ใช้โปรแกรมคำนวณความเสียหาย ศาลเชียงใหม่ตัดสินชาวบ้านลีซูเชียงดาว จ่าย 1.5 แสนแทนยอดฟ้อง 6 แสน

Date:

ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำพิพากษาให้ชาวบ้านลีซู 3 รายในอำเภอเชียงดาว ชดใช้ค่าเสียหายสิ่งแวดล้อมแก่กรมอุทยานฯ จำนวน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จากเดิมที่ถูกฟ้องเรียกกว่า 625,000 บาทในคดี “โลกร้อน” ซึ่งใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเมินความเสียหายจากการบุกรุกป่าโดยคิดรวมค่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นโดยไม่อิงข้อมูลจริงในพื้นที่ โดยทนายความจากศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น (CPCR) และมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) โต้แย้งว่าเป็นการประเมินที่ไม่เป็นธรรม ไม่สะท้อนสภาพพื้นที่จริง และไม่เคยมีการฟื้นฟูโดยรัฐมาก่อน

ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น(CPCR) รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำพิพากษาให้ชาวบ้านลีซู 3 รายในอำเภอเชียงดาว ชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กว่า 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย นับตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2557 หลังถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายสิ่งแวดล้อมรวมกว่า 625,314 บาท จากการบุกรุกพื้นที่ป่า

คดีนี้ถือเป็นหนึ่งใน “คดีโลกร้อน” ที่ภาครัฐเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมตามมาตรา 97 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 แม้ยังไม่มีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดในคดีอาญา

โดยกรมอุทยานฯ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชื่อ “แบบจำลองสำหรับประเมินค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมบางประการหลังการทำลายป่าไม้” ซึ่งคำนวณจากข้อมูลดิน ความลาดชัน และขนาดต้นไม้ ก่อนจะสรุปมูลค่าความเสียหายรวมถึง “ค่าเสียหายจากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น” โดยไม่อิงข้อมูลอุณหภูมิจริงในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นการประเมินที่ไม่สะท้อนสภาพจริงและไม่เป็นธรรม และเรียกคดีลักษณะนี้ว่า “คดีโลกร้อน”

ทั้งนี้คดีดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือโดย ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น (CPCR) และ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) โดยทนายความจากศูนย์พิทักษ์ฯ โต้แย้งว่า การเรียกค่าเสียหาย “โลกร้อน” ในคดีนี้ไม่เป็นธรรม เนื่องจากใช้โปรแกรมประเมินเดียวกันทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงสภาพพื้นที่จริง ขณะที่พื้นที่เกิดเหตุมีป่าฟื้นตัวแล้ว และรัฐไม่เคยดำเนินการฟื้นฟูใด ๆ มาก่อน การเรียกค่าเสียหายกว่า 6 แสนบาท จึงถือว่าเกินสมควรและไม่เป็นธรรมต่อชาวบ้านที่พึ่งพาทรัพยากรในการดำรงชีวิต

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

ชาวกะเบอะดินจัดงาน ‘ครบรอบ 6 ปี คัดค้านเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย’ ยืนยันจะปกป้องผืนดินด้วยชีวิต

ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร เสียงตะโกน “เหมืองแร่ออกไป! เหมืองแร่ออกไป!” ดังก้องไปทั่วผืนนา บ้านกะเบอะดิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  11...

1.4 พันล้านบาท สรุปมูลค่าความเสียหายริมแม่น้ำกก-สาย-รวก จากวิกฤตสารพิษเหมืองแร่

แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก เป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤติมลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ความกังวลเรื่องคุณภาพน้ำและความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์เพิ่มสูงขึ้น พร้อมขยายผลกระทบไปยังโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาแม่น้ำเหล่านี้ Lanner ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤติการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก...

เมื่อ ‘เมืองน่าอยู่’ ยังไม่พอให้ใจได้พัก เด็กเชียงใหม่กับพื้นที่สร้างสรรค์ที่ยังหายไป 

เรื่องและภาพ: ธัญรดา หยุมปัญญา, ภีมราฎา เชื้อคำฟู, จตุรวิชญ์ แก้ววงค์วาน และอิทธิกร อรุณรัตน์ เชียงใหม่มักถูกพูดถึงเสมอว่าเป็น...

‘สุชาติ’ ลงพื้นที่แม่น้ำกก เร่งคลี่คลายพิษเหมืองแร่ปนเปื้อนด่วน คนริมกกสะท้อนรัฐเร่งเยียวยา ‘กัณวีร์’ แนะใช้กติกาโลกล้อมเมียนมา

ปัญหามลพิษจากเหมืองแร่ฝั่งเมียนมาที่ไหลปนเปื้อนลงแม่น้ำกกกำลังกลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสังคมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย สำนักข่าวชายขอบรายงานว่า 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...