เปิดข้อมูลโรคไต 17 จังหวัดภาคเหนือ ป่วยทะลุ 3.4 แสนคน เสียชีวิตกว่า 1.6 หมื่นใน 5 ปี พบมีศูนย์ฟอกไตเพียง 168 แห่ง แม่ฮ่องสอนเหลือ 3 แห่ง

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตโรคไตเรื้อรังที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ทั้งจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูง อัตราการเสียชีวิตที่ยังอยู่ในระดับน่ากังวล และภาระหนักต่อระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะเมื่อประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ ปัญหาโรคไตเรื้อรังจึงไม่ใช่เพียงปัญหาสุขภาพส่วนบุคคลอีกต่อไป แต่เป็นความท้าทายเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวพันกับพฤติกรรมการบริโภค กeารเข้าถึงบริการรักษา และการวางแผนระบบสาธารณสุขในระยะยาว

จากข้อมูลสถานการณ์โรคไตในประเทศไทยปี 2567 โดย Rocket Media Lab ไม่เพียงสะท้อนภาพรวมของวิกฤตสุขภาพที่กำลังขยายตัวเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรเปราะบาง แนวโน้มดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ภาครัฐพิจารณาใช้นโยบายภาษีความเค็ม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2568 เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรังจากต้นทาง

Lanner ได้ทำการสรุปผลการสำรวจในพื้นที่ภาคเหนือครอบคลุม 17 จังหวัดภาคเหนือ พบว่ามีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังทุกระยะรวมกันกว่า 349,000 ราย ขณะเดียวกันยังพบจำนวนผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงในระดับที่น่าห่วงในหลายจังหวัด โดยมีศูนย์ฟอกไตใน 17 จังหวัดภาคเหนือเพียง 168 แห่ง กระจายตัวอย่างไม่เท่าเทียม ส่งผลให้ประชาชนบางพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีภูมิประเทศห่างไกล ยังเข้าไม่ถึงการรักษาอย่างทั่วถึง

ภาคเหนือวิกฤต ผู้ป่วยโรคไตทะลุ 3.4 แสนคน 5 ปี เสียชีวิต 1.6 หมื่นคน

ผู้ป่วยโรคไตทุกระยะรวมกันจำนวนทั้งสิ้น 349,314 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ป่วยระยะที่ 1 จำนวน 40,067 ระยะที่ 2 จำนวน 84,899 ราย ระยะที่ 3 จำนวน 155,557 ราย ระยะที่ 4 จำนวน 41,598 ราย ระยะที่  5 จำนวน 27,193 ราย สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วยทุกระดับสูงที่สุดสามอันดับแรก ได้แก่ จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 49,023 ราย รองลงมาคือจังหวัดเชียงใหม่ 36,442 ราย  และจังหวัดลำปาง 25,161 ราย

จังหวัดจำนวนผู้ป่วยทุกระยะระยะที่ 1ระยะที่ 2ระยะที่ 3ระยะที่ 4ระยะที่ 5
เชียงราย49,0238,14612,61519,5635,7372,962
เชียงใหม่36,4423,8757,64016,7865,2892,852
ลำปาง25,1613,0096,09511,1573,3711,529
นครสวรรค์25,0681,8445,58613,2323,1611,245
ลำพูน23,7994,5678,1916,9141,8782,249
พิษณุโลก22,5482,1006,1479,9162,6401,745
สุโขทัย21,7621,9855,19011,1422,531914
เพชรบูรณ์19,2791,6884,6259,6322,1851,149
น่าน18,9811,7043,5485,8031,4646,462
พะเยา18,1342,2465,1897,4572,1671,075
กำแพงเพชร17,5481,0754,3879,0372,099950
แพร่17,0792,0123,8477,8212,3071,092
พิจิตร15,4011,3143,7057,6741,999709
ตาก13,8442,1303,2986,2971,582537
อุตรดิตถ์13,5708352,4987,6211,638978
อุทัยธานี7,3936101,2993,9211,094469
แม่ฮ่องสอน4,2829271,0391,584456276
รวม349,31440,06784,899155,55741,59827,193

นอกจากนี้อัตราการเสียชีวิตจากโรคไตเรื้อรังตั้งแต่ปี 2561 – 2566 จำนวนทั้งสิ้น  16,619 ราย โดยจังหวัดที่มีจำนวนอัตราการเสียชีวิตมากที่สุดสามอันดับแรก ได้แก่   จังหวัดลำปาง ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1,983, ราย ตามมาด้วยจังหวัดน่าน 1,233 ราย และจังหวัดนครสวรรค์ 1,037 ราย ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงปัญหาที่ไม่ใช่เพียงเรื่องจำนวนผู้ป่วยเท่านั้นแต่อัตราการเสียชีวิตจากโรคไตเรื้อรังก็อยู่ในระดับที่น่ากังวล โดยเฉพาะในบางจังหวัดของภาคเหนือ เช่น จังหวัดน่าน ซึ่งมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 45.78 ต่อแสนประชากร  ลำปาง 41.7 ต่อแสนประชากร และ พะเยา 40.45 ต่อแสนประชากร โดย อัตราการเสียชีวิตของ 17 จังหวัดภาคเหนือคือ 24.1 ต่อแสนประชากร

