จาก ‘ขนมครู’ ถึง ‘กองทุนหมื่นล้าน’ แม่เมาะ เมืองพลังงานไทย กับคำถามเรื่องโอกาสและความเป็นธรรม

Date:

3 ตุลาคม 2568 มีรายงานว่า เด็กชายวัย 7 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ถูกครูประจำชั้นทำร้ายร่างกาย หลังจากหยิบขนมมาร์ชเมลโล่บนโต๊ะครูกิน เพราะวันนั้นแม่ไม่มีเงินให้ค่าขนมไปโรงเรียน แม่ของเด็กเผยว่า หลังเกิดเหตุได้พาลูกเข้าแจ้งความแต่ถูกตำรวจปฏิเสธในตอนแรก โดยอ้างว่าเกรงจะทำให้เด็กมีประวัติลักทรัพย์ ก่อนจะมีการรับดำเนินคดีภายหลังเมื่อผู้นำท้องถิ่นเข้ามาช่วยประสาน

ต่อมาเมื่อ 4 ตุลาคม 2568 หน่วนงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านของเด็ก พบว่าเด็กชายอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคนในสภาพความเป็นอยู่ที่ยากจน รายได้ไม่แน่นอนจนไม่สามารถให้เงินค่าขนมลูกไปโรงเรียนได้ เด็กจึงหยิบขนมของครูกินเพราะความหิว แม่ยืนยันว่าลูกไม่ได้มีเจตนาขโมย เพียงแค่เป็นผลจากความลำบากที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน

เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นสังคมที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ในขณะเดียวกัน ก็มีข้อมูลที่สะท้อนว่า ตำบลนาสัก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุ อยู่ในเขตพัฒนาตามเป้าหมายของ ‘กองทุนพัฒนาไฟฟ้า โรงไฟฟ้าแม่เมาะ’ ซึ่งมีหนึ่งในโครงการสำคัญคือ ‘โครงการทุนการศึกษาอำเภอแม่เมาะ’ ที่มอบทุนให้เด็กนักเรียนในพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชน แต่กลับยังมีครอบครัวอีกมากที่ต้องเผชิญความยากลำบาก อย่างกรณีดังกล่าว 

ชวนให้ตั้งคำถามถึง ความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง ว่าเหตุใด ‘แม่เมาะ’ พื้นที่แหล่งพลังงานขนาดใหญ่ที่สุดของไทย และมีเงินจาก ‘กองทุนพัฒนาไฟฟ้า โรงไฟฟ้าแม่เมาะ’ หมุนเวียนในระบบนับหมื่นล้านบาทตลอดหลายปี จึงยังมีครอบครัวที่ต้องเผชิญความยากจนถึงขั้นนี้

พื้นที่พลังงานของประเทศ เงินสะพัดหลายร้อยล้านต่อปี แต่ประชาชนยังไร้พลัง

อำเภอแม่เมาะ คือที่ตั้งของเหมืองและโรงไฟฟ้าลิกไนต์แบบเปิดขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหัวใจสำคัญของการผลิตไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ชาวบ้านใน 5 ตำบล ได้แก่ นาสัก แม่เมาะ สบป้าด จางเหนือ และบ้านดง กลับยังต้องดิ้นรนเพื่อคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน

แม้ในพื้นที่จะมีกลไกสำคัญอย่าง กองทุนพัฒนาไฟฟ้า โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ภายใต้การกำกับของ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งมีภารกิจชัดเจนในการพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ทั้งในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน แต่คำถามคือ งบประมาณเหล่านี้ถูกใช้ไปอย่างไร และประชาชนได้ประโยชน์จริงเพียงใด

ตามระเบียบ กองทุนฯ ได้รับเงินจากผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า เช่น จ่ายเข้ากองทุน 2 สตางค์ต่อหน่วย หรือ 50,000 บาทต่อเมกะวัตต์ต่อปี เงินเหล่านี้ถูกนำมาสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้า

ข้อมูลจาก กกพ. ระบุว่า

  • ปี 2566 มีโครงการที่ได้รับอนุมัติรวม 1,265 โครงการ วงเงินกว่า 683 ล้านบาท
  • ปี 2567 มี 757 โครงการ งบรวมกว่า 292 ล้านบาท
  • ปี 2568 ล่าสุด อนุมัติงบอีกกว่า 162 ล้านบาท

เฉพาะด้านการศึกษา มีการอนุมัติรวมกว่า 300 โครงการ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมงบประมาณหลายร้อยล้านบาท เช่น

  • โครงการทุนการศึกษาอำเภอแม่เมาะ ปี 2566 – 2568 รวมกว่า 35 ล้านบาท
  • โครงการปรับปรุงโรงเรียน ห้องน้ำ ห้องสมุด และจ้างครูพี่เลี้ยงชั่วคราวอีกนับร้อยรายการ

ระบบซับซ้อน ประชาชนเข้าถึงยาก

แม้กองทุนฯ จะถูกวางเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนโดยรอบโรงไฟฟ้า แต่การกำหนดคุณสมบัติของผู้เสนอโครงการกลับเปิดรับเฉพาะ หน่วยงานรัฐ นิติบุคคล หรือมูลนิธิ ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปหรือองค์กรชุมชนระดับหมู่บ้านแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงงบประมาณ

