เปิดโผผู้ว่าหน้าใหม่ เชียงใหม่-เชียงราย-แม่ฮ่องสอน-ลำปาง ย้ายแทนหน้าเก่าหลังแต่งตั้งได้ไม่ถึง 2 เดือน

Date:

มติคณะรัฐมนตรีล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 มีคำสั่งให้โยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 45 ตำแหน่ง ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้ง หลังจากมติครม. ล่าสุด เพิ่งมีคำสั่งให้โยกย้ายในวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา

จากเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้ที่ขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 45 ราย  พบว่ามีผู้ว่าที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทั้งหมด 9 คนดังนี้ 

1. ทศพล เผื่อนอุดม จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ดำรงตำแหน่งเดิมเพียง 37 วัน ตั้งแต่ 7 กันยายน)
2. รัฐพล นราดิศร จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ (ดำรงตำแหน่งเดิมเพียง 13 วัน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม)
3. ชูชีพ พงษ์ไชย จากรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
4. ชุติพร เสชัง จากผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ (ดำรงตำแหน่งเดิมเพียง 13 วัน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม)
5. วิบูรณ์ แววบัณฑิต จากผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน (ดำรงตำแหน่งเดิมเพียง 13 วัน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม)
6. วิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ จากผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
7. เกียรติศักดิ์ ตรงศิริ จากผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
8. สันติ รังษิรุจิ จากผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์
9. สมบัติ ไตรศักดิ์ จากผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี

ทั้งนี้ การโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 โดย ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น เป็นผู้เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ทำให้การโยกย้ายครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 59 วันหลังจากการโยกย้ายครั้งก่อนหน้า นอกจากนี้ จังหวัดเชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ก็เพิ่งมีการเปลี่ยนตัวผู้ว่าราชการจังหวัดใหม่ไปไม่นาน โดยผู้ว่าราชการคนก่อนหน้าของทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว ดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึง 1 ปีเต็มเช่นกัน

เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ตามสีของ ครม.? ประชาชนอยู่ตรงไหนของสมการนี้

การปรับเปลี่ยนตัวผู้ว่าครั้งใหญ่นี้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ อนุทิน ชาญวีรกุล ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจาก แพทองธาร ชินวัตร และคณะรัฐมนตรีทั้งชุด ถูกศาลตัดสินให้พ้นตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568  โดยอนุทิน อ้างว่า การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อ ‘คืนความยุติธรรม’ ให้แก่ข้าราชการที่เคยถูกโยกย้ายไปก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าจับตามอง และคำถามที่หลายฝ่ายสนใจคือ การเปลี่ยนตัวครั้งนี้อาจเป็นการ ‘ล้างไพ่’ เดิมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ค่ายสีน้ำเงินอย่างพรรคภูมิใจไทยมีบทบาทสำคัญ อีกทั้งการแต่งตั้งและโยกย้ายในครั้งนี้อาจถูกมองว่าเป็นเพียงเกมทางการเมือง มากกว่าการปรับโครงสร้างเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารราชการ

ในขณะที่ประชาชนผู้ที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ว่าฯ กลับไม่ได้มีโอกาสในการได้เลือกผู้นำของตนเองอย่างเช่นเคย การกำหนดตัวยังคงมาจากผู้บริหารส่วนกลาง ซึ่งอาจไม่สะท้อนความต้องการหรือความเข้าใจในปัญหาเฉพาะพื้นที่

สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยงานปกครอง ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับคนในพื้นที่ การสร้างระบบที่ประชาชนมีสิทธิเลือกผู้นำของตนเองอย่าง ‘การเลือกตั้งผู้ว่าฯ’ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริหารรับผิดชอบต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ยังสร้างแรงจูงใจให้การบริหารงานตอบสนองต่อปัญหาเฉพาะถิ่นและการพัฒนาที่เหมาะสมกับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

การยกเครื่องหน่วยงานปกครองใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เพียงการล้างไพ่จากเกมทางการเมือง จะนำไปสู่ประโยชน์สูงสุดสำหรับคนในพื้นที่ ทั้งด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สาธารณูปโภค การแก้ไขปัญหาเฉพาะถิ่น รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใสในระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาค

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

ชาวกะเบอะดินจัดงาน ‘ครบรอบ 6 ปี คัดค้านเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย’ ยืนยันจะปกป้องผืนดินด้วยชีวิต

ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร เสียงตะโกน “เหมืองแร่ออกไป! เหมืองแร่ออกไป!” ดังก้องไปทั่วผืนนา บ้านกะเบอะดิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  11...

1.4 พันล้านบาท สรุปมูลค่าความเสียหายริมแม่น้ำกก-สาย-รวก จากวิกฤตสารพิษเหมืองแร่

แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก เป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤติมลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ความกังวลเรื่องคุณภาพน้ำและความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์เพิ่มสูงขึ้น พร้อมขยายผลกระทบไปยังโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาแม่น้ำเหล่านี้ Lanner ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤติการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก...

เมื่อ ‘เมืองน่าอยู่’ ยังไม่พอให้ใจได้พัก เด็กเชียงใหม่กับพื้นที่สร้างสรรค์ที่ยังหายไป 

เรื่องและภาพ: ธัญรดา หยุมปัญญา, ภีมราฎา เชื้อคำฟู, จตุรวิชญ์ แก้ววงค์วาน และอิทธิกร อรุณรัตน์ เชียงใหม่มักถูกพูดถึงเสมอว่าเป็น...

‘สุชาติ’ ลงพื้นที่แม่น้ำกก เร่งคลี่คลายพิษเหมืองแร่ปนเปื้อนด่วน คนริมกกสะท้อนรัฐเร่งเยียวยา ‘กัณวีร์’ แนะใช้กติกาโลกล้อมเมียนมา

ปัญหามลพิษจากเหมืองแร่ฝั่งเมียนมาที่ไหลปนเปื้อนลงแม่น้ำกกกำลังกลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสังคมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย สำนักข่าวชายขอบรายงานว่า 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...