ปิดเทอมสร้างสรรค์ : วงคุย LC ภาคเหนือ เมื่อรอยยิ้มของเด็กๆ คือคำตอบของการเดินต่อ

เรื่อง: ปวิชญา ม่วงแดง

ภาพ: แคนคำ ตาคำ

เย็นวันจันทร์ ฝนโปรยลงมาเบาๆ ณ Makhampom Art Space อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ละอองน้ำตกกระทบพื้นดินจนส่งกลิ่นหอมชื้น ในค่ำคืนสุดท้ายของกิจกรรมเวิร์กชอปการเป็นกระบวนกรเพื่อการออกแบบการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมของ Learning Creator (LC) กลุ่มคนทำงานเพื่อเด็กและชุมชนในภาคเหนือ ทุกคนที่นั่งล้อมวงอยู่ในห้องต่างเงี่ยหูฟังเสียงฝน แต่ในเวลาเดียวกันก็ฟังเสียงกันและกัน ก่อนที่พรุ่งนี้ต่างคนจะเดินทางแยกย้ายกลับไปในหน้างานของตัวเองในแต่ละพื้นที่

นี่คือวงคุยเล็กๆ ของ LC ภาคเหนือ พวกเขามาจากพิษณุโลก แพร่ เชียงใหม่ และอุตรดิตถ์ คนละภูมิหลัง คนละเรื่องเล่า แต่คืนนี้ทั้งหมดถูกนำมาวางรวมกันกลางวง ล้อมด้วยความตั้งใจเดียวบนความท้าทายที่ว่า ทำอย่างไรให้เด็กมีพื้นที่เติบโตอย่างมีคุณค่า

หลังบ้านที่กลายเป็นลานเรียนรู้

ณดีล – ปิยพงษ์ ชมสวนมั่งมี จากสมาคมอาสาสมัครสร้างสุข จังหวัดพิษณุโลก เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย เขาคือนายกสมาคมอาสาสมัครสร้างสุข และเป็นคนที่เปลี่ยน ‘หลังบ้าน’ ให้กลายเป็นลานเรียนรู้และพื้นที่สร้างสรรค์

บ้านของเขาถูกดัดแปลงเป็นพื้นที่ให้เด็กๆ มาเจอ ‘ครูหน้าใหม่’ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและคนทำงานอาสามาสอน เด็กได้ทั้งความรู้ใหม่และแรงบันดาลใจจากคนแปลกหน้า ในขณะที่ครูเองก็ได้เรียนรู้กลับไป

“เราถามเด็กก่อนเสมอว่าอยากเรียนรู้อะไร แล้วค่อยปรับให้เข้ากับทักษะของครูอาสา มันเลยไม่ใช่แค่เราสอนเขา แต่เราได้เรียนรู้จากเขาด้วย”

นอกจากนั้น ณดีลยังทำโครงการ ครูอาสาสร้างสุขบนดอย เปิดฤดูหนาวต้อนรับคนอยากเป็นครูอาสา ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือใครก็ตามที่อยากแบ่งปันความรู้ ก่อนสอนเด็กๆ เขาจะถามเสมอว่า ‘อยากเรียนอะไร’ แล้วใช้ความถนัดของครูอาสามาประกอบ

เขากำลังต่อยอดสู่การตั้ง ‘ศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กนอกระบบ’ หลักสูตรเสร็จแล้ว เหลือเพียงรอการอนุมัติจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา สพม. เพื่อให้สามารถออกวุฒิ ม.3 และ ม.6 ได้จริง

“ผมอยากให้เด็กที่หลุดจากระบบมีโอกาสกลับเข้ามาเรียนใกล้บ้าน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีครู เพราะใครที่มีความรู้ก็สอนได้ ขอแค่มีใจจริงๆ”

เสียงที่ยืนยันคุณค่าของแม่วัยรุ่น

ใบเตย – ชมภูนุช มณีโชติ จากจังหวัดแพร่ เล่าเรื่องงานของเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธอทำงานกับกลุ่มพลังโจ๋ สนับสนุนแม่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี ให้เข้าถึงสวัสดิการหลังคลอด พร้อมสร้างระบบติดตามต่อเนื่อง 

เธอออกแบบกลุ่มไลน์ที่รวมแม่วัยรุ่น แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ เวลาลูกไม่สบายหรือมีปัญหา ก็ถามในกลุ่มได้ทันที

“สิ่งนี้ทำให้น้องๆ รู้สึกว่า แม้จะท้องในวัยเรียน ก็ยังมีคนเห็นคุณค่า ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง”

