ความทรงจำดีๆ จากเชียงใหม่ ถึง ‘บินหลา สันกาลาคีรี’ ผู้บินไกล

Date:

หลายคนรู้จักมักคุ้นชื่อ ‘บินหลา สันกาลาคีรี’ นักเขียนอารมณ์ดี เจ้าของผลงาน หลังอาน, ดื่มทะเลสาบ อาบทะเลทราย, บินทีละหลา, รอยย่ำที่นำเราไป ฯลฯ และโดยเฉพาะหนังสือชื่อ เจ้าหงิญ ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลซีไรต์ ประจำปี 2548

แต่ผู้ที่ติดตามและรู้จักเขาดี จะทราบว่าบินหลาคือชายผู้สวมหลายบทบาท ทั้งนักเขียน นักข่าว บรรณาธิการ คนเขียนเพลง นักกิจกรรม กระทั่งเป็นผู้เฝ้าสังเกตการณ์ทางการเมืองไทย

บินหลา สันกาลาคีรี เป็นนามปากกา ชื่อจริงคือ วุฒิชาติ ชุ่มสนิท เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 เป็นบุตรของครูสอนภาษาไทย นายชูชาติ และนางอาวรณ์ ชุ่มสนิท จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา

ด้วยความใฝ่ฝันอยากเป็นนักหนังสือพิมพ์ เขาเข้าสอบเข้าศึกษาในคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2527 และได้พบกับรุ่นพี่อย่าง ศุ บุญเลี้ยง, วิวัฒน์ พันธวุฒิยานนท์ และ ผศ.ดร.กฤษฎา เกิดดี ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งพวกเขาได้เช่าบ้านอยู่ร่วมกัน  บินหลามักพูดถึงทั้งสามในฐานะพี่และเพื่อนที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อเขาอย่างมาก

จังหวะชีวิตของเขาพลิกผันและน่าสนใจยิ่ง เมื่อเขาถูกรีไทร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2532 หนึ่งปีต่อมา (พ.ศ. 2533) เขาทำงานข่าว ประจำอยู่ที่หนังสือพิมพ์ข่าวสด ทำงานอยู่ที่นั่น 4 ปี ก่อนลาออกเพื่อเป็นนักเขียนอาชีพเต็มตัว และเลือกใช้ชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่

จนกระทั่งรวมเรื่องสั้นชุด ‘เจ้าหงิญ’ ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี 2548

ความทรงจำจากเพื่อนพ้อง และ ‘เชียงใหม่’

นี่คือบันทึกความทรงจำและรอยทางของบินหลา จากมิตรภาพที่หลงเหลืออยู่ในใจของผู้คนเมื่อครั้งเขาพำนักอยู่เชียงใหม่

สร้อยแก้ว คำมาลา นักเขียนชาวเหนือ รำลึกถึงพี่ต้อ บินหลา สันกาลาคีรี ไว้อย่างอบอุ่นว่า

“ในช่วงปี 2535–2545 เป็นยุคของหนุ่มสาวนักแสวงหา นักคิด นักเขียน นักทำงานนอกกรอบ หลายคนหลงรักเชียงใหม่ และเลือกปักหลักพำนักที่นี่ พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง, พี่ต้อ บินหลา, พี่รายา ผกามาศ และอีกหลายคนที่เราอาจไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่รู้ว่าอยู่เชียงใหม่… เมืองเชียงใหม่ตอนนั้นยังไม่พลุกพล่าน ถนนสองเลน หน้ามอยังน่ารัก มีร้านไม่กี่ร้าน เช่น ร้านโบ๊ท ร้านพิม และร้านชา ‘แซงแซว’ ที่นักเขียนนักข่าวชอบมานัดเจอกัน”

สร้อยแก้วเล่าต่อว่า วันหนึ่งหลังเรียนจบ มช. ใหม่ๆ เธออยากเป็นนักเขียน จึงเขียนหนังสือขายเองที่หน้ามอ บังเอิญได้เจอพี่ต้อที่มาซื้อหนังสือของ กีย์ เดอ โมปัสซังต์ (Guy de Maupassant) ไปหนึ่งเล่ม และได้พูดคุยกันในวันนั้นเอง

“พี่ต้อถามว่า ตอนนี้เขียนเรื่องอะไรอยู่ไหม เราบอกว่าเขียนนิยายเยาวชนอยู่เรื่องหนึ่ง พี่ต้อขออ่าน วันต่อมาเราเอาต้นฉบับไปให้ ส่วนพี่ต้อก็หอบหนังสือเก่ามาให้ขาย พี่ต้ออ่านต้นฉบับเราในร้านชา TEA แล้วบอกว่า ‘นี่ผมกำลังอ่านสนุกเลยนะ ชอบตอนที่เด็กมันกำลังบิน’ เป็นคำพูดที่เราจำได้แม่น เพราะมันคือช่วงชีวิตที่พวกเรากล้าใช้ชีวิตโดยไม่กลัวอะไรเลย”

