เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย
ท่ามกลางเมืองลำปางที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม บนถนนทิพย์ช้าง ใจกลางเมือง มีอาคารเก่าแก่ที่หลายคนคุ้นตา นั่นคือ ‘อาคารเสาจินดารัตน์’ ตึกสไตล์ฝรั่งหัวใจจีน ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2474 ด้วยลวดลายปูนปั้น หน้าต่างโค้ง และหน้าจั่วประดับรูปม้าคู่ ทุกองค์ประกอบสะท้อนความงดงามทางศิลปะและบรรยากาศของยุคสมัยที่ลำปางเคยรุ่งเรือง

เดิมอาคารแห่งนี้เป็นสถานประกอบกิจการของตระกูลเสาจินดารัตน์ ก่อนจะกลายเป็นร้านหนังสืออิสระ ‘เอกาลิเต้’ ที่เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มาพบปะ อ่านหนังสือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้อาคารหลังนี้ไม่ใช่เพียงพื้นที่ธุรกิจ แต่กลายเป็นศูนย์กลางเล็กๆ ของวัฒนธรรมและความรู้ในเมือง

ปัจจุบัน อาคารเสาจินดารัตน์กลับมามีชีวิตอีกครั้งในฐานะ ‘ห้องสมุดเสาจินดารัตน์’ ที่ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เก็บหนังสือ แต่ยังรวมเรื่องราวและความทรงจำของลำปางไว้มากกว่าที่ตาเห็น ห้องสมุดแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นคลังความทรงจำของชาวลำปาง ผ่านหนังสือ เอกสารเก่า และกิจกรรมต่างๆ เปิดพื้นที่ให้เด็ก เยาวชน นักวิชาการ และประชาชนทั่วไปเข้ามาค้นคว้า ทำกิจกรรม หรือแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน จนกลายเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และพื้นที่ของชุมชน
ห้องสมุดเสาจินดารัตน์จึงเป็นมากกว่าคลังความรู้ เป็นบ้านหลังที่สองของผู้คน ที่ทุกคนสามารถแวะมาแบ่งปันเวลา ความคิด และแรงบันดาลใจ ทำหน้าที่เชื่อมอดีตกับปัจจุบัน และส่งต่อคุณค่าของลำปางไปสู่คนรุ่นต่อไปอย่างมีชีวิตชีวา
จากพื้นที่ของคนรักการอ่าน สู่คลังความรู้ของเมืองลำปาง

คุณแม่วราภรณ์ มณีเทศ ประธานมูลนิธิน้อย-ลูกซัด เสาจินดารัตน์ อนุสรณ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า อาคารแห่งนี้เคยเป็นธุรกิจครอบครัว ก่อนจะปรับเป็นมูลนิธิฯ เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ในการเก็บรักษาและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับลำปาง และเปิดให้บริการสู่สาธารณชนในชื่อ ‘ห้องสมุดเสาจินดารัตน์’ ในปี 2558
ผู้อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนคือ ศ.ดร.ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง หนึ่งในทายาทของตระกูล ซึ่งเติบโตมากับบรรยากาศการอ่านตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยความสนใจหลากหลายตั้งแต่การ์ตูน นิทานญี่ปุ่น ไปจนถึงหนังสือประวัติศาสตร์และตำราวิชาการ
“ดร.ภิญญพันธุ์ เป็นคนรักการอ่านตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณแม่เป็นครู คอยซื้อหนังสือหลากหลายประเภท ทั้งสารานุกรม หนังสือการ์ตูน จึงกลายเป็นนักอ่านตัวยง สนใจทั้งการ์ตูน นิทานญี่ปุ่น ไปจนถึงหนังประวัติศาสตร์และหนังสือเฉพาะทาง”
เมื่อเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ดร.ภิญญพันธุ์เริ่มสะสมหนังสือหายากเกี่ยวกับล้านนาและลำปาง เพื่อให้นักศึกษาใช้ค้นคว้า หนังสือเหล่านี้กลายเป็นรากฐานสำคัญของห้องสมุด และยังเปิดให้กลุ่มจิตอาสาและองค์กรต่างๆ ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมขนาดเล็ก