งานของใบเตยไม่ได้หยุดที่ปลายทาง แต่ยังทำงานเชิงป้องกัน แจกถุงยางอนามัยทั้งแบบรับเองและส่งทางไปรษณีย์ เผยแพร่ความรู้เรื่องเพศผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อให้เยาวชนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องง่ายขึ้น

โรงเรียนคือพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เธอเลือกลงไปทำงาน แม้หลายโรงเรียนไม่อยากยอมรับว่ามีปัญหาแม่วัยรุ่น แต่ข้อมูลที่เก็บได้ยืนยันชัด เธอจึงเชื่อว่า “การทำงานกับโรงเรียนคือกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลง”

ห้องเรียนวันอาทิตย์ในชุมชนช้างคลาน

ครูยุ้ย – วันดี ทวีศักดิ์สุวรรณ จากเชียงใหม่ เล่าเรื่องการเป็นครูอาสากลุ่ม “เสริม – แรง – เรียน” เธอจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทุกวันอาทิตย์ให้กับเด็กกลุ่มชาติพันธุ์และลูกหลานแรงงานข้ามชาติในชุมชนช้างคลาน

ครูยุ้ยออกแบบกิจกรรม เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ เรียนรู้ ทั้งศิลปะ ภาษา และกิจกรรมเสริมอื่นๆ

“เด็กๆ บอกว่าชอบกิจกรรมที่สุด เพราะมันทำให้สนุกขึ้น กล้าแสดงออก และไม่รู้สึกโดดเดี่ยว” 

แต่ปัญหาใหญ่คือกำแพงภาษา เด็กหลายคนไม่พูดไทย ทำให้เข้าเรียนในโรงเรียนรัฐได้ยาก ครูยุ้ยจึงต้องทำงานร่วมกับครูและองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อช่วยแปลเอกสารและประสานสิทธิในการเข้าเรียน

แม้จะเจออุปสรรคมากมาย แต่ครูยุ้ยไม่เคยรู้สึกเฟลกับเด็กๆ เพราะพวกเขาให้การตอบรับดีมาก เธอเชื่อว่าเด็กทุกคนไม่ว่าจะเชื้อชาติหรือสีผิวใด ควรมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน

เธอมีความฝันเรียบง่าย สร้างห้องเรียนเล็กๆ ที่ใครก็เข้ามาเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาชีพ สุขภาพ หรือทักษะชีวิต แม้จะยังไม่เชื่อมกับระบบการศึกษา แต่หวังว่าวันหนึ่งมันจะต่อเข้าไปได้จริง

สนามเด็กเล่นชีวิตในบ้านสามไร่

ป้าจุก – รัศมี มีชำนะ จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จังหวัดอุตรดิตถ์ เคยทำงานโรงแรมที่พัทยามาก่อน พอเกษียณก็กลับบ้าน และถูกชวนให้มาลองทำกิจกรรมในพื้นที่บ้านของตัวเอง ที่ดินสามไร่ติดถนนใหญ่ มีทั้งสวนผัก มะพร้าวน้ำหอม และคลองชลประทาน

“ตอนแรกกังวลว่าจะมีเด็กมาหรือเปล่า สุดท้ายมากันเกือบสี่สิบคน”

กิจกรรมมีทั้งปลูกผัก ทำกรอบรูปจากวัสดุเหลือใช้ เด็กๆ ได้ลงมือทำจริงและมีผลงานกลับบ้าน “เด็กหลายคนบอกว่าไม่เคยมีใครจัดกิจกรรมแบบนี้ในหมู่บ้านเลย เมื่อไหร่ป้าจุกจะจัดกิจกรรมอีก” ป้าจุกเล่าพร้อมหัวเราะ “ดีใจที่เด็กๆ ตื่นเต้นและตั้งตารอกิจกรรมของเรา”

เป้าต่อไปของเธอคือ พาเกษตรปลอดภัยเข้าโรงเรียน ให้เด็กได้กินผักดีๆ ที่ปลูกเอง ลดค่าใช้จ่ายครอบครัว และสร้างสายใยใหม่ระหว่างชุมชนกับโรงเรียน