สร้อยแก้วเล่าต่อว่า เธอมักพบพี่ต้อในวงนักเขียนเชียงใหม่ ที่บ้านอาจารย์เทพศิริ สุขโสภา หรือบางทีก็ปั่นจักรยานสวนกัน พี่ต้อเคยเล่าเรื่อง ‘ต้นโมกหน้าบ้าน’ ที่เคยเฉาแต่กลับมาบานสะพรั่งอีกครั้ง และเขาเขียนเรื่องนี้ไว้ในมติชนสุดสัปดาห์ พร้อมประโยคที่เธอยังจำได้ว่า

“บางทีชีวิตคนบางคนก็คล้ายต้นไม้ มันต้องผ่านความแห้งแล้งยากไร้ จึงจะผลิดอกหอมกรุ่นอีกครั้งหนึ่ง”

เพื่อนร่วมทาง

สุวิชานนท์ รัตนภิมล นักเขียนจากพัทลุง ผู้ลงหลักปักฐานอยู่เชียงใหม่ เล่าว่า เขากับบินหลาเป็นศิษย์เก่าร่วมโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา รุ่นสุดท้าย

“อาจารย์ชูชาติ ชุ่มสนิท พ่อของต้อ เป็นครูสอนผมด้วย ภาพต้อเดินเข้าแถวกับกระเป๋าใบใหญ่ยังติดตา”

สุวิชานนท์เล่าว่า บินหลาชอบเชียงใหม่มาก เขาเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่ Tap Root บ้านไม้กลางสวนเงียบริมดอยสุเทพ เป็นที่เขียนงานและเก็บต้นฉบับ

“ผมเคยเห็นเขาศึกษาข้อมูลอย่างจริงจัง มีทั้งเอกสารเกี่ยวกับออกญาวิชาเยนทร์ และพุ่มพวง ดวงจันทร์ ซึ่งต่อมากลายเป็นหนังสือ ดวงจันทร์ที่จากไป

ครั้งหนึ่ง หลังบินหลากลับจากอินเดีย เขาชวนดูสไลด์เล่าเรื่องทะเลทรายที่ลำพูน

“ผมพาลูกสาวไปฟัง เขาเล่าอย่างมีชีวิตชีวา พูดถึงผู้คนและการเดินทางด้วยสายตาเปี่ยมศรัทธา”

บินหลากับการเมือง

องอาจ เดชา อดีตนักข่าวประชาไท เล่าว่าช่วงปี 2549 เขาเจอบินหลาในเวทีชุมนุมที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

“ทุกคืนเขาจะมายืนเงียบๆ กอดอกฟังคำปราศรัย ผมเคยสัมภาษณ์เขาในบทความ ‘บางบทสนทนากับบินหลา สันกาลาคีรี’ เขาวิจารณ์การเมืองไทยอย่างตรงไปตรงมา บอกว่าการเมืองที่ขาดจริยธรรมทำร้ายประชาชนเพียงใด”

บินหลาเชื่อมั่นในพลังของนักศึกษา เขาเคยบอกว่า

“ผมยังมีความหวังกับนักศึกษา โดยเฉพาะการออกค่ายชนบท ไม่จำเป็นต้องไปสร้างตึก แต่ไปแลกเปลี่ยนความคิดกับชาวบ้าน มันคือการเข้าถึงโดยตรง”

ภายหลังเมื่อเจอรัฐประหารและความบิดเบี้ยวของการเมือง เขายังคงเป็นผู้สังเกตการณ์เงียบที่เข้าใจโลกอย่างลึกซึ้ง ดังที่เขาเคยพูดไว้ในหนังสือนกเขียนชรา ปีกขวาชำรุด ว่า

“ลมการเมืองเป็นลมที่อ่อนแต่รุนแรง กว่าที่คุณจะรู้ตัว คุณก็แทบจะต้านไม่ไหวแล้ว และมันพัดให้ประเทศถอยหลังลงทุกครั้ง”

ร่องรอยในใจผู้คน

กัลยา ใหญ่ประสาน สมาชิกวุฒิสภา กลุ่มอาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก หรืออื่นๆ เล่าว่า ครั้งหนึ่งบินหลาเคยมาพักที่ ‘โขงสาละวิน’ จังหวัดลำพูน และยังเคยไปช่วยดายหญ้านากลางทุ่งด้วยกัน

ส่วน เก็ท-เสาวนีย์ เมฆานุพักตร์ เจ้าของ ‘ร้านเล่า’ ร้านหนังสืออิสระคู่เมืองเชียงใหม่ บอกว่า