หนึ่งในคอลเลกชันอันทรงคุณค่าที่เก็บอยู่ในห้องสมุดเสาจินดารัตน์ คือ หนังสืออนุสรณ์งานศพ สิ่งพิมพ์ที่หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงเครื่องรำลึกถึงผู้ล่วงลับ แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และสังคมไว้อย่างมหาศาล
หนังสือแต่ละเล่มมักประกอบด้วยอัตชีวประวัติหรือบันทึกชีวิตของบุคคลสำคัญในแต่ละยุคสมัย ทำให้เราได้เห็นภาพความเป็นอยู่ของเมืองในอดีต ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรมที่หล่อหลอมสังคม
ตัวอย่างเช่น หนังสืออนุสรณ์ของ คุณแม่เล็ก พิชญกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอกราช ซึ่งบันทึกเรื่องราวเศรษฐกิจลำปางในช่วงเวลานั้นไว้อย่างละเอียด หรือหนังสืออนุสรณ์ของ คุณหญิงวลัย ลีลานุช ผู้ก่อตั้งโรงเรียนลำปางกัลยาณี ที่เล่าถึงสถาปัตยกรรม ‘บ้านเสานัก’ เรือนไม้สักโบราณอายุกว่าร้อยปี รวมถึงประวัติการก่อตั้งโรงเรียนและประเพณีงานสลุงหลวงของชาวลำปาง

เอกสารเหล่านี้ไม่เพียงถ่ายทอดชีวิตบุคคล แต่ยังสะท้อนภาพสังคมและเมืองลำปางในแต่ละช่วงเวลาอย่างชัดเจน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนังสืออนุสรณ์งานศพ แม้มักถูกมองข้าม แต่แท้จริงแล้วคือ สมบัติทางภูมิปัญญา ที่ควรค่าแก่การเก็บรักษาและถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่
ห้องสมุดเด็ก จุดเริ่มจากการเล่านิทานสู่การเรียนรู้ไม่รู้จบ

ในปี 2567 ห้องสมุดเสาจินดารัตน์ได้ขยายบทบาทสู่ ‘ห้องสมุดเด็กเสาจินดารัตน์’ จุดเริ่มต้นเกิดจากความร่วมมือกับ มูลนิธิเมล็ดฝัน ในการจัดกิจกรรมเล่านิทานครั้งละเดือน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ เช่น วาดภาพระบายสี ต่อเลโก้ และกิจกรรมพัฒนาทักษะ เพื่อให้เด็กๆ ได้ออกมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่นอกห้องเรียน โดยกิจกรรมแต่ละเดือนจะมีรูปแบบแตกต่างกันไป เพิ่มสีสันและความสนุกให้กับการเรียนรู้ของเด็กๆ
“ทุกครั้งที่จัดกิจกรรม สิ่งที่น่าทึ่งคือวิสัยทัศน์ของผู้ปกครอง ที่ตั้งใจพาลูกมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ นอกเหนือจากในห้องเรียน ซึ่งช่วยให้เด็กๆ ได้เจอสิ่งแปลกใหม่ที่หาไม่ได้จากในบ้าน”


คุณแม่วราภรณ์หยิบหนังสือภาพเรื่อง ‘จอมโจรขนมปัง’ ขึ้นมาเปิดให้เราชม พลางเล่าว่า เด็กๆ มักชื่นชอบหนังสือภาพจากญี่ปุ่น เพราะมีภาพสีสันสดใส เนื้อหาเรียบง่าย และใกล้เคียงกับชีวิตประจำวัน เล่มนี้เองก็เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะใช้ “ขนมปัง” อาหารคุ้นเคยของเด็กๆ มาขับเคลื่อนเรื่องราว เปรียบเสมือน ‘ข้าว’ ของคนไทย เพียงเล่มเดียวก็พาเด็กไปรู้จักขนมปังหลายชนิด ตั้งแต่แซนด์วิช ครัวซองต์ บาเก็ต ไปจนถึงโดนัท และยังต่อยอดไปสู่การพูดคุยเรื่องวัฒนธรรมการกินในชีวิตประจำวันได้อย่างสนุกสนาน
“บางกิจกรรมก็ออกแบบให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการสัมผัสจริง เคยมีครั้งหนึ่งที่เรานำผักมาวางไว้เต็มโต๊ะ แล้วให้เด็กลองบอกชื่อผักที่รู้จัก เด็กๆ ก็ตอบถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่เขาก็จะสนุกและจดจำ”
ห้องสมุดยังออกแบบกิจกรรมที่ต่อยอดจากหนังสือ เช่น การนำผักสดจากตลาดมาวางเต็มโต๊ะ แล้วให้เด็กๆ ลองบอกชื่อผักที่รู้จัก หลายคนตอบถูกบ้างผิดบ้าง ขณะที่ผู้ปกครองบางคนก็ยังไม่คุ้นเคยเช่นกัน แต่ทุกคนกลับสนุกและได้เรียนรู้ร่วมกัน
“เรื่องแบบนี้ในโรงเรียนไม่ค่อยสอน อาจมีในวิชาสุขศึกษา แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียด กิจกรรมในห้องสมุดจึงเป็นการเสริมความรู้รอบตัว และยังปลุกจินตนาการให้เด็กๆ ไปพร้อมกัน”
สำหรับคุณแม่วราภรณ์ ห้องสมุดแห่งนี้เปรียบเสมือน ‘พื้นที่สาธารณะ’ ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ หรือกลุ่มชุมชน ก็สามารถเข้ามาใช้ได้ โดยสามารถยืม – คืน หนังสือได้ฟรี และสามารถสมัครสมาชิกฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
พื้นที่สร้างสรรค์ให้เด็กและครอบครัวเรียนรู้นอกห้องเรียน