รอยยิ้มเล็กๆ สู่พลังยิ่งใหญ่ของคนทำงาน

วงสนทนาเงียบไปชั่วขณะ เมื่อทุกคนพูดถึง ‘ความเฟล’ ของตัวเอง ณดีลเล่าว่าหลายครั้งเจอพาร์ทเนอร์ที่เน้นเช็กลิสต์มากกว่าความสำคัญของเด็ก บางงานขอให้จบเพียงครึ่งวัน ทั้งที่กระบวนการควรเต็มวันเพื่อให้เด็กได้ประโยชน์จริง ขณะที่ใบเตยเจอมายาคติหนักหน่วงต่อแม่วัยรุ่น ครูยุ้ยเจอปัญหาทรัพยากรที่ไม่มีหน่วยงานใดสนับสนุนและคำถามว่าทำไมถึงต้องไปสอนเด็กเมียนมาร์ เอางบประมาณไปให้เด็กไทยไม่ดีกว่าหรือ ส่วนป้าจุกยังเจอความไม่ต่อเนื่องเพราะกิจกรรมใหม่ แต่ทุกคนพูดตรงกันว่า รอยยิ้มของเด็กคือคำตอบที่ทำให้เรายังเดินต่อ

“มันไม่ง่ายที่เราจะทำอะไรแบบนี้ ท่ามกลางความไม่มั่นคง หลายครั้งมีเสียงทักว่า ทำไปทำไม แต่ความท้อนั้นกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เราทำ เพราะเราต้องการเห็นรอยยิ้มของเด็กๆ” ณดีลสรุป

ฝันที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่ไม่เคยหยุดนิ่ง 

ความฝันของพวกเขาไม่ได้ถูกเล่าด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม หากแต่เป็นเหมือนแผนที่ที่ค่อยๆ คลี่ออกตรงกลางวง แต่ละเส้นทางอาจแตกต่างกัน บางเส้นเริ่มจากบ้านหลังเล็ก บางเส้นเริ่มจากห้องประชุมโรงเรียน บางเส้นเกิดขึ้นริมคลองหรือในห้องเรียนวันอาทิตย์

ณดีลพูดถึงศูนย์การเรียนรู้ที่จะช่วยให้เด็กนอกระบบจบ ม.3 และ ม.6 ได้โดยไม่ต้องทิ้งถิ่น ใบเตยเล่าถึงกลไกคุ้มครองเด็กที่เข้มแข็งพอที่จะยื่นมือช่วยเหลือแม่วัยรุ่นได้ทันที ครูยุ้ยอยากสร้างห้องเรียนเล็กๆ ที่เด็กกลุ่มชาติพันธุ์และแรงงานข้ามชาติจะเข้ามาเรียนได้อย่างไม่ถูกกีดกัน ขณะที่ป้าจุกเงยหน้ามองสวนมะพร้าวของตัวเอง และนึกภาพวันหนึ่งที่ผักปลอดภัยจากแปลงหลังบ้านจะกลายเป็นอาหารกลางวันในโรงเรียน

สิ่งที่เหมือนกันคือความฝันเหล่านี้ยังไม่สมบูรณ์ มันยังอยู่ระหว่างทาง เหมือนเมล็ดเล็กๆ ที่เพิ่งถูกหย่อนลงดิน ต้องใช้ทั้งเวลา น้ำใจ และความเชื่อมั่นจากผู้คนรอบข้างเพื่อให้เติบโต

เมื่อฝนซา แต่เสียงยังคงอยู่ ความหมายยังก้องในใจ

เสียงฝนที่โปรยลงมาตลอดค่ำคืนค่อยๆ เบาลง ร่องรอยน้ำยังเกาะบนกระจกหน้าต่าง แต่ในห้องสนทนา เสียงเล็กๆ ของการแลกเปลี่ยนยังไม่หายไป มันแทรกอยู่ในรอยยิ้มที่เหลืออยู่ในมุมปาก แววตาที่มองไกลออกไปจากวงสนทนา

ไม่มีใครพูดคำสรุปใหญ่โต ทุกคนเพียงแต่เก็บสมุด ปิดไฟ แล้วลุกออกไปพร้อมกับเรื่องเล่าที่ผูกพันอยู่กับชุมชนของตัวเอง เรื่องเล่าที่จะถูกเปิดอีกครั้งในเช้าวันถัดไป

เมื่อมีเด็กสักคนเดินเข้ามาที่ลานบ้าน วันอาทิตย์หน้าในชุมชนช้างคลาน หรือเมื่อแม่วัยรุ่นอีกคนแอดเข้ามาในกลุ่มไลน์

ฝนหยุดตกแล้ว แต่ความหมายที่หยดลงในหัวใจของพวกเขายังไม่จางหาย และอาจยังจะก้องต่อไปในพื้นที่เล็กๆ ที่เด็กแต่ละคนได้ค้นพบว่า ตัวเองมีคุณค่า

ผลงานชิ้นนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Lanner และโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์

ปวิชญา ม่วงแดง

ชื่อเล่นว่าเนย เลี้ยงหมาชื่อโชคดี กำลังฝึกเล่าเรื่อง พบเจอได้ตามคอร์ดแบด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง