เรื่อง: ปวีณา หมู่อุบล
ในช่วงปลายสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สยามต้องเผชิญกับแรงกดดันจากจักรวรรดินิยมตะวันตกอย่างหนัก ความจำเป็นในการธำรงเอกราชของชาติท่ามกลางการแข่งขันของชาติมหาอำนาจ ทำให้ชนชั้นนำสยามในขณะนั้นต้องเร่งปรับตัว พวกเขาเลือกแนวทางปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะการจัดระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างศูนย์กลางกับหัวเมืองประเทศราช เพื่อให้ดินแดนเหล่านั้นรวมศูนย์อยู่ภายใต้ราชอำนาจสยามอย่างแนบแน่นยิ่งขึ้น
หนึ่งในดินแดนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือ “ล้านนา” อดีตอาณาจักรอิสระที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมเฉพาะตน แม้จะยอมรับสถานะเป็นประเทศราชของสยามมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่การปกครองล้านนาในทางปฏิบัติยังคงมีความเป็นอิสระสูง การเข้ามาจัดระเบียบใหม่ของรัฐสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยระบบเทศาภิบาล และการแต่งตั้งข้าหลวงจากส่วนกลาง ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่เริ่มเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในล้านนาอย่างเป็นระบบ
จากประเทศราชสู่จังหวัด การเปลี่ยนแปลงที่ไม่สมดุล
กระบวนการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว นำไปสู่ความไม่สมดุลระหว่างสยามและล้านนา กล่าวคือ แม้จะอยู่ภายใต้ร่มธงเดียวกัน แต่ในสายตาของชาวล้านนา สถานะของตนภายใต้สยามยังคงอยู่ในฐานะ “ผู้ถูกปกครอง” มากกว่า “ผู้มีส่วนร่วม” ในอำนาจรัฐ การกลืนกลายที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เพียงเรื่องการบริหารจัดการเท่านั้น หากแต่เป็นการลดทอนสถานะทางอัตลักษณ์ของล้านนาลงไปด้วย
สถานการณ์นี้ดำเนินเรื่อยมาจนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยคณะราษฎร ซึ่งได้นำแนวคิดรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยเข้ามาแทนที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เดิม ทว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ มิได้เกิดขึ้นในลักษณะพร้อมเพรียงทั่วทั้งประเทศ หากแต่เต็มไปด้วยความระแวง ความไม่แน่ใจ และความคลางแคลงของกลุ่มอำนาจดั้งเดิม โดยเฉพาะในดินแดนที่เคยมีสถานะกึ่งอิสระอย่างล้านนา
ความระแวงต่อเมืองเหนือ เจตจำนงของรัฐใหม่
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะราษฎรได้ตระหนักว่าความชอบธรรมของระบอบใหม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากทั่วทั้งราชอาณาจักร หนึ่งในภารกิจสำคัญจึงคือการ “ชี้แจง” การเปลี่ยนแปลงให้ประชาชนในภูมิภาครับรู้ และยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเฉพาะเมืองเชียงใหม่ ซึ่งแม้จะถูกผนวกเข้ากับสยามอย่างสมบูรณ์มาตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ก็ยังคงรักษาระบบเจ้านายพื้นเมืองไว้ และมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างราษฎรกับชนชั้นนำท้องถิ่น
เพื่อบรรเทาความกังวลและสร้างความเข้าใจ คณะผู้ก่อการจึงได้ส่ง พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) ขึ้นไปยังเชียงใหม่ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2475 เพื่อประกาศรัฐธรรมนูญ และอธิบายเจตนารมณ์ของการปฏิวัติให้แก่เจ้านาย ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป
มีบันทึกว่าในวันที่ 20 กรกฎาคม พระยาสุริยานุวัตรได้ส่งโทรเลขกลับไปยังพระนครว่า เป็น “ครั้งแรกที่ได้ประกาศธรรมนูญการปกครองของคณะราษฎรในเชียงใหม่” โดยมีเจ้าราชบุตรเป็นประธาน และมีผู้เข้าร่วมประมาณ 500 คน ทั้งเจ้านาย ข้าราชการ นักเรียน และประชาชน
สองกระแสในเมืองเชียงใหม่ ระหว่างความหวาดกลัวกับความหวัง
แม้การประกาศรัฐธรรมนูญจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่บรรยากาศในเมืองเชียงใหม่ในเวลานั้นเต็มไปด้วยความสับสน รายงานของพระยาสุริยานุวัตรระบุว่าเจ้านาย พ่อค้า และข้าราชการบางส่วนมีท่าทีหวาดกลัวและระส่ำระสาย เนื่องจากไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ในกรุงเทพฯ จะกลับตาลปัตรหรือไม่
ในทางตรงกันข้าม ข้าราชการบางกลุ่ม เช่น ผู้พิพากษา กลับมีความตื่นตัว พร้อมสนับสนุนแนวคิดใหม่ และอยากเห็นการประกาศรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ถูกจำกัดจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในพื้นที่ ที่ยังมีจิตใจฝักใฝ่กับระเบียบแบบเก่า
สภาวะนี้แสดงให้เห็นถึงการปะทะกันระหว่าง “ระเบียบเก่า” และ “ระเบียบใหม่” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อยังไม่มีท่าทีชัดเจนจาก เจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางไปยังกรุงเทพฯ ตามคำเชิญของคณะราษฎร เพื่อแสดงความจงรักภักดีและแสดงท่าทีทางการเมือง
พระยาสุริยานุวัตรจึงดำเนินการ “รวบรัด” โดยให้เจ้าราชบุตรไปขอความเห็นชอบจากพระราชายาเธอ เพื่อเป็นหลักประกันทางสัญลักษณ์ว่าระบอบใหม่จะไม่ทำลายอำนาจของเจ้านายล้านนาโดยสิ้นเชิง
ความต่อเนื่องของการผนวก การยกเลิกระบบประเทศราช
แม้จะมีการประกันผลประโยชน์เดิมแก่เจ้านายฝ่ายเหนืออยู่ช่วงหนึ่ง ทว่าในเวลาต่อมา รัฐบาลใหม่ได้ดำเนินมาตรการที่ถือเป็นการ “กลืนล้านนา” อย่างสมบูรณ์แบบ กล่าวคือ เมื่อเจ้าแก้วนวรัฐถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2482 ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ก็ถูกยกเลิกลงอย่างเป็นทางการ นับแต่นั้น ล้านนาก็กลายเป็นเพียง “จังหวัด” หนึ่งของประเทศไทย โดยไม่มีระบบเจ้านายท้องถิ่นคอยควบคุมดูแล
การยกเลิกตำแหน่งนี้อาจถือได้ว่าเป็นการยุติสถานะของล้านนาในฐานะดินแดนกึ่งอิสระที่เคยมีตัวตนในโครงสร้างรัฐไทย และสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิรูปแบบรวมศูนย์อย่างเบ็ดเสร็จภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญที่นำโดยคณะราษฎร
ประวัติศาสตร์ที่ควรถูกจดจำ
การผนวกล้านนาเข้าสู่รัฐสยามไม่ใช่เพียงเรื่องของการวางแผนบริหารจัดการ แต่ยังเป็นเรื่องของการจัดระเบียบอำนาจ การนิยามอัตลักษณ์ และการควบคุมความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้อยู่ในกรอบของรัฐชาติแบบใหม่
