ตามรอยวิจัยไทบ้าน ประสบการณ์นอกห้องเรียนฮิมน้ำของ

Date:

วันที่ 20-21 ธันวาคม 2566 โครงการห้องปฏิบัติการทางสังคม (Social Lab) ปีที่ 2: ชายแดนศึกษากับการเรียนรู้บนฐานชุมชนสู่การสร้างสังคมสร้างสรรค์ โดย ศูนย์วิจัยนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่ สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้จัดกิจกรรมเรียนรู้วิถีชุมชนชายแดนริมน้ำโขง ณ บ้านห้วยลึก ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย กิจกรรมครั้งนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมจากสาขาการพัฒนาระหว่างประเทศ สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

กิจกรรมวันแรก (20 ธันวาคม) ในช่วงเช้าเป็นการบรรยายประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของบ้านห้วยลึก ที่ชุมชนดั้งเดิมเป็นชาติพันธุ์ลาวอพยพมาจากเมืองหลวงพระบาง โดย ชวลิต บุญทัน ตัวแทนชุมชนได้บอกเล่าถึงอัตลักษณ์ความเป็นชาติพันธุ์ลาวที่ยังคงสืบทอดและพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของชาวชุมชนบ้านห้วยลึก และได้กล่าวว่า “รุ่นพวกผมที่อายุ 40 ปีลงมาจะเหลือแค่พูดภาษาลาวได้ แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปยังพูดและเขียนภาษาลาวได้ บางคนที่อายุมากกว่า 80 ปีจะเข้าใจภาษาฝรั่งเศสด้วย” นอกจากนี้ตัวแทนชุมชนและผู้นำชุมชนได้ร่วมกันบอกเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิตจากเดิมที่อาชีพหลักคือประมงไปสู่การปลูกพืชเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ชาวชุมชนสามารถเข้าถึงการบริการนอกพื้นที่ได้สะดวกขึ้น

“เมื่อก่อนถนนเส้นนี้ไม่ได้ดีเหมือนตอนนี้ โดยเฉพาะหน้าฝนยิ่งเดินทางลำบาก สมัยผมเรียนมัธยมที่โรงเรียนเวียงแก่น ที่ตอนนี้เหมือนจะใกล้ ๆ แต่เมื่อก่อนนั้น (ราวก่อนปีพ.ศ. 2540 – ผู้เขียน) เด็กบ้านห้วยลึกนี่ขึ้นชื่อเลย ถ้าหน้าฝนแล้ววันไหนฝนตก รถจะติดหล่ม เสื้อนักเรียนพวกผมจะเลอะไปด้วยโคลน เพราะต้องช่วยเข็นรถ แล้วก็กว่าจะไปถึงโรงเรียนก็เกือบ 10 โมงเช้า ขนาดออกจากบ้านตอน 6 โมงเช้านะ แต่สมัยนี้ถนนดีแล้ว เด็ก ๆ รุ่นลูกพวกผมไปโรงเรียนง่ายขึ้น” อภิเชษฐ์ คำมะวงศ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยลึก ขยายความเปรียบเทียบให้นักศึกษาเห็นภาพระหว่างชุมชนบ้านห้วยลึกในอดีตและปัจจุบันได้ชัดเจนขึ้นจากประสบการณ์ตรงของตนเอง

ช่วงบ่าย นักศึกษาแบ่งกลุ่มไปสัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนในด้านต่าง ๆ ได้แก่ วิถีเกษตรเศรษฐกิจ วิถีประมง วิถีเกษตรและประมงริมฝั่งโขง และวิถีวัฒนธรรมชาติพันธุ์ลาว โดยนักศึกษามีโจทย์สำคัญคือการค้นหาเรื่องราว ร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับวิทยากรชุมชน และสร้างสื่อที่สะท้อนความเป็นชุมชนบ้านห้วยลึก จากมุมมองและประสบการณ์ของนักศึกษา และนำเสนอต่อทั้งชุมชนและสาธารณะในกิจกรรมการคืนข้อมูลชุมชน โดยนักศึกษาแต่ละกลุ่มได้มีโอกาสทดลองใช้ชีวิตตามวิถีของชาวชุมชน เช่น การกรีดยาง ดูแลสวนส้มโอ เก็บส้ม ยกยอหาปลาริมฝั่งโขง ดูแลแปลงผักริมน้ำโขง และลงเรือติดตามดูพรานปลาหาปลาด้วยวิธีไหลมอง และปิดท้ายช่วงบ่ายด้วยการไป ‘แก่งผาได’ จุดสุดท้ายของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านภาคเหนือของไทย ก่อนจะไหลเข้าประเทศลาว โดยตลอดเส้นทางถนนจากหมู่บ้านถึงแก่งผาได นักศึกษาได้เห็นลักษณะภูมินิเวศของแม่น้ำโขง เนื่องจากเป็นหน้าแล้งเกาะแก่งต่าง ๆ จึงโผล่ขึ้นมาให้เห็นชัดขึ้น ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดได้เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับนักศึกษาที่มาจากนอกพื้นที่ และยังสร้างความมั่นใจให้กับวิทยากรชุมชนในการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของตนเองให้กับคนรุ่นใหม่อีกด้วย