จักรพันธ์ หมั่นทำ เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ผู้ดูแลห้องสมุดเสาจินดารัตน์ตั้งแต่วันแรก เล่าว่า แม้พื้นที่จำกัด แต่ก็เริ่มมีผู้คนเข้ามาใช้บริการเป็นประจำ เมื่อเริ่มเปิดให้บริการห้องสมุดเด็ก เด็กๆ และผู้ปกครองเริ่มเข้ามาร่วมกิจกรรม อ่านนิทาน เล่นบอร์ดเกม และทำกิจกรรมร่วมกัน
เขากล่าวต่อว่า เด็กๆ ชื่นชอบกิจกรรมที่จัดโดยห้องสมุดร่วมกับ มูลนิธิเมล็ดฝัน เพราะในลำปางยังไม่มีห้องสมุดเด็กแบบนี้มาก่อน นับเป็นหนึ่งในห้องสมุดแห่งแรกๆ ที่เปิดโอกาสให้เด็กเข้ามาทำกิจกรรมสนุกๆ

“เด็กบางคนที่มาใช้บริการตั้งแต่ช่วงแรก แม้ตอนนี้จะโตขึ้นและเริ่มห่างจากการอ่านนิทานไปบ้าง แต่ก็ยังแวะมาห้องสมุดอาทิตย์ละครั้งเพื่อยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้าน”
จักรพันธ์อธิบายเพิ่มเติมว่า ห้องสมุดแห่งนี้จะเปิดให้บริการทุกวัน อังคาร – เสาร์ เวลา 09.00 น. ถึง 17.00 น. โดยจะหยุดทุกวันอาทิตย์ จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทำให้ช่วงที่ห้องสมุดคึกคักที่สุดคือช่วงวันเสาร์และช่วงปิดเทอม เพราะเด็กๆ และครอบครัวจะว่างและสามารถมาร่วมกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ ส่วนวันธรรมดาจะเน้นการยืม–คืนหนังสือมากกว่า
“การเห็นเด็กๆ ร่วมกิจกรรมทุกครั้งทำให้รู้สึกสนุก เพราะการเล่านิทานแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน บางครั้งเกี่ยวกับผัก บางครั้งเกี่ยวกับชีวิต หรือเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย ซึ่งช่วยให้เด็กเรียนรู้นอกห้องเรียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ”

สำหรับจักรพันธ์ ห้องสมุดเด็กเสาจินดารัตน์คือ ‘พื้นที่สำหรับทุกคน’ ที่พ่อแม่สามารถพาลูกมาทำกิจกรรม เล่น อ่านหนังสือ หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไม่ต้องอยู่บ้านจดจ่อกับหน้าจอเพียงอย่างเดียว เขายังหวังว่าในอนาคต ห้องสมุดจะมีกิจกรรมหลากหลายขึ้น เช่น การเสวนา นิทรรศการ หรือการเล่าประวัติของตึกและตระกูลเสาจินดารัตน์
“สำหรับใครที่อยู่บ้านเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ เราก็อยากชวนให้มาเปลี่ยนบรรยากาศ ลองแวะมาเยี่ยมชมห้องสมุดแห่งนี้ เพื่อมาเรียนรู้ พูดคุย เปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับชีวิต”
วรรณกรรมเด็กยุคใหม่เข้าถึงง่าย แต่ความเท่าเทียมยังคงท้าทาย