การเปลี่ยนผ่านโครงสร้างทางการเมืองและวัฒนธรรมในล้านนา ดำเนินไปควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงของระบบการผลิตความรู้และรูปแบบการเรียนรู้ของสังคมในภูมิภาคนี้ ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นสอดรับกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของชนชั้นนำสยามหรือไทย ที่มีต่อสถานะทางการเมืองของล้านนา จากเดิมที่รับรู้ว่าเป็นประเทศราชต่างชาติต่างภาษา ค่อย ๆ ถูกลดทอนสถานะลงเป็นมณฑล และในที่สุดกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของรัฐชาติไทย
กลับมาดูเรื่องของคนล้านนา ความหมายของ “คนเมือง” ก็เปลี่ยนไปตลอด ตัวตนจะเป็นผู้ผลิตและสร้างความหมายได้เองอย่างอิสระ แต่ถูกผลิตซ้ำและสร้างใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการจากภายนอกด้วย โดยเฉพาะเมื่อคนเมืองซึ่งถูกเรียกว่าไทยยวนหรือลาวถูกผนวกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติและกลายเป็น “คนไทย” การขยายตัวทางเศรษฐกิจของทุนนิยมที่กำหนดโดยรัฐส่วนกลางได้เบียดขับสถานะของคนเมืองให้ลดน้อยถอยลง ตัวตนคนเมืองจึงถูกผลิตซ้ำจากของเดิมและสร้างความหมายใหม่ขึ้นมา
การเปลี่ยนผ่านในช่วงอภิวัฒน์ 2475 จึงมิใช่แค่การเปลี่ยนระบอบในพระนคร แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลลึกซึ้งต่อดินแดนรอบนอกอย่างล้านนา การศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงนี้อย่างรอบด้านจึงมีความสำคัญต่อความเข้าใจเรื่องการก่อรูปของ “ความเป็นไทย” และความสัมพันธ์ระหว่างศูนย์กลางกับภูมิภาค ที่ยังคงส่งผลมาถึงปัจจุบันอย่างไม่เสื่อมคลาย
ขณะเดียวกัน การปรับตัวของผู้คนในล้านนาหลัง 2475 ก็มิได้เป็นเส้นทางเดียวที่แน่นอน หากเกิดขึ้นอย่างหลากหลาย สะท้อนให้เห็นอัตลักษณ์ของคนเมืองที่มิใช่สิ่งตายตัว หากเป็นสิ่งที่เลื่อนไหล สร้างใหม่ และต่อรองกับอำนาจที่มากำหนดจากภายนอกอย่างต่อเนื่อง คำถามที่สำคัญจึงอยู่ที่ว่า คนเหนือและคนเมืองจะโอบรับความหลากหลายและความไม่แน่นอนนี้ได้มากเพียงใด
รายการอ้างอิง
- Live สโมสรศิลปวัฒนธรรมเสวนา “แผนสยามยึดล้านนา” โดย รศ. เนื้ออ่อน ขรัวทองเขียว คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เมื่อวันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2562.
- พริษฐ์ ชิวารักษ์. ล้านนาเป็นอาณานิคมของสยามช่วงสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือไม่. ออนไลน์. https://www.the101.world/lanna-history-17/
- ปฐมาวดี วิเชียรนิตย์. ใต้เงาปฏิวัติ : การสืบราชการลับและความคาดหวังของราษฎรหลัง 2475. นนทบุรี. มติชน. 2566.
- ชยันต์ วรรธนะภูติ. “คนเมือง” : ตัวตน การผลิตซ้ำสร้างใหม่และพื้นที่ทางสังคมของคนมือง. ใน อานันท์ กาญจนพันธุ์ บรรณาธิการ. อยู่ชายขอบมองลอดความรู้ รวมบทความเนื่องในวาระครบรอบ 60 ปี ฉลาดชาย รมิตานนท์. กรุงเทพฯ: มติชน, 2549, หน้า 33-67.
- เตือนใจ ไชยศิลป์, 2536. ล้านนาในการรับรู้ของชนชั้นปกครองสยาม พ.ศ. 2437-2476. คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ปวีณา หมู่อุบล
อดีตนักเรียนประวัติศาสตร์ ปัจจุบันนัก (ลอง) เขียน อนาคตไม่แน่นอน