จากโรงไฟฟ้าหงสาถึงวาระการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ทุนพลังงานไทยที่ไม่เคยหายไปไหนในร่าง PDP2024

Date:

แผน PDP2018 หรือแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับปี พ.ศ.2561-2580 ระบุว่า ภาคเหนือตอนบนพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหินเป็นหลัก โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักของภาคเหนือตอนบนมีอยู่ 2 โรงไฟฟ้าด้วยกัน ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าในประเทศไทย 1 แห่ง คือโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อันเป็นโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีกำลังการผลิตอยู่ราว 2,180 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าอีก 1 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าความร้อนหงสา เครื่องที่ 1-3 เป็นโรงไฟฟ้าใน สปป.ลาว ที่ กฟผ. มีสัญญาซื้อขาย มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,473 เมกะวัตต์ ซึ่งโรงไฟฟ้าหงสาได้รับการเปิดเผยว่า เป็นโรงไฟฟ้าที่กลุ่มทุนในประเทศไทยมีสัดส่วนการร่วมลงทุนสูงมาก และเพิ่งได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปเมื่อปี พ.ศ.2558 ที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มทุนของประเทศไทยที่ร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าหงสาต่างได้รับผลประโยชน์จากการซื้อขายไฟฟ้าในสัญญาดังกล่าว

(โรงไฟฟ้าหงสา รูปภาพจาก Green News https://greennews.agency/?p=23255)

สำหรับโรงไฟฟ้าหงสาเป็นโรงไฟฟ้าที่สร้างข้อถกเถียงในกลุ่มภาคประชาสังคมและกลุ่มนักวิชาการที่ศึกษาผลกระทบจากการพัฒนาอย่างมาก ทั้งจากประเด็นผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้คนในพื้นที่ มิหนำซ้ำโรงไฟฟ้าหงสายังนับได้ว่าสร้างผลกระทบระดับที่กว้างกว่านั้น เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะผลกระทบระดับข้ามชาติ/ข้ามพรมแดน และผลประโยชน์แอบแฝงในการลงทุนข้ามชาติของกลุ่มทุนไทย

สถาบันวิจัยทางสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดเวทีสาธารณะเพื่อเสวนาในหัวข้อ ความเสี่ยงข้ามแดนและการกำกับดูแลอนาคตร่วมกันของอาเซียน: กรณีโรงไฟฟ้าหงสา สมพร เพ็งค่ำ หนึ่งผู้ร่วมเสวนาและเป็นหัวหน้าโครงการวิจัยศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนจากกรณีโรงไฟฟ้าหงสาได้เผยให้เห็นว่า นอกจากชุมชนที่อยู่โดยรอบโรงไฟฟ้าหงสาแล้วหมู่บ้านน้ำรีพัฒนาและน้ำช้างพัฒนา ซึ่งเป็นหมู่บ้านในจังหวัดน่านที่อยู่ใกล้กับชายแดนไทย-ลาวต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหงสา ซึ่งผลกระทบจากการสร้างโรงไฟฟ้าหงสาส่วนหนึ่งเกิดจากการลงทุนข้ามชาติของกลุ่มทุนไทย เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศลาวโดยที่มีผลประโยชน์แอบแฝง

โรงไฟฟ้าหงสาในประเทศลาวถือได้ว่าสัมพันธ์กับกลุ่มทุนในประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากโรงไฟฟ้าหงสามีบริษัทในประเทศเป็นผู้ถือหุ้นกู้อยู่กว่าร้อยละ 80 ของหุ้นทั้งหมด ประกอบด้วยบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 40 และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 40 เช่นกัน ส่วนหุ้นอีกร้อยละ 20 ที่เหลือรัฐวิสาหกิจของประเทศลาวเป็นผู้ถือ นอกจากโรงไฟฟ้าแล้วกลุ่มทุนไทยทั้ง 2 ยังถือหุ้นเหมืองขุดเจาะถ่านหินลิกไนต์ที่จะนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าหงสาในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับสัดส่วนโรงไฟฟ้าหงสาด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้นธนาคารที่เป็นแหล่งเงินกู้เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าหงสาก็เป็นธนาคารของประเทศไทยมากถึง 9 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กรุงไทย กสิกรไทย กรุงศรีอยุธยา ธนชาต และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) เราจะเห็นได้ว่ามีกลุ่มทุนในประเทศไทยจำนวนมากที่ร่วมกันลงทุนในโรงไฟฟ้าหงสา โดยกลุ่มทุนไทยเหล่านี้ถือหุ้นกว่าร้อยละ 80 แถมยังมีสถานะเป็นผู้ให้กู้อีกด้วย