ในยุคที่เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิต วรรณกรรมสำหรับเด็กก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ธิดารัตน์ ไชยยาสืบ ผู้จัดการมูลนิธิน้อย-ลูกซัด เสาจินดารัตน์ อนุสรณ์ เล่าว่า ปัจจุบันนี้ เด็กๆ สามารถอ่านหนังสือได้หลากหลายประเภทมากขึ้น ทั้งวรรณกรรมเยาวชน การ์ตูน มังงะ หนังสือภาพ หรือหนังสือความรู้ที่สนุกและเข้าใจง่าย อีกทั้งยังเข้าถึงหนังสือได้สะดวกทั้งจากร้านหนังสือ ห้องสมุด และแพลตฟอร์มออนไลน์
“วรรณกรรมสำหรับเด็กในปัจจุบันมีความหลากหลายและเข้าถึงง่ายขึ้นมากเมื่อเทียบกับอดีต”
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงหนังสือคุณภาพยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย วรรณกรรมสนุกและเหมาะสมกับวัยยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยกระตุ้นความอยากอ่าน สร้างจินตนาการ และพัฒนาทักษะของเด็กๆ

“แม้ว่าปัจจุบันวรรณกรรมเด็กจะมีตัวเลือกมากขึ้น แต่ความท้าทายคือการทำให้เด็กๆ ได้อ่านหนังสือคุณภาพอย่างเท่าเทียม และสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่อง”
เธอยังแนะนำหนังสือ 3 เล่มที่เธอชื่นชอบและมองว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจและจินตนาการได้ดี ได้แก่
‘เจ้าหญิงนิทรา’ (Sleeping Beauty) – นิทานคลาสสิกที่สอดแทรกเรื่องคุณธรรม ความอดทน และความรักอันบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับการอ่านร่วมกับเด็กๆ และกระตุ้นจินตนาการ
‘มูมิน’ (Moomin Series โดย Tove Jansson) – เรื่องราวของมูมินและเพื่อนๆ สอนเรื่องความรัก ความเป็นมิตร และการอยู่ร่วมกันในสังคม ผ่านโลกแฟนตาซีที่อบอุ่นและสนุกสนาน
‘วรรณกรรมเยาวชนแนวสร้างสรรค์’ เช่น การ์ตูน มังงะ หรือหนังสือภาพคุณภาพ – เลือกสักเล่มที่มีภาพประกอบสวยงาม เนื้อเรื่องสนุก และมีแง่คิดดีๆ เพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เด็กๆ รักการอ่าน
“ทั้ง 3 เล่มนี้ ไม่ใช่แค่หนังสือให้ความบันเทิง แต่ยังช่วยสร้างทักษะการคิด วิเคราะห์ และจินตนาการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กๆ และเยาวชนในยุคปัจจุบัน”
บทบาทของห้องสมุดยุคใหม่ พื้นที่สาธารณะสำหรับคนทุกวัย

ห้องสมุดเสาจินดารัตน์เริ่มต้นจากความฝันเล็กๆ ของการเป็นแหล่งรวมความรู้เกี่ยวกับลำปาง และเป็นพื้นที่ให้ผู้คนเข้ามาค้นคว้า แต่เมื่อเวลาผ่านไป ห้องสมุดแห่งนี้เติบโตเกินคาด
“ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงที่เก็บหนังสือ แต่กลายเป็นพื้นที่ให้ผู้คนพบปะ แลกเปลี่ยนความคิด และใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว การเติบโตของห้องสมุดจึงไม่ใช่แค่จำนวนหนังสือ แต่คือการที่มันกลายเป็นพื้นที่มีชีวิต มีบทบาท และมีความหมายต่อผู้คนจริงๆ”
สำหรับคนรุ่นใหม่ ห้องสมุดไม่ได้เป็นเพียงที่ยืมหนังสืออีกต่อไป แต่กลายเป็น พื้นที่เรียนรู้ร่วมกัน ที่เด็กๆ ทำการบ้าน ร่วมกิจกรรม หรือเวิร์กช็อป แม้การอ่านออนไลน์จะเติบโตขึ้น ห้องสมุดยังคงมีคุณค่าในฐานะ พื้นที่จริง ที่จับต้องได้ ปลอดภัย และสร้างประสบการณ์การอ่านที่แตกต่าง

