เรื่อง: วิชชากร นวลฝั้น ภาพ: วีรภัทร เหลาเกิ้มหุ่ง
Summary
- ‘แม่น้ำรวก’ ถือเป็นหนึ่งในแม่นํ้าสำคัญที่กั้นพรมแดนระหว่างจังหวัดเชียงรายของไทยและเมืองท่าขี้เหล็กในรัฐฉานของเมียนมา โดยบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยกิจกรรม การค้าขาย และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจท้องถิ่น
- จากการสำรวจพบว่า พื้นที่ริมแม่น้ำรวกมีอาชีพหลักคือภาคเกษตรกรรม ส่วนภาคการท่องเที่ยวไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับแม่น้ำอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ภาคประมงส่วนใหญ่เป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงที่ไม่ได้ใช้น้ำจากแม่น้ำรวกในการประกอบกิจการ ส่งผลให้การประเมินมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้มีเพียงเฉพาะภาคเกษตรกรรมเท่านั้น
- ข้อมูลจาก สํานักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ในปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) รวมทั้งสิ้น 116,580 ล้านบาท ภาคเกษตรกรรมมีมูลค่า 29,466 ล้านบาท คิดเป็น 25.27% ของ GPP
- ทั้งนี้เมื่อประเมินมูลค่าความเสียหาย โดยตั้งสมมติฐานว่าหากแม่น้ำรวกเป็นพิษในระดับที่ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำรวกได้เลย จากการคำนวณของ Lanner พบว่า พื้นที่เกษตรกรรมในระยะ 3 กิโลเมตรจากแม่น้ำจะได้รับผลกระทบคิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 93,458,000 บาทต่อปี ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกว่า 23,465 ไร่ ที่อาจได้รับผลกระทบ

แม่น้ำรวก หนึ่งในลำน้ำสายสำคัญที่ยาวกว่า 38 กิโลเมตรกั้นพรมแดนไทย–เมียนมา และเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงผู้คนในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กำลังเผชิญวิกฤตมลพิษข้ามพรมแดน จากการทำเหมืองแร่และกิจกรรมอุตสาหกรรมในพื้นที่ต้นน้ำของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา จากสายน้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์ กลับถูกแทนที่ด้วยความกังวลด้านคุณภาพน้ำและความปลอดภัยในการนำน้ำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการอุปโภคบริโภค การเกษตร หรือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ท่ามกลางปัญหานี้ Lanner จึงมีความพยายามประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจภายใต้สมมติฐานสถานการณ์ ‘เลวร้ายที่สุด’ ว่าวิกฤติในครั้งนี้จะมีมูลค่าความเสียหายมากน้อยเพียงใด โดยอ้างอิงข้อมูลสาธารณะจากหน่วยงานรัฐร่วมกับบทสัมภาษณ์ของผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ และนำข้อมูลที่ได้มาดำเนินการคำนวณหาพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ในระยะ Risk Zone 3 กิโลเมตรจากแม่น้ำกก ซึ่งคาดการณ์ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปนเปื้อน
พื้นที่ริมแม่น้ำรวกปลูกอะไรบ้าง และมีพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่เสี่ยงเท่าไหร่
ในบริเวณริมแม่น้ำรวกมีการเพาะปลูกพืชผลเกษตรหลากหลายรวมกว่า 10 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา สับปะรด มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน เงาะ ลำไย มะพร้าว และมังคุด (อ้างอิงจาก Rocket Media Lab) อย่างไรก็ดี การประเมินของ Lanner จะเลือกนับเฉพาะข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดเชียงราย
ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ในปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) รวม 116,580 ล้านบาท โดยภาคเกษตรกรรมมีมูลค่าราว 29,466 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.27% ของเศรษฐกิจทั้งจังหวัด โดยมีแรงงานในภาคเกษตรจำนวน 402,033 คน พื้นที่เกษตรกรรมรวมทั้งจังหวัดมี 3,735,647 ไร่ หรือคิดเป็น 51.17% ของพื้นที่ทั้งหมด 7,298,981 ไร่ (ข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์)