(รูปจาก Posttoday https://www.posttoday.com/business/402188)

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2564 ดำเนินการจนมีกำไรกว่า 1,175 ล้านบาท โดยกำไรส่วนใหญ่มาจากการดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าหงสาร่วมกับเหมืองภูไฟที่กำไรอยู่ที่ 1,112 ล้านบาท หรือเกินร้อยละ 90 จากกำไรทั้งหมดที่บริษัทดำเนินกิจการในไตรมาสดังกล่าว ขณะที่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่บริษัทได้ลงทุนกลับฟันกำไรได้เพียง 20 ล้านบาท ดังนั้นกำไรบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ เกือบทั้งหมดในปี พ.ศ. 2564 มาจากโรงไฟฟ้าหงสา จนหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นในคำนิยามหุ้นของบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ ว่า “หงสาฯ พารวย”

สำหรับบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ แล้วโรงไฟฟ้าหงสาดูจะเป็นโรงไฟฟ้าที่ฟันกำไรโดยตลอดมา และเปรียบเสมือน “เส้นเลือดใหญ่” ของบริษัทที่สูบฉีดกำไรให้อย่างต่อเนื่อง อาทิ ในปี พ.ศ. 2565 ที่กำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาช่วยพยุงให้บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ ยังคงฟันกำไร แม้จะมีผลประกอบการที่ขาดทุนในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในประเทศจีน ยิ่งตอกย้ำว่าโรงไฟฟ้าหงสาช่วยหล่อเลี้ยงและเพิ่มพูนกำไรในกับบริษัทหงสาเพาเวอร์ แม้บริษัท บ้านปูเพาเวอร์จะมีการลงทุนในโรงไฟฟ้าอื่น ๆ แต่ก็ยังอาจปฏิเสธความผลประโยชน์ที่ได้รับอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากโรงไฟฟ้าหงสา

ในส่วนของบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าหงสาอยู่อีกร้อยละ 40 ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มทุนที่ได้รับผลประโยชน์จากการซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าหงสา พร้อมกันนี้บริษัท ราช กรุ๊ป ยังเป็นบริษัทที่ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งคือ กฟผ. ซึ่งเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตมาจากโรงไฟฟ้าหงสาอีกด้วย แม้บริษัท ราช กรุ๊ป จะมีโรงไฟฟ้าที่ตัวบริษัทเข้าไปถือหุ้นหลักหรือเป็นเจ้าของจำนวนมาก แต่โรงไฟฟ้าหงสาก็ถือเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าสำคัญที่ป้อนกำไรให้กับบริษัท เห็นได้จากการที่โรงไฟฟ้าหงสาต้องปิดปรับปรุงเมื่อปี พ.ศ.2566 ประกอบกับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้กำไรของบริษัทในไตรมาสที่ 3 ของปีนั้นลดลงกว่า 1 พันล้านบาท ทั้งที่กำไรจากโรงไฟฟ้าอื่นของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเป็นเครื่องยืนยันหนึ่งว่า โรงไฟฟ้าหงสาเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าสำคัญที่อาจกำหนดผลกำไรของบริษัท ราช กรุ๊ป ได้ 

ทั้ง บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ต่างได้รับผลประโยชน์จากสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าที่ กฟผ. ได้เซ็นสัญญากับโรงไฟฟ้าหงสา โดยเริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเครื่องที่ 1 กับ 2 ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2558 และเครื่องที่ 3 เริ่มเดินเครื่องเมื่อต้นปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา มีระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญายาวนานถึง 25 ปี ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองกำไรที่บริษัททั้ง 2 จะได้รับไปตลอดระยะสัญญา อันจะไปสิ้นสุดสัญญาที่ราวปี พ.ศ. 2588 ต้องไม่ลืมว่าบริษัททั้ง 2 ก็ยังมีโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าเพื่อขายให้กับ กฟผ. ในประเทศไทยอีกหลายแห่งซึ่งนับเป็นผลกำไรมหาศาลที่จะไหลเข้าสู่บริษัทหรือกลุ่มทุนพลังงาน

