ลำพูนเปิดเทศกาลลำไย-เกษตรแฟร์คึกคัก แต่บรรยากาศซบเซา สะท้อนวิกฤตราคาตกต่ำ-กำลังซื้อหด

วันที่ 1 สิงหาคม 2568 จังหวัดลำพูนเปิดงาน ‘เทศกาลลำไยและเกษตรแฟร์ – หอการค้าแฟร์ ครั้งที่ 17’ อย่างเป็นทางการ บริเวณพื้นที่เอกชนบ้านแม่สารป่าแดด ถนนลำพูน–ดอยติ จังหวัดลำพูน โดยมีกำหนดจัดต่อเนื่องถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ภายในงานมีแผงจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรจากชาวสวน ทั้งลำไยสดหลายพันธุ์ ผลไม้ตามฤดูกาล อาหาร และสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อหลากหลาย แต่บรรยากาศกลับเงียบเหงา ผู้เข้าร่วมงานบางตากว่าหลายปีก่อน

เทศกาลดังกล่าวจัดขึ้นในช่วงที่ผลผลิตลำไยของจังหวัดออกสู่ตลาดมากที่สุด ระหว่างเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม ซึ่งมักเป็นช่วงที่ชาวสวนเผชิญปัญหาราคาตกต่ำและขาดช่องทางจำหน่าย หอการค้าจังหวัดลำพูนจึงจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 เพื่อขยายตลาดสินค้าเกษตร ร่วมกับ 13 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดนิทรรศการวิชาการ การประกวดลำไยพันธุ์ต่างๆ การประกวดธิดาลำไยและหนูน้อยลำไย รวมถึงกิจกรรมเสริมอย่าง Exotics สัตว์เศรษฐกิจ มอเตอร์โชว์ และการแสดงจากศิลปินชื่อดัง ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดลำพูนยังเปิดโซนสินค้าธงฟ้า ขายสินค้าอุปโภคบริโภค ลำไยสด ผลิตภัณฑ์แปรรูป และผลไม้อื่นๆ ในราคาประหยัด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

“คนจะมาซื้อของเยอะไม่เยอะมันก็แล้วแต่เศรษฐกิจนะ ปีนี้ไม่ค่อยเยอะ เดินดูแล้วก็น้อยกว่าปีก่อนๆ”

แม้รูปแบบการจัดงานยังคงคึกคัก แต่เสียงสะท้อนจากแม่ค้าและชาวสวนกลับชี้ให้เห็นถึงปัญหาราคาลำไยที่ตกต่ำและกำลังซื้อที่หดตัว ‘ป้าอึ่ง’ แม่ค้าลำไยจากบ้านเหมืองง่า เล่าว่า ปีนี้ผู้มาร่วมงานน้อยลงกว่าปีก่อนๆ สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เธออธิบายว่า ผลผลิตลำไยขึ้นอยู่กับสภาพในแต่ละปี หากติดลูกมาก ราคามักตกต่ำ และบางครั้งโรงงานไม่รับซื้อจนล้นตลาด ต้องทิ้งผลผลิตจำนวนมาก

“ปีนี้คนน้อยลง ไม่เหมือนปีก่อนๆ อาจจะเพราะเศรษฐกิจก็ได้ เพราะว่าการจับจ่าย เขาก็ต้องคิดแล้วคิดอีก มันเลยมีคนน้อย อีกอย่างหนึ่งคือเป็นฤดูฝนด้วย สภาพอากาศมันก็ไม่เอื้อ”

ด้าน เรณู แก้วตา ชาวสวนและแม่ค้าลำไยจังหวัดลำพูน เล่าว่า ปีนี้ราคาลำไยต่ำกว่าทุกปี โดยพันธุ์สีชมพูซึ่งปกติขายได้ 70–80 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงเหลือเพียง 40–50 บาท ส่วนพวงทองจาก 70 บาท เหลือเพียง 40 บาทเท่านั้น รายได้จากการขายในงานก็ลดฮวบ จากเมื่อ 2–3 ปีก่อนเคยทำได้สูงสุดวันละ 10,000–20,000 บาท ปีนี้กลับเหลือเพียงหลักพัน ขณะที่ต้นทุนจ้างแรงงานเก็บเกี่ยวเพิ่มจาก 400–500 บาทต่อวัน เป็นเกือบ 700 บาทต่อวัน ทำให้หลายครั้งต้องตัดสินใจปล่อยผลผลิตให้เสียเพราะไม่คุ้มต้นทุน

“โห…แม่สงสารตัวเองและก็สงสารชาวสวนมาก เพราะว่ามันดกมาก แต่เราขายไม่ได้ ต้นทุนจ้างคนเก็บและแพ็กแพงมาก ถ้าเก็บแล้วไม่เหลือกำไรก็ต้องปล่อยให้เน่าคาต้นไปทั้งแบบนั้น เพราะสุดท้ายเก็บไม่เก็บก็ค่าเท่ากัน” 

แม้งานเทศกาลลำไยและเกษตรแฟร์ยังคงเป็นพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างชาวสวนกับผู้บริโภค แต่บรรยากาศที่ซบเซาในปีนี้ กลับสะท้อนให้เห็นวิกฤตราคาผลผลิตตกต่ำ ต้นทุนสูง และกำลังซื้อที่ลดลงได้อย่างชัดเจน ประเด็นนี้จึงยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ของเกษตรกรลำไยลำพูนที่ต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง