผิดชอบของกิจการข้ามพรมแดน โดยเฉพาะในมิติด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน ข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกที่เกี่ยวข้องกับเหมืองจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของกลไกความโปร่งใสภายใต้ NAP และต้องเปิดเผยต่อสาธารณะตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
เครือข่ายประชาชนฯ ได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการถึง 7 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กรมศุลกากร กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูลในประเด็นสำคัญ ได้แก่
– รายชื่อผู้นำเข้าและส่งออกแร่
– รายละเอียดชนิด ปริมาณ และแหล่งที่มาของแร่
– ข้อมูลการส่งออกสินค้า วัสดุ และสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับเหมือง
– แผนผังเส้นทางการค้าข้ามแดน
– แผนที่เหมืองในรัฐฉาน
– กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เครือข่ายฯ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่งเอกสารและข้อมูลดังกล่าวภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ และตอบกลับอย่างเป็นทางการไปยัง มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเครือข่ายในการติดตามเรื่องนี้
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...