ธิดารัตน์เล่าว่า วัฒนธรรมการอ่านของคนลำปางสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสังคมในแต่ละยุค อดีตการอ่านยังผูกพันกับคัมภีร์ทางศาสนา หนังสือเรียน หรือเรื่องเล่าปากต่อปาก ต่อมาหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาท ทำให้คนลำปางเริ่มเข้าถึงข้อมูลและเรียนรู้จากคลังข้อมูลมากขึ้น จนปัจจุบัน เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงหนังสือได้หลากหลาย ทั้งจากห้องสมุด ร้านหนังสือ และแพลตฟอร์มออนไลน์ แม้โลกดิจิทัลเข้ามามากขึ้น แต่ความรักการอ่านหนังสือเล่มและการค้นคว้าข้อมูลที่น่าเชื่อถือยังคงอยู่
“สิ่งที่น่ายินดีคือ วัฒนธรรมการอ่านไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการอ่านเพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่ ขยายไปสู่การแบ่งปัน พูดคุย และแลกเปลี่ยนความรู้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างชุมชนการเรียนรู้อย่างแท้จริง”
ธิดารัตน์มองว่า ห้องสมุดเสาจินดารัตน์เป็นเหมือน บ้านหลังที่สองของคนลำปาง ที่เด็กๆ มานั่งฟังนิทาน ผู้ปกครองใช้เวลาร่วมกับลูก นักเรียนค้นคว้าหาความรู้ และเยาวชนหรือผู้ใหญ่เข้ามาพักผ่อนหรือทำงานเงียบๆ ที่นี่ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังหล่อเลี้ยงความรักการอ่านและความรักท้องถิ่นให้เติบโตไปพร้อมกับคนรุ่นใหม่

แม่วราภรณ์เสริมว่า การอ่านไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหนังสือ แต่ขึ้นกับความชอบและบริบทของชีวิต คนรักการอ่านยังอ่านได้แม้มีเวลาและโอกาสจำกัด แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ทำงานและดูแลครอบครัว เวลาในการอ่านมักน้อยลง การส่งเสริมการอ่านจึงควรเริ่มตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงมัธยม เพราะเป็นช่วงวัยที่อยากรู้และอยากเรียนรู้มากที่สุด
การจัดกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ แม่วราภรณ์อธิบายว่า ห้องสมุดเสาจินดารัตน์ยังพยายามพัฒนากิจกรรมเสริมทักษะให้สอดคล้องกับผู้ใช้บริการ หากในอนาคตมีเจ้าหน้าที่เพียงพอสามารถจัดกิจกรรมบ่อยขึ้น เช่น จากเดือนละครั้งเป็นเดือนละสองครั้ง เด็กๆ จะได้รับประโยชน์มากขึ้นและต่อเนื่องมากขึ้น
“ตอนนี้เรายังอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมจากภายนอกมาช่วย แต่วันข้างหน้า ถ้าเรามีกำลังคนมากขึ้น ก็จะทำอะไรได้เยอะกว่านี้ เด็กๆ ก็จะได้รับประโยชน์มากกว่าเดิม”

ในเมืองลำปางที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำ ห้องสมุดเสาจินดารัตน์ ยังคงเป็นหัวใจเล็กๆ ที่เติบโตอย่างมั่นคง เป็นพื้นที่เชื่อมอดีตกับปัจจุบัน ให้ผู้คนทุกวัยได้เรียนรู้ แบ่งปัน และสร้างแรงบันดาลใจร่วมกัน ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่รวบรวมหนังสือ แต่ยังรวบรวมชีวิตผู้คนและเรื่องราวของเมือง เมื่อก้าวเข้ามา คุณไม่ได้มาเพียงเพื่ออ่าน แต่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ ชุมชนเล็กๆ ที่อบอุ่น เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถหยุดพัก ค้นพบความรู้ และกลับออกไปด้วยแรงบันดาลใจใหม่เสมอ

สุทธิกานต์ วงศ์ไชย
นักศึกษาวารสารศาสตร์ ทาสรักคาเฟอีนที่ชอบบันทึกความทรงจำผ่านชัตเตอร์ สนใจประเด็นสังคม สิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์ มีเป้าหมายชีวิตคือการเป็นหัวหน้าแก๊งแมวมอมทั่วราชอาณาจักร