ช่วงเย็น วิทยากรชุมชนได้พานักศึกษานั่งเรือ ไปเยี่ยมยาม ชมวิถีชีวิตพี่น้องชาวลาวริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เน้นย้ำให้เห็นความสำคัญของแม่น้ำโขง ที่เป็นทั้งแหล่งอาหาร อาชีพ และเป็นเส้นทางสำหรับติดต่อค้าขายและเยี่ยมเยียนกันของผู้คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำ และปิดท้ายช่วงค่ำโดยกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้เฒ่าผู้แก่ของชุมชนได้แสดงการขับร้อง พร้อมเครื่องดนตรีประกอบเต็มวงสไตล์ชาติพันธุ์ลาวบ้านห้วยลึก

ในวันที่สองของกิจกรรม (21 ธันวาคม) นักศึกษาได้เรียนรู้วิถีอาหารชาติพันธุ์ลาวสูตรเฉพาะบ้านห้วยลึก ได้แก่ ปลาแม่น้ำโขงทอด น้ำพริกน้ำผัก โอด(ใบบอน) และผักลวก ซึ่งวัตถุดิบหลักของทุกเมนูเป็นทรัพยากรที่หาได้ในชุมชน โดยมีแม่เตียด หรือ แพงประไพ บุญยัง สมาชิกกลุ่มแม่บ้านที่มาทำอาหารให้นักศึกษาพร้อมกับแนะนำวิธีการรับประทานเมนูต่าง ๆ ของบ้านห้วยลึก รวมถึงสอนนักศึกษาช่วยกันทำอีกหนึ่งเมนูพิเศษสูตรบ้านห้วยลึก “อั่วมะเผ็ด” หรือห่อนึ่งพริกหวานยัดไส้หมู และปิดท้ายด้วยกิจกรรมการทดลองชิมรสชาติโดยไม่บอกที่มาของอาหาร (Blind test) เพื่อเป็นการให้กลุ่มแม่บ้านและกลุ่มผู้สูงอายุที่กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนได้ฟังความคิดเห็นนักศึกษาที่มาจากนอกพื้นที่ รวมทั้งได้ทดลองชิมผลิตภัณฑ์ของชุมชนอื่น ๆ ด้วย โดยเมนูที่นำมาใช้ในการทดลองครั้งนี้คือ ไส้อั่ว และปลาส้ม

แม้ว่ากิจกรรมครั้งนี้จะมีเวลาให้นักศึกษาได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวชุมชนบ้านห้วยลึกเพียง 2 วัน 1 คืน แต่ประสบการณ์ที่ได้รับนั้นหลากหลาย ผ่านการร่วมทำกิจกรรมกับผู้รู้โดยตรง และนักศึกษาได้สะท้อนความรู้ที่ได้รับจากโครงการนี้ผ่านผลงานสื่อที่จะนำเสนอในกิจกรรมคืนข้อมูลชุมชนซึ่งเป็นกิจกรรมสุดท้ายของโครงการ

เนื้อหาและภาพ โดย: ออมสิน บุญเลิศ นักวิจัยประจำศูนย์วิจัยนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่ สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

กระทรวงทรัพย์ฯ รุกตรวจคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน กะเหรี่ยงรวมมิตร-ห้วยทรายขาว ยืนยันเบื้องต้นไม่พบสารหนูปนเปื้อน

17 ตุลาคม 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เดินหน้าตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงราย หลังประชาชนแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคที่อาจปนเปื้อนสารโลหะหนัก สุชาติ ชมกลิ่น...

‘บางระกำโมเดล’ ก้าวไกลระดับโลก แต่ ‘คน’ โดนทิ้งไว้กลางน้ำ

เรื่อง: ฐิติพร มะโนวรรณา, ภาพ: ตุลา ธารา ‘บางระกำโมเดล’ โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ภายใต้สำนักงานชลประทานที่ 3...

เบื้องหลังเจ้าตลาดแร่แรร์เอิร์ธโลก จีนกับห่วงโซ่อุปทานเหมืองแร่ในเมียนมา

เรื่อง: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย, ภาพ: วีรภัทร เหลาเกิ้มหุ่ง เบื้องหลังโทรศัพท์สมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า และกังหันลม ล้วนมีวัตถุดิบสำคัญที่ถือเป็นหัวใจของเทคโนโลยีสมัยใหม่...

ริมกกซวยซ้ำ! น้ำประปา ผัก ปลา ปนเปื้อนโลหะหนัก ชาวบ้าน 7 รายมีสารในปัสสาวะสูง จี้รัฐเร่งแก้ไข

ผ่านมากว่าครึ่งปีกับวิกฤตสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำกกที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อระบบนิเวศของสายน้ำ แต่กระทบไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การประกอบอาชีพอย่างการประมงและการเกษตร กลายเป็นปัญหาใหญ่ข้ามพรมแดนที่ไม่อาจแก้ได้ฝ่ายเดียว นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสายน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนมานับไม่ถ้วนกำลังเผชิญกับหายนะอย่างหนัก แม่น้ำกกมีต้นกำเนิดอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ไหลเข้าสู่ประเทศไทยในตำบลท่าตอน...