เยาวชนไทยกว่า 360 คน เรียกร้องผู้นำเร่งแก้ปัญหาโลกรวนอย่างเป็นธรรม ก่อนการประชุม COP30

Date:

10 พฤศจิกายน 2568 ขณะที่ทั่วโลกเตรียมเข้าสู่การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 30 (COP30) ที่ประเทศบราซิล เด็กและเยาวชนไทยกว่า 360 คนจากทั่วประเทศได้ร่วมกันส่งเสียงเรียกร้องให้ผู้นำเร่งดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน ทั่วถึง และเป็นธรรม

เสียงสะท้อนเหล่านี้ถูกรวบรวมจาก การประชุมปรึกษาหารือเยาวชน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ จัดโดย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ร่วมกับ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (DCCE) เพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงความคิดเห็นต่อปัญหาโลกรวนในมุมมองของตนเอง การหารือสะท้อนให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเด็กและเยาวชนแล้วอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านสุขภาพ การศึกษา และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเยาวชนที่ต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเอง

เยาวชนที่เข้าร่วมครั้งนี้มาจาก 97 เครือข่ายทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มนักเรียน เยาวชนชาติพันธุ์ที่ทำงานอนุรักษ์ป่า และผู้ขับเคลื่อนประเด็นสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ต่างๆ การพูดคุยเปิดโอกาสให้พวกเขาแบ่งปันประสบการณ์ ความกังวล และข้อเสนอเชิงนโยบาย โดยมีจุดร่วมเดียวกันคือ “ต้องการให้เสียงของเยาวชนได้รับการรับฟังและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจริง”

ชัยรัตน์ ดิ๊ผอ วัย 19 ปี เยาวชนชาติพันธุ์จากจังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในตัวแทนเยาวชนไทย 9 คนที่จะร่วมเดินทางไปประชุม COP30 กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในชุมชนว่า

“ในชุมชนของผม ความร้อนที่สูงขึ้นและภัยแล้งทำให้หลายครอบครัวปลูกพืชได้ยากขึ้นและมีรายได้น้อยลง เมื่อพืชผลเสียหาย เด็กมักเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบ บางคนต้องออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยครอบครัว เราอยากให้ผู้นำฟังเรื่องราวของเรา และลงมือปกป้องอนาคตของพวกเรา”

ด้าน นันท์นภัส พงศ์วิฑูรย์ เยาวชนวัย 23 ปี ผู้ประสานงาน GYBN Thailand และ Project Manager ของ Local Conference of Youth (LCOY) Thailand 2025 กล่าวเสริมว่า กุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คือการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างคนต่างรุ่นและหลากหลายภาคส่วน

“เราได้เรียนรู้ว่าแม้เยาวชนจะมีความสนใจและมุ่งมั่นต่อการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศมากขึ้น แต่สิ่งที่ยังขาดคือความร่วมมืออย่างแท้จริงระหว่างคนรุ่นต่าง ๆ เยาวชนไม่ได้เพียงสนใจนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่เราพร้อมลงมือปฏิบัติ และความตั้งใจของเรายังขยายจากระดับท้องถิ่นไปสู่ระดับโลกด้วย”

เยาวชนจากทั่วประเทศได้เสนอ 6 ข้อเรียกร้องเร่งด่วน เพื่อปกป้องสุขภาพ ความเป็นอยู่ และความมั่นคงของทรัพยากรน้ำ โดยมุ่งเน้นไม่ให้มีเด็กคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ได้แก่

  1. ระบบสาธารณสุขที่ตอบสนองต่อความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ เช่น ความร้อนจัด มลพิษ PM2.5 โรคไข้เลือดออก และผลกระทบทางจิตใจจากภัยพิบัติ
  2. การศึกษาด้านสภาพภูมิอากาศสำหรับนักเรียนทุกคน เพื่อให้เด็กมีทักษะในการรับมือภัยพิบัติ การเกษตรที่ยั่งยืน และการจัดการของเสีย
  3. เศรษฐกิจที่เป็นธรรมและยั่งยืน โดยผู้ก่อมลพิษต้องรับผิดชอบ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้ภาคอาชีพในท้องถิ่น เช่น เกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ให้สามารถรับมือกับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ
  4. การจัดการภัยพิบัติที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนและครอบคลุมทุกกลุ่ม มีระบบเตือนภัยที่ทั่วถึงและมาตรการอพยพที่คำนึงถึงความปลอดภัยของเด็ก
  5. ความมั่นคงด้านน้ำสำหรับทุกคน ผ่านการปกป้องลุ่มน้ำ การควบคุมมลพิษ และการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการบริหารจัดการ
  6. การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างจริงจัง เช่น การจัดเก็บภาษีพลาสติกระดับประเทศ และสนับสนุนธุรกิจชุมชนที่แปรรูปของเสียให้เกิดมูลค่า