จังหวัดอัตราเสียชีวิต (ต่อแสนประชากร) 2561-2566จำนวนเสียชีวิต (คน) 2561-2566
ลำปาง45.421,983
น่าน43.261,233
พะเยา37.111,037
แพร่31.95838
อุตรดิตถ์28.83775
ลำพูน25.6614
เชียงราย25.341,778
สุโขทัย22.45793
เชียงใหม่21.132,064
นครสวรรค์20.671,294
กำแพงเพชร20.09863
พิษณุโลก19.17981
เพชรบูรณ์18.811,108
อุทัยธานี15.03294
พิจิตร14.82473
ตาก11.1362
แม่ฮ่องสอน8.93129
รวม24.1005882416,619

ความ (ไม่) พร้อมของศูนย์ฟอกไต 17 จังหวัดภาคเหนือ

ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ปัจจุบันมีศูนย์ฟอกไตรวมทั้งสิ้น 168 แห่ง โดยจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีศูนย์ฟอกไตมากที่สุดถึง  41 แห่ง รองลงมาคือ จังหวัดลำปางที่มี 12 แห่ง ตามด้วย นครสวรรค์ 11 แห่ง และอีกสามจังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก ลำพูน และเชียงราย ซึ่งต่างมีศูนย์ฟอกไตจัดหวัดละ 10 แห่ง กลุ่มจังหวัดที่มีศูนย์ฟอกไตอยู่ในระดับใกล้คเียงกันคือ ตาก พะเยา เพชรบูรณ์ และแพร่ ซึ่งแต่ละจังหวัดมีอยู่ 9 แห่ง ขณะที่จังหวัดน่านและสุโขทัยมีจังหวัดละ 7 แห่ง ส่วนอุตรดิตถ์มีอยู่ 6 แห่ง สำหรับจังหวัดที่มีศูนย์ฟอกไตจำนวนน้อย ได้แก่ กำแพงเพชร พิจิตร และอุทัยธานี ซึ่งมีจังหวัดละ 5 แห่ง และแม่ฮ่องสอนมีจำนวนศูนย์ฟอกไตน้อยที่สุดในภาคเหนือ คือ 3 แห่ง 

การกระจายตัวของศูนย์ฟอกไตภาคเหนือดังกล่าว สะท้อนถึงความแตกต่างในการเข้าถึงบริการสาธารณะสุขของแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับจำนวนประชากร ลักษณะภูมิประเทศ โครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพของระบบบริการสาธารณสุขในพื้นที่นั้นๆ โดยรวมกัน การมีศูนย์ฟอกไตจำนวน 168 แห่ง ในภาคเหนือเป็นข้อมูลสำคัญที่สามารถนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพและจัดสรรทรัพยากรด้านสาธารณะสุขอย่างมีประสิทธิภาพ  

เมื่อพิจารณาความพร้อมของระบบบริการสาธารณสุขในพื้นที่ พบว่าศูนย์บริการฟอกไตในหลายจังหวัดยังมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีพื้นที่ห่างไกล เช่น แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีผู้ป่วยโรคไตรวม 4,282 ราย แต่อัตราการเข้าถึงบริการยังต่ำ นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในเชิงโครงสร้าง

อันดับจังหวัดจำนวนศูนย์ฟอกไต
1เชียงใหม่41
2ลำปาง12
3นครสวรรค์11
4พิษณุโลก10
5ลำพูน10
6เชียงราย10
7ตาก9
8พะเยา9
9เพชรบูรณ์9
10แพร่9
11น่าน7
12สุโขทัย7
13อุตรดิตถ์6
14กำแพงเพชร5
15พิจิตร5
16อุทัยธานี5
17แม่ฮ่องสอน3

เก็บภาษีความ “เค็ม” แก้ไขปัญหาโรคไต  

Rocket Media Lab และ สสส. ระบุว่า หากไม่มีการดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเป็นระบบ สถานการณ์โรคไตในประเทศไทยจะยิ่งเลวร้ายลง โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ” ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในกลุ่มสูงวัยและประชากรวัยทำงาน

รายงานจึงเสนอให้รัฐเร่งดำเนินมาตรการหลายด้านควบคู่กัน ทั้งการเก็บภาษีความเค็ม การส่งเสริมพฤติกรรมบริโภคที่ดี การให้ความรู้แก่ประชาชน และการลงทุนในระบบบริการสาธารณสุขให้ครอบคลุมและเข้าถึงได้ในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ซึ่งข้อมูลล่าสุดสะท้อนชัดถึงภาวะวิกฤตและความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเพียงพอ

สถานการณ์โรคไตในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือ อยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด การดำเนินนโยบายภาษีความเค็มในปี 2568 จึงเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันโรคเชิงรุก ควบคู่กับการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้ทั่วถึงและมีคุณภาพ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพและสร้างสังคมไทยที่มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง