ที่มา: มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
วันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. ที่วัดทุ่งฮ้าง หมู่ 1 ตำบลทุ่งผึ้ง อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง มีการประชุมชี้แจงและตรวจสอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) โดยมีผู้แทนจากหลายหน่วยงาน อาทิ อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ), สถานีควบคุมไฟป่าถ้ำผาไท (ด้านทิศตะวันตก), ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ), สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.), มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ และชาวบ้านแม่จอกฟ้า หมู่ 8 เข้าร่วม
ธนากร สิงห์เชื้อ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ชี้แจงผลการกำหนดพื้นที่อุทยานฯ และยืนยันการกันพื้นที่ 9,234 ไร่ ออกจากเขตเตรียมการประกาศอุทยานฯ เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินของชุมชนแม่จอกฟ้า โดยพื้นที่ดังกล่าวรวมถึงโครงการฟื้นฟูพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (ลุ่มน้ำ) ระยะที่ 1 เนื้อที่ 154.69 ไร่ ซึ่งชาวบ้านร้องขอกันออกเช่นกัน
เวทีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างชุมชนกับอุทยานฯ หลังจากได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เร่งหาข้อยุติ โดยก่อนหน้านี้มีการรับรองแนวเขตร่วมกันมาแล้ว 7 ชุมชนในพื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานฯ

สมคิด ยาง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแม่จอกฟ้า กล่าวว่า การกันพื้นที่ออกจากเขตอุทยานฯ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกมั่นคงมากขึ้น ไม่กังวลว่ากฎหมายอุทยานฯ จะจำกัดการทำกินและวิถีชีวิต แต่ยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม เช่น แปลงปลูกป่าในพื้นที่ชุมชนซึ่งต้องผลักดันให้เพิกถอนต่อไป
“ชาวบ้านรู้สึกดีใจมาก คือเขาได้พื้นที่ที่เป็นของเขากลับมา แนวเขตก็ชัดเจนขึ้นทำให้ชาวบ้านรู้สึกมั่นคงขึ้น เช่น ที่ผ่านมาเขากลัวทำไร่หมุนเวียนไม่ได้ ใช้ไฟในไร่หมุนเวียนไม่ได้ เก็บหาของป่าไม่ได้ เห็นที่บ้านอื่นได้รับผลกระทบ แต่บ้านเราไม่เคยโดน เราก็กลัว แต่พอได้พื้นที่กันออกจากอุทยานฯ แล้ว ชาวบ้านรู้สึกดีใจและมั่นคงขึ้น แต่ตอนนี้ก็ยังมีผลกระทบเรื่องอื่นๆ อีก เช่น ชุมชนเรามีแปลงปลูกป่าอยู่ด้วย ถึงแม้จะกันเขตออกมาแล้วแต่ก็ยังเป็นแปลงปลูกป่าอยู่ดี ก็ยังต้องขับเคลื่อนให้เพิกถอนต่อไป”
ด้าน พชร คำชำนาญ ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ระบุว่า บ้านแม่จอกฟ้าเป็นชุมชนสุดท้ายในเครือข่ายที่ได้ข้อยุติเรื่องแนวเขต ถือเป็นผลลัพธ์จากการต่อสู้ยาวนานกว่า 30 ปี และสะท้อนว่าหากรัฐจริงจัง ก็สามารถแก้ปัญหาข้อพิพาทกับชุมชนได้ พร้อมเรียกร้องให้อุทยานฯ อื่นใช้แนวทางนี้เป็นต้นแบบเพื่อเคารพสิทธิชุมชนและลดความขัดแย้ง
“ต้องขอขอบคุณอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทที่จริงจังในการแก้ไขปัญหา แม้ที่ผ่านมาจะมีข้อพิพาทขัดแย้งยาวนานแต่ก็หาข้อยุติได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการขับเคลื่อนอย่างมีพลังของเครือข่ายชาวบ้านที่เล็งเห็นถึงผลกระทบจากนโยบายรัฐ พยายามใช้แรงขับเคลื่อนด้วยพลังของประชาชนและความเป็นจริงในพื้นที่ยืนหยัดต่อสู้ วันนี้นับเป็นชัยชนะอีกก้าวหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจ รวมถึงอยากให้อุทยานฯ อื่นๆ ใช้แนวทางนี้เป็นต้นแบบในการดำเนินการในพื้นที่เพื่อลดความขัดแย้งและลดผลกระทบต่อชุมชน เคารพสิทธิของชาวบ้านมากกว่าการโน้มน้าวให้ชุมชนต้องตกอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย”
พชรยังเสนอให้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นกับชุมชนอื่นที่อยู่นอกเครือข่ายพีมูฟให้ครบถ้วน ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาในระดับอำเภอและคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ โดยชุมชนจะนำความคืบหน้าเสนอในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการ 4 ภาค วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ที่ศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...