MMN ออกแถลงการณ์ ‘วันผู้ย้ายถิ่นสากล’ ชี้นโยบายย้ายถิ่นที่เป็นธรรมคือจุดแข็งร่วมลุ่มน้ำโขง ร้องรัฐไทยคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติ

Date:

18 ธันวาคม 2568 เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Mekong Migration Network: MMN) ออกแถลงการณ์เนื่องในวันผู้ย้ายถิ่นสากล เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างสังคมที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ย้ายถิ่น ต่อต้านการเลือกปฏิบัติและกระแสความหวาดกลัวคนต่างชาติ พร้อมผลักดันนโยบายการย้ายถิ่นที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติอย่างรอบด้าน โดยระบุว่านโยบายการย้ายถิ่นที่เป็นธรรมจะช่วยหลอมรวมความพึ่งพาซึ่งกันและกันของประเทศในลุ่มน้ำโขงให้กลายเป็นจุดแข็งร่วมของทั้งภูมิภาค

แถลงการณ์ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแรงงานของผู้ย้ายถิ่นจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในหลายภาคส่วน อย่างไรก็ตาม แม้แรงงานข้ามชาติจะมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ แต่ยังคงถูกมองว่าเป็นแรงงานชั่วคราว ขาดความมั่นคง และสามารถถูกเลิกจ้างหรือแทนที่ได้ง่าย ประกอบกับกระบวนการขอและรักษาสถานะทางกฎหมายที่ซับซ้อน การจ้างงานที่ไม่มั่นคง และการเข้าไม่ถึงระบบประกันสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานนอกระบบ ทำให้แรงงานข้ามชาติจำนวนมากยังคงอยู่ในสถานการณ์เปราะบางและขาดการคุ้มครองที่เหมาะสม

องค์กรสมาชิกของเครือข่าย MMN อย่างมูลนิธิการศึกษาเพื่อพัฒนา (Foundation for Education and Development) ซึ่งทำงานในพื้นที่อำเภอแม่สอดและภาคใต้ของไทย สะท้อนว่า กระบวนการขึ้นทะเบียนแรงงานที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงเป็นอุปสรรคสำคัญ ทำให้แรงงานข้ามชาติจำนวนมากไม่สามารถรักษาสถานะทางกฎหมายของตนเองได้ นอกจากนี้ เหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ ยังส่งผลให้แรงงานข้ามชาติจำนวนมากสูญเสียเอกสารสำคัญไปกับกระแสน้ำ

ขณะที่มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ (MAP Foundation) ซึ่งทำงานในจังหวัดเชียงใหม่และอำเภอแม่สอด ระบุว่า แรงงานข้ามชาติจำนวนมากต้องเผชิญปัญหานายจ้างไม่ดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงานให้ตามกฎหมาย แต่กลับผลักภาระให้แรงงานไปจ้างนายหน้าเอง ทั้งที่มีการหักเงินประกันสังคมจากค่าจ้างทุกเดือน โดยแรงงานจำนวนหนึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านายจ้างนำส่งเงินประกันสังคมให้จริงหรือไม่

MAP Foundation ยังสะท้อนว่า แรงงานข้ามชาติจำนวนไม่น้อยต้องกู้เงินเพื่อใช้เป็นค่าขึ้นทะเบียน บางรายยังใช้หนี้จากการขึ้นทะเบียนในปีก่อนไม่หมด แต่ต้องจ่ายค่าขึ้นทะเบียนใหม่อีกครั้ง ค่าใช้จ่ายด้านเอกสารที่สูงเมื่อเทียบกับรายได้ ส่งผลให้แรงงานข้ามชาติไม่สามารถส่งเงินกลับไปดูแลครอบครัวในประเทศต้นทางได้อย่างเพียงพอ

ด้านสมาคมแรงงานยองชิอู (Yaung Chi Oo Workers Association) ซึ่งทำงานในพื้นที่อำเภอแม่สอด ระบุว่า นายจ้างมีแนวโน้มเอาเปรียบแรงงานข้ามชาติจากเมียนมาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้สัญญาจ้างงานระยะสั้นแบบรายเดือนซ้ำ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบตามกฎหมาย แรงงานหญิงในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในแม่สอดสะท้อนว่า ปัจจุบันนายจ้างสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องมีเหตุผล บางกรณีอ้างว่าไม่มีงาน หรือเลิกจ้างแรงงานหลายคนเพียงเพราะมาสายไม่กี่นาที โดยเมื่อถูกเลิกจ้าง แรงงานยังไม่ได้รับค่าจ้าง ไม่มีหนังสือเลิกจ้างเป็นหลักฐาน และถูกบังคับให้ลงนามในเอกสารลาออกเอง ส่งผลให้ใบอนุญาตทำงานถูกยกเลิกโดยไม่รู้ตัว ทำให้แรงงานต้องตกอยู่ในสภาวะไร้งานและไร้เอกสาร ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สร้างความหวาดกลัวอย่างยิ่ง

ในโอกาสวันผู้ย้ายถิ่นสากลปีนี้ เครือข่าย MMN จึงเรียกร้องให้สังคมร่วมกันส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพ เข้าใจ และเห็นคุณค่าของความหลากหลาย พร้อมเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยให้ปรับปรุงกระบวนการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติให้เข้าถึงได้ง่าย โปร่งใส และมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ขยายระยะเวลาใบอนุญาตทำงานให้มีอายุอย่างน้อยสองปี และบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 อย่างจริงจัง เพื่อให้แรงงานข้ามชาติได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเป็นรูปธรรม

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

หยาดเหงื่อใต้ฐานราก จาก ‘แรงงานข้ามชาติ’ สู่ ‘ผู้สร้างเมือง’ ที่ทำให้ไทยเดินหน้า บันทึกชีวิต ความฝัน และฟันเฟืองที่มองไม่เห็นของแรงงานไทใหญ่

เรื่อง: กุลธิดา กระจ่างกุล / ภาพ: จิราเจต จันทร์คำ  แรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจากเมียนมา ถือเป็นกลไกสำคัญที่ขาดไม่ได้...

เชียงรายเปิดแคมเปญ ‘ดิบดี’ ชวนตั้งคำถามความปลอดภัยน้ำดิบ ก่อนถึงก๊อกน้ำและจานข้าวคนไทย

ภาพ: เครือข่ายปกป้องแม่น้ำ กก สาย รวก โขง เครือข่ายปกป้องแม่น้ำ กก สาย รวก...

จากป่าหลังเมืองสู่เส้นทางเรียนรู้ ‘ยอดดอยปุย’ กับโจทย์การดูแลพื้นที่ร่วมกัน

อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ–ปุย ถือเป็น ‘ป่าหลังเมือง’ ที่มีความสำคัญต่อชาวเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน ทั้งในฐานะแหล่งต้นน้ำ แหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ และพื้นที่เรียนรู้นิเวศประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเมือง โดยเฉพาะการเป็นที่ตั้งของวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพวรวิหาร สัญลักษณ์สำคัญของเชียงใหม่ อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่กว่า...