เมื่อร้านกาแฟกลายเป็นช่องฟอกเงิน ส.ส.วิโรจน์เตือน เชียงรายเสี่ยงเป็นฐานทุนสแกมเมอร์ จี้รัฐตรวจธุรกิจเงินสด–นอมินี

Date:

จังหวัดเชียงรายกำลังถูกจับตามองในฐานะพื้นที่ที่มีการไหลเข้าออกของเงินผิดกฎหมายจากขบวนการหลอกลวงออนไลน์ (สแกมเมอร์) ในภาคเหนือ หลัง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน ระบุในงานสัมมนา ‘รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ : ป้องกันก่อนตกเป็นเหยื่อ’ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ว่า เม็ดเงินจาก ‘อุตสาหกรรมสแกมเมอร์’ ในประเทศเพื่อนบ้านกำลังถูกนำกลับเข้ามาฟอกผ่านธุรกิจหลากประเภทในพื้นที่ชายแดนไทย–ลาว–เมียนมา โดยหนึ่งในช่องทางสำคัญคือ ‘ร้านกาแฟและธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟ’ ในเชียงราย

ฟอกเงินผ่าน ‘กาแฟ’ ซื้อเกินจริง–ขายขาดทุน ปกปิดเส้นทางเงินสีเทา

ส.ส.วิโรจน์เปิดข้อมูลเชื่อมโยงเส้นทางฟอกเงินข้ามชาติ ผ่านรูปแบบการทำร้านกาแฟที่อ้างว่า ‘ซื้อเมล็ดกาแฟเกินจริงจากชาวบ้าน’ เพื่อปั้นยอดซื้อในบัญชี ก่อนนำกาแฟไปขายต่อในราคาขาดทุนให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนในระบบ ทำให้เอกสารบัญชีดูเหมือนมีการซื้อ–ขายจริง สามารถอ้างอิงได้ตามกฎหมาย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อซ่อนเส้นทางเงินจากแก๊งหลอกลวงออนไลน์และคอลเซนเตอร์

ผลกระทบชัดเจนคือ ผู้ประกอบการสุจริตต้องเผชิญตลาดที่ถูกบิดเบือนราคา ทั้งราคาซื้อเมล็ดกาแฟที่สูงผิดปกติ และการแข่งขันกับร้านที่ยอมขายขาดทุน เพราะเป้าหมายไม่ใช่การทำกำไร แต่คือการฟอกเงิน

ส.ส. วิโรจน์ระบุเพิ่มเติมว่า เงินที่ได้จากการฉ้อโกงออนไลน์ บางส่วนประเมินว่ามาจากฝั่งลาวราว 3.9 แสนล้านบาทต่อปี ถูกนำกลับเข้ามาใช้ซื้อธุรกิจในเชียงราย ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รีสอร์ต ร้านกาแฟ ร้านค้าปลีก ตลอดจนธุรกิจบริการ เช่น คาร์แคร์และขนส่ง รวมถึงการเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐอย่างโครงการอาหารกลางวันโรงเรียน

เขาให้เหตุผลว่า ธุรกิจที่ซื้อด้วย ‘เงินสดจำนวนมาก’ และมีรูปแบบการบริหารไม่ชัดเจน อาจเป็นสัญญาณของความพยายามฟอกเงิน ซึ่งทำให้ธุรกิจท้องถิ่นที่ดำเนินกิจการตามปกติแข่งขันได้ยากขึ้น

“เงินสกปรกเหล่านี้เข้ามาทำลายกลไกตลาด ผู้ประกอบการที่ทำมาหากินสุจริตได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากกลุ่มทุนสีเทาสามารถขายสินค้าตัดราคาหรือยอมขาดทุนได้ ส่งผลให้ธุรกิจท้องถิ่นแข่งขันไม่ได้ ต้องทยอยปิดตัวลง เศรษฐกิจซบเซา ลูกจ้างตกงาน และอาจถูกดึงเข้าสู่วงจรบัญชีม้าหรือนอมินีเป็นลูกโซ่”

โครงสร้างนอมินีแบบ ‘ถือไขว้’

ส.ส. วิโรจน์กล่าวว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินมักมีรูปแบบการจดทะเบียนซ้ำๆ ใช้ ‘นอมินี’ (ตัวแทนที่ถูกตั้งชื่อไว้ในนาม แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของผลประโยชน์ที่แท้จริง)  หรือสำนักงานกฎหมายไม่กี่แห่ง และพบบริษัทที่ใช้ผู้ถือหุ้นรายเดิมสลับกันถือหุ้น 20–30 บริษัท เพื่อสร้างความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจ

เขาเสนอว่าหน่วยงานของรัฐ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย สามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ หากได้รับข้อมูลจากภาคเอกชนในพื้นที่ โดยเฉพาะสมาคมพ่อค้าและหอการค้าท้องถิ่น

“ในการแก้ปัญหา ผมมองว่าภาคเอกชน เช่น สมาคมพ่อค้า หอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย มีบทบาทสำคัญ เพราะคนในพื้นที่เชียงรายต่างรู้จักกันดี หากพบเห็นธุรกิจหน้าใหม่ที่ไม่ทราบที่มาที่ไป เข้ามาสร้างความปั่นป่วนด้วยการตัดราคา ควรเร่งประสานงานไปยัง พาณิชย์จังหวัด เพื่อตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นว่ามีการใช้นอมินี หรือไม่”

กังวลผลกระทบเชิงระบบ หากไทยถูกจัดให้อยู่ใน Grey List

ส.ส. วิโรจน์เตือนว่า หากไทยไม่จัดการปัญหาฟอกเงินอย่างจริงจัง ประเทศอาจเผชิญมาตรการเข้มงวดจาก คณะทำงานปฏิบัติการด้านการเงิน (FATF) ซึ่งอาจจัดไทยอยู่ใน ‘Grey List’ และส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศ ความน่าเชื่อถือของระบบการเงิน และภาคการท่องเที่ยว

เขากล่าวว่าเงินหมุนเวียนจากขบวนการสแกมเมอร์ในภูมิภาคนี้สูงถึง 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี โดยมีผู้เกี่ยวข้องราว 300,000 คน ในเมียนมา ลาว และกัมพูชา ขณะที่ความเสียหายในประเทศไทยเองมีมูลค่ากว่า 115,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP สูงกว่าสหรัฐอเมริกาหลายเท่า

ทั้งนี้ วิโรจน์เรียกร้องให้สำนักงานสรรพากรจังหวัดเชียงรายตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะการทำบัญชีผิดปกติ ไม่ใช่เร่งรัดเก็บภาษีเฉพาะผู้ประกอบการที่ทำงานสุจริต โดยชี้ว่าในหลายกรณีมีการแจ้งรายได้ต่ำผิดสัดส่วนหรือสร้างตัวเลขรายได้เท็จเพื่อลดภาษี หรือใช้รูปแบบคล้าย ‘ทัวร์ศูนย์เหรียญ’

เขาเสนอว่าหากพบข้อมูลเข้าข่ายความผิดมูลฐาน หน่วยงานภาษีควรประสานไปยัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขยายผลตรวจสอบเส้นทางเงินและพิจารณาการอายัดทรัพย์สิน

“สรรพากรเชียงรายไม่ควรเร่งเก็บภาษีแต่ผู้ประกอบการสุจริต แต่ต้องตรวจสอบธุรกิจที่อาจฟอกเงินด้วย หากพบความผิดมูลฐาน ต้องประสานงานไปยัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน นำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สิน ขณะนี้ผมกำลังเร่งรัดให้กรมสรรพากรดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง”

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ชายแดนไทย–เมียนมาปะทุรุนแรงต่อเนื่อง แม่สอดผวาอพยพรายวัน หลังเมียนมาโจมตีหมู่บ้านมะระกัน ดับ 18 ราย เด็กเล็กเสียชีวิต–แรงระเบิดสั่นถึงฝั่งไทย

สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–เมียนมา ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยังคงตึงเครียดอย่างหนักจากการสู้รบในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 40 วัน และยังคงสร้างผลกระทบต่อฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งแรงสั่นสะเทือนจากการโจมตีของกองทัพเมียนมา...

สุขภาพของ ‘เขา’ คือสุขภาพของ ‘เรา’ เหตุผลจริงของการรักษาที่ชายแดน บทเรียนที่แม่สอดและอุ้มผาง กับข้อตกลงสุขภาพข้ามพรมแดนที่ยังมาไม่ถึง

เรื่อง: กุลธิดา กระจ่างกุล อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก คือหนึ่งในพื้นที่ชายแดนที่มีพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคมสูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เมืองเล็กๆ แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของแรงงานข้ามชาติจากเมียนมาหลายหมื่นคนที่เข้ามาทำงานในโรงงาน การเกษตร การประมง...

คกน.-เครือข่าย เปิดเวที ‘ชาติพันธุ์กับรัฐธรรมนูญ’ บทเรียน 50 ปีสู่รัฐธรรมนูญที่คนเท่ากัน

1 ธันวาคม 2568 เครือข่ายกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ (คกน.) และเครือข่ายจัดเวทีเสวนาในหัวข้อ ‘การต่อสู้ของพี่น้องชาติพันธุ์กับความสำคัญของรัฐธรรมนูญ’ โดยมีองค์กรภาคประชาชนจากไทย–เมียนมาร่วมแลกเปลี่ยน เพื่อทบทวนประวัติศาสตร์การต่อสู้ด้านสิทธิชุมชน...