จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเเละเพิ่มความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์มือถือ พร้อมป้องกันการสวมรอยลงทะเบียนซิมการ์ด ลดความเสี่ยงการฉ้อโกง เเละการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล โดยกำหนดให้แบ่งผู้บริการเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- บุคคลสัญชาติไทย ใช้บัตรประชาชนตัวจริง
- บุคคลไม่มีสัญชาติไทย ใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ตัวจริงเท่านั้น
- นิติบุคคล ใช้หนังสือรับรองนิติบุคคลและเอกสารของผู้มีอำนาจ
ประเด็นดังกล่าว กำลังถูกตั้งคำถามอย่างหนักจากภาคประชาชนและกลุ่มสิทธิแรงงาน เนื่องจากสร้างผลกระทบโดยตรงต่อคนไร้สัญชาติและแรงงานข้ามชาติที่ไม่สามารถเข้าถึงเอกสารตามเงื่อนไขใหม่ของรัฐได้
พล.ต.อ. ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช. ระบุว่า มาตรการนี้มุ่งยกระดับความมั่นใจของผู้ใช้บริการ ลดภัยไซเบอร์และอาชญากรรมที่อาศัยหมายเลขโทรศัพท์เป็นเครื่องมือ และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้าง ‘สังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้’
อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดที่บังคับให้ ‘เฉพาะผู้ถือหนังสือเดินทาง’ สามารถลงทะเบียนซิมการ์ดได้ กลับทำให้บุคคลไร้สัญชาติซึ่งถือบัตรเลข 6, 7, 8, 0-89, 0-00 รวมถึงผู้ถือเอกสาร CI ของแรงงานข้ามชาติ ไม่สามารถลงทะเบียนซิมใหม่หรือแก้ไขข้อมูลซิมเดิมได้ตามกฎหมาย ผลลัพธ์คือซิมจำนวนมากถูกระงับการใช้งานโดยอัตโนมัติ และผู้ใช้งานจำนวนมากถูกตัดขาดจากการสื่อสารพื้นฐานทันที

สุชาติ สุริยวงศ์ จาก กลุ่มสื่อเพื่อการขอสัญชาติตี่ตาง ให้สัมภาษณ์กับ Lanner ว่า รัฐพยายามแก้ปัญหาซิมม้า บัญชีม้า และสแกมเมอร์ด้วยการจำกัดสิทธิของคนไร้สัญชาติและแรงงานข้ามชาติ ทั้งที่ปัญหาไม่ได้เกิดจากคนกลุ่มนี้โดยตรง
“พอมีปัญหาแล้วรัฐพยายามจะทำอะไรสักอย่างให้ประชาชนเห็นว่า ‘ฮายะก๋านเน้อ’ แต่การแก้ปัญหาของรัฐมันไม่ถูกจุด เหมือนคันสักที่แต่ไปเกาอีกที่” สุชาติกล่าว

ข้อมูลจาก เพจ ตี่ตาง-Titang เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ระบุว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกระจายวงกว้าง ทั้งการทำงาน การเข้าถึงบริการของรัฐ การพิสูจน์ตัวตนด้วย Mobile Banking การติดต่อกับนายจ้าง หรือแม้กระทั่งนักเรียน–นักศึกษาที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเรียนออนไลน์ บางครอบครัวต้องหยุดทำงานหรือหยุดติดต่อธุรกรรมที่จำเป็นเพราะไม่สามารถรับรหัส OTP หรือยืนยันตัวตนได้
นอกจากนี้ การถูกตัดขาดจากการสื่อสารยังส่งผลกระทบด้านความปลอดภัย เช่น ไม่สามารถติดต่อหน่วยงานฉุกเฉินหรือรับข้อมูลแจ้งเตือนภัยได้ทันเวลา ซึ่งกลุ่มสิทธิแรงงานมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนพื้นฐานในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความปลอดภัยของประชาชน
ขณะนี้ กลุ่มคนไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และเครือข่ายองค์กรสิทธิมนุษยชน กำลังจัดทำข้อเรียกร้องเพื่อเสนอให้ กสทช. ทบทวนมาตรการดังกล่าว พร้อมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นและร่วมลงชื่อสนับสนุนผ่านเพจตี่ตาง ก่อนเตรียมยื่นหนังสือต่อ กสทช. และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568
มาตรการที่ออกแบบมาเพื่อปราบสแกมเมอร์ กำลังถูกตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วแก้ปัญหาตรงจุดหรือเพียงสร้างภาระให้กับกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดในสังคม ซึ่งยังคงรอคำอธิบายและการทบทวนจากรัฐอย่างเร่งด่วน
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