ส่วนข้อมูลพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำรวก ยังไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการ โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการมีเพียงข้อมูลพื้นที่เกษตรกรรมในระดับอำเภอ จาก กรมพัฒนาที่ดินจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้เพื่อที่จะหาจำนวนพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำรวกได้ จะต้องอาศัยการเทียบข้อมูล โดย
- ระบุพื้นที่ที่แม่น้ำรวกไหลผ่านในระดับอำเภอ (โดยการใช้ Google Earth)
- หาสัดส่วนเปอร์เซ็นต์พื้นที่เกษตรกรรมในอำเภอต่างๆ
- นำเปอร์เซ็นต์พื้นที่เกษตรกรรมในระดับอำเภอมาคำนวณหาพื้นที่เกษตกรรมในระดับตำบล
- คำนวณหาพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำรวก จากพื้นที่ Risk Zone ในระยะ 3 กิโลเมตรจากแม่น้ำรวกของแต่ละตำบล
- เมื่อคำนวณหาพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำรวกได้แล้ว จึงนำมาประเมินหามูลค่าความเสียหายเชิงเศรษฐกิจในภาคเกษตรกรรม


จากการรวบรวมข้อมูล อำเภอที่แม่น้ำรวกไหลผ่าน มีทั้งหมด 2 อำเภอ คืออำเภอแม่สายและอำเภอเชียงแสน โดยทั้ง 2 อำเภอมีพื้นที่รวมกัน 524,375 ไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 179,103 ไร่ หากแยกออกมาเป็นรายอำเภอ สามารถแยกได้ดังนี้
- อำเภอเชียงแสน มีพื้นที่ทั้งหมด 346,250 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าว 53,453 ไร่ ข้าวโพด 28,694 ไร่ รวม 82,147 ไร่ คิดเป็น 23.72% ของพื้นที่ทั้งหมดในอำเภอเชียงแสน
- อำเภอแม่สาย มีพื้นที่ทั้งหมด 178,125 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าว 93,951 ไร่ ข้าวโพด 3,005 ไร่ รวม 96,956 ไร่ คิดเป็น 54.43% ของพื้นที่ทั้งหมดในอำเภอแม่สาย

ในการจะคิดพื้นที่เกษตรกรรมในระดับตำบล โดยแม่น้ำรวกไหลผ่าน 3 ตำบล คือ ต.เกาะช้าง ต.ศรีดอนมูล และ ต.เวียง จะใช้การเทียบเคียงจากสัดส่วนพื้นที่เกษตรกรรมจากระดับอำเภอ ต.เกาะช้าง มีพื้นที่ทั้งหมด 29,593 ไร่ ใช้สัดส่วนเทียบเคียงจาก อ.แม่สาย ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมอยู่ที่ 54.43% เท่ากับว่า ต.เกาะช้าง มีพื้นที่เกษตรกรรม 16,108 ไร่ ขณะเดียวกัน ต.เวียง มีพื้นที่ 33,962 ไร่ ใช้สัดส่วนเทียบเคียงจาก อ.เชียงแสน ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมอยู่ที่ 23.27% เท่ากับว่า ต.เวียง มีพื้นที่เกษตรกรรม 8,057 ไร่ และต. ศรีดอนมูล มีพื้นที่ทั้งหมด 39,731 ไร่ ใช้สัดส่วนเทียบเคียงจาก อ.เชียงแสน ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมอยู่ที่ 23.27% เท่ากับว่า ต. ศรีดอนมูล มีพื้นที่เกษตรกรรม 9,426 ไร่ รวมทั้ง 3 ตำบล มีพื้นที่เกษตรกรรม 33,591 ไร่ คิดเป็น 32.52% ของพื้นที่ในตำบลทั้งหมด 103,286 ไร่ หากเทียบข้อมูลดังกล่าวและคำนวณเพื่อหาพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ใน Risk Zone ริมแม่น้ำรวก จะสามารถระบุพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำรวกได้ดังนี้
อำเภอ | ตำบล | พื้นที่ทั้งหมด(ไร่) | พื้นที่เกษตรในตำบล (ไร่) | ระยะทางแม่นํ้า (กิโลเมตร) | พื้นที่ Risk Zone (ตารางกิโลเมตร) | พื้นที่เกษตรริมแม่นํ้า (ไร่) | หมายเหตุ |
แม่สาย | เกาะช้าง | 29,593 | 16,108 | 20 | 60 | 16,108 | พื้นที่เกษตกรรมตามการคำนวณจะเท่ากับ 20,411 ไร่ ซึ่งเกินพื้นที่เกษตรกรรมในตำบลเกาะช้าง จึงต้องนับตามค่าสูงสุดของพื้นที่เกษตรกรรมในตำบลเกาะช้างซึ่งคือ 16,108 ไร่ (หรืออนุมานได้ว่าพื้นที่เกษตรกรรมทั้งตำบลเกาะช้างได้รับผลกระทบทั้งหมด) |