“จำภาพได้ดี พี่ต้อนั่งท้ายรถกระบะมาที่ร้านเล่า แล้วรีบไปธุระต่อ ตอนนั้นเราไม่กล้าเข้าไปคุย เพราะมองว่าเขาเป็นนักเขียนใหญ่ แต่เพื่อนๆ ที่เวิ้งมาลัยบอกว่าเขาใจดีมาก”

เธอบอกว่า หนังสือของบินหลาเป็นงานขายดีในร้าน

“เราจะสั่งหนังสือของเขาทุกปกมาวางตลอด แนะนำให้เด็กรุ่นใหม่อ่าน งานเขาอ่านง่ายและจริงใจมาก”

เรื่องเล่าจากทุ่งเสี้ยว

แพร จารุ นักเขียนหญิงที่เคยอยู่ร่วมกับ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ที่กระท่อมทุ่งเสี้ยว อ.สันป่าตอง เล่าถึงวันที่บินหลาแวะมาหา

“วันนั้นเขาดูเหมือนคนป่วย ฉันบอกให้นั่งเฉยๆ เดี๋ยวไปขนหนังสือเอง หนังสือทั้งหมดเป็นของบินหลา มากพอจะจัดเป็นมุมเฉพาะนักเขียนได้เลย”

เธอจำได้ว่าการสนทนาในวันนั้นเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

“เขาเล่าเรื่องการป่วยของตัวเองอย่างละเอียด และบอกว่าไม่ยอมแพ้ จะไม่เป็นคนพิการ จะลุกขึ้นให้ได้ เดินให้ได้ และขับรถได้อีกครั้ง ฉันชื่นชมเขามาก”

แพรยังเล่าว่า หลังจากนั้นเขาอาสาขับรถไปส่งเธอที่โรงพยาบาล ทั้งที่ยังไม่หายดีนัก “เขาบอกว่า ผมขับได้จริงๆ แล้วก็ขับไปอย่างมั่นคง เป็นภาพที่ฉันไม่มีวันลืม”

เธอปิดท้ายด้วยความรู้สึกอันอ่อนโยนว่า

“หลังจากนั้นเราไม่ได้พบกันอีก ฉันยังเก็บคันไถเก่าที่เขาซื้อไว้และบอกใครๆ ว่า ของบินหลา…ไม่รู้เมื่อไหร่จะมาเอา เพราะยังรอวันที่จะได้พบกันอีก เพื่อบอกเขาว่า ฉันเอาเรื่อง ‘การไม่ยอมแพ้’ ของเขา ไปเล่าให้คนป่วยฟัง เพื่อให้มีกำลังใจเหมือนเขา ขอบคุณสำหรับการได้พบกัน และขอให้เดินทางไกลโดยสวัสดิภาพทุกเส้นทาง”

ปีกที่ยังโบยบินอยู่ในความทรงจำ

แม้ บินหลา สันกาลาคีรี จะจากไป แต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความจริงใจ และงานเขียนที่เต็มไปด้วยชีวิต ยังคงโบยบินอยู่ในความทรงจำของผู้คน เหมือนชื่อของเขา “บินทีละหลา” ที่ยังพาเราทุกคนเดินทางต่อไปในเส้นทางของการอ่าน การเขียน และการมองโลกด้วยหัวใจ

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Joy: Midnight Rice Fest 2025 สร้างคนและพื้นที่ให้เชื่อมถึงกัน

เรื่อง: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย, ภาพ: คน.ข้าวยาคู้.ช้างม่อย คืนก่อนวันเพ็ญเดือนสิบสอง แสงทองจากผางประทีปส่องระยิบระยับตามแนวกำแพงในวัดชมพู ย่านช้างม่อย กลิ่นถั่ว งา...

สารหนูปนเปื้อนสาละวิน คพ.ยันปลอดภัย นักวิจัยเตือนอย่าด่วนสรุปก่อนผลแล็บจริง

ภาพ: กรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ผศ.ดร.ว่าน วิริยา ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่...

เครือข่ายชุมชนแม่ยาวเชียงราย ค้าน ‘ฝายดักตะกอน’  ชี้ไม่แก้ปัญหาน้ำกก ร้องรัฐบาลจริงใจแก้ปัญหาสารพิษข้ามพรมแดน

6 พฤศจิกายน 2568 ที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตร่วมกับเครือข่ายสิทธิชุมชนเชียงราย เป็นตัวแทนชุมชนชาติพันธุ์ในพื้นที่ ได้จัดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอเตรียมเข้าสู่เวทีรับฟังความคิดเห็นของกรมทรัพยากรน้ำ...

นักวิชาการแนะใช้ ‘TEIA’ กู้วิกฤต ‘โขง – สาละวิน’ ปนเปื้อนสารพิษ ชาวบ้าน – ส.ส.ประชาชนจี้รัฐเร่งแก้ปัญหา

ภาพ: Salaween Life 28 ตุลาคม 2568 มีการเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดย ผศ.ดร.ว่าน วิริยา ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม...