10 มิถุนายน 2568 ชาวประมงริมแม่น้ำกกและแม่น้ำโขงได้รับผลกระทบหนัก หลังพบปลาติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมตรวจพบสารพิษปนเปื้อนในแหล่งน้ำเกินมาตรฐาน ส่งผลให้ไม่สามารถจำหน่ายปลาได้ตามปกติ รายได้ลดลงจนแทบไม่เหลือ ขณะที่องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมและชาวบ้านเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง
ล่าสุด สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่า มีการพบปลาติดเชื้อชนิดรุนแรงในแม่น้ำกก โดยเฉพาะปลากดและปลาแข้ตัวเล็กๆ ที่ชาวประมงในพื้นที่จับได้ ซึ่งแสดงอาการผิดปกติ เช่น มีตุ่มตามลำตัวและผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ยังมีการพบปลาผิดปกติในลำน้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาในระดับที่เพิ่มมากขึ้น
แม้ผลการตรวจวิเคราะห์โลหะหนักในตัวปลาโดยห้องปฏิบัติการกลาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งดำเนินการโดยกรมประมง ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ค่าที่ตรวจพบถือว่าสูงอย่างน่ากังวล เช่น
11 เม.ย. 2568 (ฝายเชียงราย): สารหนู 0.013 mg/kg, ปรอท 0.09 mg/kg
28 เม.ย. 2568 (แม่น้ำโขง อ.เชียงแสน): ปรอท 0.14 mg/kg, ตะกั่ว 0.05 mg/kg
1-2 พ.ค. 2568 (หลายจุดในแม่น้ำกก): ปรอทตั้งแต่ 0.054 – 0.13 mg/kg, ตะกั่วสูงสุด 0.11 mg/kg
บุญสุข สุวรรณดี ชาวประมงบ้านสบคำ อำเภอเชียงแสน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ชาวบ้านไม่สามารถขายปลาได้เลย เพราะพ่อค้าแม่ค้าปฏิเสธรับซื้อและถึงขั้น “ปิดโทรศัพท์หนี” โดยกล่าวว่า “ตอนนี้ต้องไปจับปลาในหนองน้ำเล็กๆ แทน อยากให้รัฐช่วยนำปลาไปปล่อย หรือพัฒนาแหล่งน้ำใหม่ให้พอประทังชีวิตชาวประมงได้บ้าง”
ด้าน สมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมกำลังเร่งเก็บรวบรวมข้อมูลปลาที่มีความผิดปกติทั่วพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนือ เพื่อส่งตรวจทางวิทยาศาสตร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อพิสูจน์ว่า สารพิษในปลาอาจมีที่มาจาก “เหมือง” ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุสำคัญของการปนเปื้อน พร้อมระบุว่า หากพิสูจน์ได้ สมาคมจะเดินหน้ายื่นเรื่องผลักดันให้มีการ “ปิดเหมืองอย่างถาวร” เพื่อปกป้องระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหารของประชาชนในระยะยาว
“สถานการณ์ปลา ณ ตอนนี้เราก็ยังพบปลาที่มีลักษณะการติดเชื้ออยู่ เราได้ติดตามเพื่อนำปลาไปตรวจ หากพบว่าปลาที่พบมีสารพิษในตัวปลาก็สันนิษฐานได้ว่ามาจากเหมือง ตอนนี้สถานการณ์ปลาได้กระจายไปถึงแม่น้ำโขงแล้ว ตอนนี้เราพบปลาที่มีความผิดปกติภายนอกหลังจากนี้เราจะส่งเข้าสู่กระบวนการทางวิทยาศาตร์เพื่อหาสาเหตุและการวิเคราะห์สารปนเปื้อน ตอนนี้ทั้งลุ่มน้ำโขงเหนือยืนยันได้แล้วว่ามีการปนเปื้อนสารโลหะหนัก ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็จะนำไปเป็นข้อมูลพื้นฐานในอนาคต ในการเรียกร้องปิดเหมือง”
แม้สถานการณ์จะยืดเยื้อและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐต่อข้อเรียกร้องของชาวบ้านและภาคประชาสังคม ท่ามกลางกระแสกดดันที่เพิ่มสูงขึ้นให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบอย่างโปร่งใส และแสดงความรับผิดชอบต่อวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่กำลังส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างหนัก
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...