เชียงแสน | เวียง | 33,962 | 8,057 | 12.14 | 36.42 | 5,400 | |
ศรีดอนมูล | 39,731 | 9,426 | 4.4 | 13.2 | 1,957 | ||
รวม | 103,286 | 33,591 | 36.54 | 109.62 | 23,465 |
เมื่อคำนวณออกมาแล้วจะพบว่า พื้นที่เกษตกรรมริมแม่น้ำรวกในระยะ Risk Zone 3 กม. ของทั้ง 3 ตำบล มีจำนวนทั้งหมด 23,465 ไร่ คิดเป็น 22.71% จากพื้นที่ทั้งหมดของ 3 ตำบล และคิดเป็น 69.85% จากพื้นที่เกษตรกรรมของทั้ง 3 ตำบล
เมื่อได้ข้อมูลพื้นที่เกษตรกรรมแล้ว จึงนำไปคำนวณหามูลค่าความเสียหาย โดยคำนวณเฉพาะพืชเกษตรหลัก 2 ชนิด คือ 1.ข้าว (รวมนาปรังและนาปี) 2.ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากเป็นพืช 2 ชนิดหลักที่นิยมปลูกใน 3 ตำบลริมแม่น้ำรวก
อย่างไรก็ดี เมื่อสำรวจข้อมูลพืชผลทางเกษตรโดยนับเฉพาะ ข้าว และ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้อมูลจาก สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย ได้คาดการณ์ราคาผลผลิตของพืชทั้งสองชนิดในปี 2568 ว่า ข้าวมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 8 บาท/กก. ทั้งนี้ราคาจะขึ้นหรือลงอยู่กับจำนวนปริมาณผลผลิตในแต่ละเดือนว่ามีมากน้อยเท่าไร ในขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เฉลี่ยอยู่ที่ 7.4 บาท/กก.
- ข้าวนาปี มีผลผลิต 542 กก./ไร่ มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 8 บาท/กก. สามารถประมาณได้ว่าจะมูลค่าเท่ากับ 4,336 บาท/ไร่
- ข้าวนาปรัง มีผลผลิต 627 กก./ไร่ มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 7.4 บาท/กก. สามารถประมาณได้ว่าจะมีมูลค่าเท่ากับ 4,655 บาท/ไร่
- ทั้งนี้หากรวมข้อมูลข้าว (ทั้งนาปรังและนาปี) จะพบว่า ข้าวมีผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 585 กก./ไร่ ราคาข้าวของจังหวัดเชียงรายในปี 2568 มีมูลค่าประมาณ 4,496 บาท/ไร่
- สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในปี 2568 พบว่า ผลผลิตต่อไร่อยู่ที่ 365 กก./ไร่ มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 4.4 บาท/กก. สามารถประมาณได้ว่าจะมีมูลค่าเท่ากับ 1,597 บาท/ไร่
93 ล้านบาทต่อปี มูลค่าความเสียหาย ‘ภาคการเกษตร‘ ริมแม่น้ำรวก
จากการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด พบว่า พื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำรวกมีทั้งสิ้น 23,466 ไร่ (แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวทั้งนาปรังและนาปี 19,313 ไร่ คิดเป็น 82.30% ของพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำรวก และ พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4,153 ไร่ คิดเป็น 17.70% ของพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำรวก)
ราคาขายข้าวรอบฤดูปี 2568 ของจังหวัดเชียงรายอยู่ที่ไร่ละ 4,496 บาท ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ที่ไร่ละ 1,597 บาท
(Rf x Rp) + (Cf x Cp) = มูลค่าความเสียหายภาคเกษตรกรรม
Rf = จำนวนพื้นที่ปลูกข้าว (ไร่) Rp = ราคาขายข้าวเฉลี่ยต่อไร่ปี 68 (บาท/ไร่)
Cf = จำนวนพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (ไร่) Cp = ราคาขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ยต่อไร่ปี 68 (บาท/ไร่)
(19,313x4,496) + (4,153x1,597) = 93,458,000 บาท
หากนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาร่วมกัน และตั้งสมมติฐานว่าหากสถานการณ์แม่น้ำรวกวิกฤตถึงขั้นไม่สามารถใช้น้ำในการประกอบเกษตรกรรมได้ เกษตรกรจำเป็นต้องหยุดการปลูกพืชไป 1 ปี จะส่งผลกระทบมากถึง 93,458,000 บาท/ปี และอาจมีพื้นที่ทางการเกษตรริมแม่น้ำรวกในตำบลเกาะช้าง ตำบลศรีดอนมูล และตำบลเวียง ที่ได้รับความเสียหายกว่า 23,466 ไร่

ภาคการท่องเที่ยวและภาคประมงริมแม่น้ำรวก เสียหายไหม?