การซื้อขายไฟฟ้าของกลุ่มทุนพลังงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกลับมาที่แผนพัฒนากำลังไฟฟ้าหรือแผน PDP ที่เสมือนเป็นแผนแม่บทในการจัดหาไฟฟ้าและกำหนดเชื้อเพลิงที่จะนำมาใช้ผลิตไฟฟ้า พร้อมกับกำหนดประเภทและขนาดโรงไฟฟ้าที่จะรับซื้อเข้าสู่ระบบไฟฟ้าด้วย เช่นนั้นหาก แผน PDP กำหนดให้ไฟฟ้าที่จะจัดสรรเข้าสู่ระบบต้องมาจากโรงไฟฟ้าของต่างประเทศและต้องผลิตจากเชื้อเพลิงถ่านหิน โรงไฟฟ้าหงสาที่ตรงตามข้อกำหนดก็จะเป็นโรงไฟฟ้าที่จะผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเข้าสู่ระบบทันที ซึ่งกระบวนการดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว ณ ปัจจุบัน ดังนั้นหากจะมองหากลุ่มทุนที่ได้รับผลประโยชน์จากแผน PDP ทั้ง 2 บริษัทไทยที่ไปลงทุนและถือหุ้นทั้งในโรงไฟฟ้าหงสาและเหมืองลิกไนต์ก็คงไม่พ้นไปจากวิสัยแน่นอน

นอกเหนือจากกลุ่มทุนทั้ง 2 ที่ไปลงทุนและถือหุ้นในโรงไฟฟ้าหงสาแล้ว ยังมีกลุ่มทุนไทยอีกจำนวนมากที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดียวกัน คือการเข้าไปลงทุนและถือหุ้นในโรงไฟฟ้าของประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นก็ขายไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าเหล่านั้นกลับเข้ามาในระบบไฟฟ้าของประเทศไทย กระบวนการดังกล่าวดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจได้ผาดหัวบทความด้วยคำว่าทุนไทย “พาเหรด” ยึดโรงไฟฟ้าลาว โดยกลุ่มทุนต่างขยายทุนของตัวเองออกไปหากำไรจากโรงไฟฟ้าและทรัพยากรในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทบ้านปู เพาเวอร์ บริษัทราช กรุ๊ป บริษัทผลิตไฟฟ้า (EGCO) บริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือบริษัท บางกอก เอ็กเพรสเวย์ เหล่านี้ต่างเป็นกลุ่มไทยที่มุ่งหากำไรจากการโรงไฟฟ้าต่างประเทศที่นำไฟฟ้าเข้ามาขายในไทย

การดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าถือเป็นธุรกิจประเภทหนึ่งที่ฟันกำไรสูงมากเมื่อเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น แม้อาศัยการลงทุนที่สูงแต่ผลตอบแทนก็สูงตามไปด้วย อย่างไรก็ตามธุรกิจโรงไฟฟ้าผูกโยงอยู่กับนโยบายรัฐสูงมาก ฉะนั้นจึงถือเป็นธุรกิจที่ผูกติดกับการดำเนินแผนนโยบายรัฐ แผน PDP ที่เป็นแผนจัดหาไฟฟ้าจึงเป็นช่องทางแสวงหากำไรของกลุ่มทุนพลังงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในทางกลับกันการที่รัฐจำเป็นต้องพึ่งพากลุ่มทุนพลังงานเหล่านี้ในการจัดหาไฟฟ้า ส่งผลให้รัฐและประชาชนต้องพึ่งพากลุ่มทุนพลังงานด้วยเช่นกัน ซึ่งการพึ่งพิงกันในลักษณะนี้ดำเนินมาตลอดจนถึงปัจจุบันและมีแนวโน้มจะสืบทอดต่อไปอีกในอนาคต 

กลุ่มทุนยังไม่หายไปไหน ในวาระการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

หากเราตั้งข้อสังเกตต่อร่าง แผน PDP2024 ฉบับที่กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นอยู่ในขณะนี้ แม้จะมีการเปิดทางให้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนเข้ามาสู่ระบบไฟฟ้าไทย แต่กลุ่มทุนพลังงานของไทยก็เริ่มปรับตัวโดยการเปิดโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเหมือนที่เคยดำเนินมาตลอด