กองทุนฯ ยังถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส และ ประสิทธิภาพ ในการจัดสรรงบประมาณ โดยมีรายงานว่าการพิจารณาโครงการทั้งหมดอยู่ในมือของ คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า (คพรฟ.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางเป็นประธาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนตำบล

“อำเภอแม่เมาะได้รับเงินอุดหนุนนี้มานานกว่า 20 ปี เป็นเงินสองหมื่นล้าน หากใช้อย่างถูกต้องตรงตามระเบียบ จะทำให้เจริญรุ่งเรืองแน่นอน” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปี 2564

จากเงินหมื่นล้าน สู่ ‘เด็กไม่มีเงินซื้อขนม’

จากรายงานประจำปีของกองทุนฯ ตัวเลขงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ในช่วงสามปีที่ผ่านมา มีโครงการมากกว่า 300 รายการ วงเงินรวมหลายร้อยล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น ‘โครงการทุนการศึกษาอำเภอแม่เมาะ’ ที่มอบทุนให้เด็กนักเรียนรวมกว่า 35 ล้านบาท ระหว่างปี 2566–2568 หรือโครงการปรับปรุงอาคารเรียน ห้องน้ำ ห้องสมุด และการจ้างครูพี่เลี้ยงชั่วคราวในโรงเรียนต่างๆ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนครู

บนหน้ากระดาษ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนภาพของ ‘การลงทุนเพื่อการศึกษา’ ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กในพื้นที่ให้ดีขึ้น ทว่าในชีวิตจริง กลับยังมีครอบครัวอีกมากที่ต้องเผชิญความยากลำบาก อย่างกรณีเด็กชายวัย 7 ขวบ ที่ถูกทำร้ายเพราะหยิบขนมมาร์ชเมลโล่ของครูกินจากความหิว เหตุการณ์นี้กลายเป็นภาพสะท้อนความเปราะบางทางเศรษฐกิจในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยงบพัฒนา

คำถามจึงยังคงค้างคาว่า เหตุใดในพื้นที่ที่มีแหล่งทุนหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาทต่อปีอย่างแม่เมาะ คุณภาพชีวิตของประชาชนจึงยังต่ำกว่ามาตรฐาน? งบประมาณจากกองทุนถูกใช้ไปในทิศทางใด? และประชาชนตัวจริงในพื้นที่มีส่วนร่วมมากน้อยเพียงใดในการกำหนดอนาคตของตนเอง?

ขณะที่คำตอบเหล่านี้ยังไม่ชัดเจน การตรวจสอบจากภาคประชาชนในอำเภอแม่เมาะยังคงดำเนินต่อ เพื่อหาความจริงว่า ‘กองทุนหมื่นล้าน’ นี้ จะเป็นพลังที่สร้างโอกาสให้คนในพื้นที่ หรือเป็นเพียง ‘เงาของพลังงาน’ ที่ทอดทิ้งผู้คนไว้ข้างหลัง

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

1.4 พันล้านบาท สรุปมูลค่าความเสียหายริมแม่น้ำกก-สาย-รวก จากวิกฤตสารพิษเหมืองแร่

แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก เป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤติมลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ความกังวลเรื่องคุณภาพน้ำและความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์เพิ่มสูงขึ้น พร้อมขยายผลกระทบไปยังโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาแม่น้ำเหล่านี้ Lanner ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤติการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก...

เมื่อ ‘เมืองน่าอยู่’ ยังไม่พอให้ใจได้พัก เด็กเชียงใหม่กับพื้นที่สร้างสรรค์ที่ยังหายไป 

เรื่องและภาพ: ธัญรดา หยุมปัญญา, ภีมราฎา เชื้อคำฟู, จตุรวิชญ์ แก้ววงค์วาน และอิทธิกร อรุณรัตน์ เชียงใหม่มักถูกพูดถึงเสมอว่าเป็น...

‘สุชาติ’ ลงพื้นที่แม่น้ำกก เร่งคลี่คลายพิษเหมืองแร่ปนเปื้อนด่วน คนริมกกสะท้อนรัฐเร่งเยียวยา ‘กัณวีร์’ แนะใช้กติกาโลกล้อมเมียนมา

ปัญหามลพิษจากเหมืองแร่ฝั่งเมียนมาที่ไหลปนเปื้อนลงแม่น้ำกกกำลังกลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสังคมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย สำนักข่าวชายขอบรายงานว่า 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...

Photo Essay: ‘ข้าวต่อน้ำอ้อย’ เรื่องเล่าจากเสียงเคาะครกถึงหัวใจคนทำขนมบ้านสันปูเลย

เรื่องและภาพ: อภิชาติ พรหมเทศ ใต้ถุนยุ้งข้าวเก่าในหมู่บ้านสันปูเลย อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา กลิ่นหอมของข้าวคั่วลอยคลุ้งไปทั่วพื้นที่ แม่ทองใบ ยอดทน กำลังใช้ไม้พายคนข้าวในกระทะเหล็กบนเตาอั้งโล่อันเก่า...