ในขณะที่ ‘ภาคการท่องเที่ยว’ พบว่าในบริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำรวกไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับแม่น้ำอย่างมีนัยยะสำคัญ และในบางพื้นที่ อาทิ ตำบลเวียง พึ่งพารายได้ภาคการท่องเที่ยวจากแม่น้ำโขงเป็นหลัก จึงส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวไม่สามารถนำคำนวณร่วมเพื่อประเมินความเสียหายในรายงานชิ้นนี้ได้
ส่วนใน ‘ภาคประมง’ พบว่า ส่วนใหญ่การทำประมงเป็นการทำในรูปแบบฟาร์มเพาะเลี้ยง อย่างไรก็ดี ในพื้นที่อย่างตำบลศรีดอนมูล และตำบลเวียง ไม่มีและไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชลประทานที่ผันน้ำมาจากแม่น้ำรวก (ข้อมูลจาก Agri-map, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และจากการสอบถามเจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงในพื้นที่พบว่า ส่วนใหญ่พบว่าบ่อเพาะเลี้ยงใช้น้ำจากแหล่งน้ำอื่นที่ไม่ใช่แม่น้ำรวก เช่น น้ำบาดาล, น้ำประปา, น้ำฝน ส่วนในตำบลเกาะช้างใช้น้ำจากระบบชลประทานแม่สาย ซึ่งได้รับผลกระทบแต่ไม่ใช่ผลกระทบที่เป็นผลมาจากแม่น้ำรวก และได้ถูกรายงานไปเรียบร้อยแล้วในรายงานชิ้นก่อน (สามารถอ่านได้ที่นี่) จึงส่งผลให้ภาคประมงไม่สามารถนำคำนวณร่วมเพื่อประเมินความเสียหายในรายงานชิ้นนี้ได้
แม้ตัวเลขที่นำเสนอจะเป็นเพียงการคำนวณเบื้องต้น โดยอาศัยข้อมูลสาธารณะของภาครัฐและกำหนดกรอบเวลาเพียงหนึ่งปี แต่ความเสียหายที่แท้จริงอาจมีมูลค่าสูงกว่านี้มาก หากคำนึงถึงผลกระทบเชิงลึกในมิติอื่นๆ เช่น มิติทางด้านสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของชุมชนริมลำน้ำ นอกจากนี้หากพิจารณาว่าแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกไหลรวมสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงแสน ปัญหามลพิษจึงไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเขตแม่สายหรือชายแดนไทย–เมียนมา หากแต่มีแนวโน้มลุกลามกระทบต่อระบบนิเวศลุ่มน้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นเลือดสำคัญของผู้คนนับล้านในภูมิภาคตอนบน ทั้งด้านการประมง เกษตรกรรม และการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค
ถ้าสารโลหะหนักยังคงถูกพัดพามาสู่แม่น้ำโขงโดยไร้มาตรการจัดการที่จริงจัง ผลกระทบจะไม่เพียงสั่นสะเทือนเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ยังเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและอาหารของทั้งภูมิภาค นี่คือโจทย์ใหญ่ที่รัฐไทยและประเทศเพื่อนบ้านไม่อาจหลีกเลี่ยง และจำเป็นต้องร่วมกันเร่งสร้างกลไกความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม
อ่าน [ชุดข้อมูล] 93 ล้านบาท เปิดมูลค่าความเสียหายแม่น้ำรวกเป็นพิษเหมืองแร่ คาดภาคเกษตรเสียหายกว่า 2 หมื่นไร่ https://www.lannernews.com/07102568-02/
ที่มา
- สํานักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- กรมพัฒนาที่ดินจังหวัดเชียงราย
- สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย
- สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
- งานวิจัยที่ศึกษาความขัดแย้งด้านการจัดการแม่น้ำสายระหว่างไทย–เมียนมา
- เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน
- แม่สายฟิชฟาร์ม
- จำปาฟาร์ม จังหวัดเชียงราย
- เทคนิคเลี้ยงปลานิล รายได้ ความเสี่ยง คุยกับเจ้าของฟาร์มเงินล้าน
- การเลี้ยงปลานิล
- องค์บริหารส่วนตำบลเกาะช้าง
- เทศบาลตำบลเวียง
- องค์การบริหารส่วนตำบลศรีดอนมูล
- agri-map-online กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- GIS Initiative for People to People Connectivity

นักมานุษยวิทยามือสมัครเล่น ผู้ที่สนใจประเด็นทางสังคมรอบตัว และพยายามตามหาคำตอบเพื่ออธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาการสื่อสารประเด็นทางสังคมในหลากหลายรูปแบบ เพื่อต้องการให้สังคมเกิดการรับรู้เพิ่มขึ้น