ข้อน่าสังเกตหนึ่งคือ แผน PDP ฉบับปัจจุบันที่ประกาศใช้คือแผน PDP2018 แก้ไขครั้งที่ 1 ยังไม่มีแผนที่เป็นรูปธรรมในการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า แต่ 4 ปีต่อมาในวาระการรับฟังความคิดร่าง PDP2024 กลับเปิดช่องทางให้พลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วนที่สูงขึ้นมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้พลังงานหมุนเวียนถูกนำเสนอให้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้ามานานมากแล้ว ประเทศเยอรมนีออกกฎหมายส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในชื่อ Renewable Energy Sources Act (Erneuerbare–Energien–Gesetz: EEG) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 โดยมุ่งส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียน และที่สำคัญกฎหมายฉบับดังกล่างมุ่งให้การซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนมาจากประชาชนโดยตรง ไม่จำเป็นต้องเป็นหน่วยงานของรัฐหรือกลุ่มทุนพลังงานเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ โดยดำเนินนโยบายการซื้อไฟฟ้าผ่านมาตราการรับซื้อไฟฟ้า (Feed-in Tariff; FiT) แต่สำหรับประเทศไทยร่าง แผน PDP2024 มาตราการรับซื้อไฟฟ้าก็ยังไม่ถูกพูดถึงแต่อย่างใด พร้อมกับช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมาสำนักข่าวมากมายเปิดเผยแผนการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของกลุ่มทุนพลังงานกลุ่มเดิมที่เคยผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล 

ในวาระการเปลี่ยนผ่านพลังงานมิติหนึ่งที่เรามิอาจละเลยได้เลยคือ การกระจายอำนาจทางพลังงาน ที่ผ่านมาประเทศไทยมุ่งเสนอการเปลี่ยนผ่านเพียงแค่การเปลี่ยนเชื้อเพลิงการผลิต แต่ไม่กล่าวถึงมิติการกระจายอำนาจทางพลังงาน ทั้งที่ในต่างประเทศโดยเฉพาะเยอรมนีและเดนมาร์กมิติด้านการกระจายอำนาจทางพลังงานถือเป็นประเด็นสำคัญ เพื่อลดการพึ่งพิงทั้งเชื้อเพลิงฟอสซิลและกลุ่มทุนพลังงาน โดยกระบวนการเปลี่ยนผ่านจะดำเนินผ่านการให้ประชาชนหรือกลุ่มทุนขนาดเล็กมีสิทธิ์ที่จะขายไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียนแก่รัฐโดยตรง แต่ในประเทศไทยมิติด้านนี้กลับถูกละเลยไป นำไปสู่การไม่เปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างแท้จริง เพราะเพียงแค่การเปลี่ยนแหล่งเชื้อเพลิงมิอาจนำไปสู่การลดการพึ่งพิงกลุ่มทุนพลังงานได้แต่อย่างใดเลย 

พร้อมกันนี้โรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิลก็มิได้ลดจำนวนลงอย่างที่การเปลี่ยนผ่านพลังงานควรจะเป็น ในร่างแผน PDP2024 โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินยังคงอยู่ในระบบไฟฟ้าต่อไป โดยยังมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าที่ถึงร้อยละ 49 จากสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด เราอาจอนุมานได้ว่าประเทศไทยก็ยังจะต้องพึ่งพิงกลุ่มทุนพลังงานต่อไป พร้อมกับเปิดทางให้กลุ่มทุนพลังงานเหล่านี้มีแหล่งเชื้อเพลิงใหม่ที่บรรดากลุ่มทุนจะเข้าไปขุดเจาะเอา “กำไร” มาเพิ่ม 

อ้างอิง

  • Green News. (2564). ส่องทุนไทยในลาวผ่าน “หงสา” เห็นอนาคต “ความเสี่ยงข้ามแดน” หลากมิติ. สืบค้น 23 มิถุนายน 2567 จาก https://greennews.agency/?p=23255
  • Thairath Money. (2566). RATCH กำไรหด 47% เหลือ 1.18 พันล้าน หยุดซ่อมโรงไฟฟ้าหงสา ต้นทุนดอกเบี้ยพุ่งถล่มซ้ำ. สืบค้น 23 มิถุนายน 2567 จาก https://www.thairath.co.th/money/investment/stocks/2740430
  • ข่าวหุ้น. (2564). BPP หงสาพารวย.!?. สืบค้น 23 มิถุนายน 2567 จาก https://www.kaohoon.com/column/467875
  • ข่าวหุ้น. (2565). BPP กำไรปี 65 พุ่ง 84% บุ๊กรายได้โรงไฟฟ้า “Temple I-หงสา” เล็งปันผล 0.30 บ. สืบค้น 23 มิถุนายน 2567 จาก https://www.kaohoon.com/news/590664 
  • คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ. (2550). ร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าโครงการหงสาลิกไนต์. มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 10/2550 (ครั้งที่ 119). ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
  • ผู้จัดการออนไลน์. (2558). เริ่มแล้ว! โรงไฟฟ้าหงสาส่งไฟฟ้าจากหน่วย 2 เข้าระบบไทย-ลาว. สืบค้น 23 มิถุนายน 2567 จาก https://mgronline.com/local/detail/9580000121916
  • ผู้จัดการออนไลน์. (2561). Battery of Asia ทุนไทย “พาเหรด” ยึดโรงไฟฟ้าลาว. สืบค้น 23 มิถุนายน 2567 จาก https://www.prachachat.net/economy/news-199084
  • ประเสริฐ แรงกล้า. (2566). พลังงานหมุนเวียนและความคลุมเครือของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน. วารสารพัฒนศาสตร์, 6(2), 1-22.
  • มิติหุ้น. (2566). BPP บุ๊กโรงไฟฟ้าเพิ่ม377.5MW ต้นทุนลดดันกำไรโตระเบิด. สืบค้น 23 มิถุนายน 2567 จาก https://www.mitihoon.com/2023/10/15/411232/
  • สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน. (2563). แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2579 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1. ไม่ปรากฏสำนักพิมพ์

เอกสารประกอบการรับฟังความคิดเห็น ร่างแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP2024) และร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan 2024). (12 มิถุนายน 2567).  กรุงเทพฯ: สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน.

ปองภพ ดั่นสมานฉันท์ชัย

เกิดและโตในภาคเหนือตอนล่าง เรียนตรีจิตวิทยา กำลังเรียนโทสังคมศาสตร์ สนใจอ่านสังคมจากการมองประเด็นเล็ก ๆ

ปองภพ ดั่นสมานฉันท์ชัย
ปองภพ ดั่นสมานฉันท์ชัย
เกิดและโตในภาคเหนือตอนล่าง เรียนตรีจิตวิทยา กำลังเรียนโทสังคมศาสตร์ สนใจอ่านสังคมจากการมองประเด็นเล็ก ๆ

More like this
Related

บทเรียนจากหอยมินามาตะ ถึงปลาน้ำกก รัฐยืนยันปรุงสุก-กินได้ แต่ระยะยาวปลอดภัยแค่ไหน?

เรื่อง: สุพศิน สุทธิวรวิทย์ 12 กันยายน 2568  กรมประมงร่วมกับสำนักงานประมงอำเภอแม่อาย รายงานผลตรวจสัตว์น้ำจากแม่น้ำกก จังหวัดเชียงใหม่ โดยสุ่มเก็บตัวอย่างจากหลายจุดในพื้นที่อำเภอแม่อาย...

แรงงานภาคเหนือ ยื่นข้อเสนอถึงกระทรวงแรงงาน ‘Decent Work’ เรียกร้องยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน

24 ตุลาคม 2568 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายแรงงานภาคเหนือเข้ายื่นหนังสือข้อเสนอ Decent Work หรือ งานที่มีคุณค่า...

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เห็ด’ CAC ชวนร่วมกิจกรรมปิดท้าย ‘FUNGI IN YOUR HEADLIGHTS’

พบศิลปิน อานนท์ นงเยาว์ และ NooN Collectiveเสาร์ที่ 25 ตุลาคมนี้ ณ...

‘บ้านหนองเต่า’ รักษาป่า รักษาวิถีชีวิต ท่ามกลางปัญหาสิทธิที่ดิน

เรื่อง: รัญชิดา อาริกุล ‘บ้านหนองเต่า’ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวกะเหรี่ยง หรือ...