เซเวอรีน เลโอนาร์ดี รองผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวย้ำว่า เสียงของเยาวชนคือการเรียกร้องให้เกิดการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในระดับประเทศ เยาวชนได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่เพียงตระหนักถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่ยังพร้อมจะเป็นผู้นำและลงมือแก้ไขด้วยตนเอง ยูนิเซฟจึงขอให้แนวทางและนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ทั้งแผนการปรับตัวแห่งชาติ (NAP) และเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (NDC) ต้องสะท้อนถึงความต้องการและเสียงของเด็กและเยาวชนอย่างแท้จริง

“ขณะที่เรากำลังก้าวสู่การประชุม COP30 นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยจะได้แสดงภาวะผู้นำ โดยให้ความต้องการและเสียงของเด็กเป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจด้านสภาพภูมิอากาศ”

นอกจากนี้ เยาวชนยังเสนอให้จัดตั้ง เครือข่ายเยาวชนด้านสภาพภูมิอากาศระดับภูมิภาค ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ พร้อมผลักดัน กองทุนเยาวชนเพื่อการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศระดับประเทศ และนโยบายคุ้มครองสิทธิเด็กในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

ผลสำรวจ U-Report ปี 2567 ชี้ว่า แม้กว่า 90% ของเยาวชนไทยต้องการมีส่วนร่วมในประเด็นโลกรวน แต่มีเพียง 34% ที่ได้รับโอกาสนั้นจริง สอดคล้องกับรายงาน “Between Generations, One Planet” ของยูนิเซฟ ซึ่งเตือนว่า เยาวชนยังมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจน้อยเกินไป

เพื่อผลักดันการมีส่วนร่วมของเยาวชน ยูนิเซฟจึงเปิดตัวแคมเปญ #CountMeIn 2025 “จากเหนือจรดใต้ ทุกเสียงของเด็กมีความหมาย” เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยได้แสดงพลังในประเด็นสภาพภูมิอากาศ พร้อมสนับสนุนให้ตัวแทนเยาวชนไทย นำข้อเสนอของพวกเขาไปสะท้อนในเวที COP30 ที่ประเทศบราซิล

“การเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่เพียงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญต่อการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน เพราะเด็กและเยาวชนคือผู้ที่อยู่แนวหน้าของวิกฤต และเป็นพลังสำคัญในการสร้างประเทศไทยที่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต” เลโอนาร์ดี กล่าวทิ้งท้าย

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

มองบ้านใหญ่ภาคเหนือในเลือกตั้ง 69: 18 ตระกูลย้ายพรรค–22 ตระกูลปักหลักที่เก่า–อีก 3 ตระกูลก้าวจากท้องถิ่นสู่การเมืองระดับชาติ

‘บ้านใหญ่’ ไม่ได้หมายถึงครอบครัวที่เล่นการเมืองเพียงครอบครัวเดียว แต่หมายถึงเครือข่ายตระกูลการเมืองที่สืบทอดบทบาทและอิทธิพลต่อเนื่องยาวนาน โดยที่สมาชิกในเครือข่ายมักกระจายตัวอยู่ทั้งในสนามการเมืองท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้รับเหมางบประมาณ และภาคธุรกิจ  ในการเลือกตั้งปี 2569 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้...

เมืองที่ ‘ทุกคนต้องมีรถ’ ถึงจะใช้ชีวิตได้ ชีวิตคนพิจิตรในวันที่ขนส่งสาธารณะจังหวัดพึ่งพาไม่เคยได้

เรื่อง: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย, ภาพ: ภูบดี หิรัญวิวัฒน์วงศ์ แม้ในต่างจังหวัด ผู้คนยังคงต้องพึ่งพาขนส่งสาธารณะในชีวิตประจำวัน แต่ระบบที่ควรทำหน้าที่รองรับกลับค่อยๆ หดเล็กลงเรื่อยๆ...

เด็กหนึ่งคนคืออนาคตของหลายสังคม สิทธิการศึกษาเด็กไร้พรมแดนจากเมียนมา ที่ ‘เรียนได้’ แต่ ‘ไปต่อไม่ได้’

เรื่อง: กุลธิดา กระจ่างกุล  ท่ามกลางรอยแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศ ไปจนถึงเส้นแบ่งสถานะทางสังคม ‘การศึกษา’ ถูกยกให้เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และเป็นเครื่องมือทรงพลังในการสร้างความเสมอภาคแก่ผู้คน แต่สำหรับเด็กข้ามชาติและเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย การศึกษาอาจ...

ชาวเชียงใหม่จัดกิจกรรมสองขั้วท่ามกลางความตึงเครียดไทย–กัมพูชา ทั้งฝ่ายต่อต้านสงครามและฝ่ายให้กำลังใจทหาร

24 ธันวาคม 2568 เวลา 17.00 น. ชาวเชียงใหม่กลุ่มหนึ่งรวมตัวจัดกิจกรรมแสดงจุดยืน “ต่อต้านสงคราม ไทย–กัมพูชา”...