จากเวียงหนองหล่ม สู่เวียงหนอง ‘ล่ม’ เครือข่ายสิ่งแวดล้อมห่วง เมกะโปรเจกต์ทำลายธรรมชาติระยะยาว

Date:

ภาพ : Jakkrapan Sriwichi

‘เวียงหนองหล่ม’ พื้นที่ชุ่มนํ้าขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เกือบ 15,000 ไร่ คลอบคลุมในพื้นที่ตำบลจันจว้า ตำบลท่าข้าวเปลือก และตำบลจอมสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ในอำเภอแม่จัน รวมทั้งตำบลโยนก ในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

พื้นที่แห่งนี้ได้รับอิทธิพลน้ำจากหนองบงกาย เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนน้ำจะไหลจากเทือกเขาลงมาสะสมทำให้มีสภาพพื้นที่กลายเป็นหนองน้ำสลับกับที่ดอน ทำให้มีพันธุ์พืชน้ำขึ้นปกคลุม เช่น ต้นไคร้ ต้นอั้นและพืชน้ำอื่นๆ ที่เอื้อต่อการพึ่งพาอาศัยและเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ ชาวบ้านในพื้นที่รอบๆ เวียงหนองหล่ม จึงอาศัยเป็นพื้นที่ในการเลี้ยงควาย ทำการเกษตร หาปลาจับสัตว์น้ำ ซึ่งพบว่ามี พันธุ์สัตว์น้ำจำนวนมาก เพราะพื้นที่เวียงหนองหล่มมีความสัมพันธ์กับระดับน้ำและพันธุ์ปลาในแม่น้ำกก ความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นในเวียงหนองหล่มได้ทำให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ หรือแรมชาร์ไซต์ (Ramsar Site) 

กระทั่ง 23 ธันวาคม 2563 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ลงพื้นที่ประชุมติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติเวียงหนองหล่ม ก่อนมีข้อสั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กับจังหวัดเชียงราย พิจารณาตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม และเสนอแผนระยะสั้นการพัฒนาเวียงหนองหล่มในกรอบระยะเวลาสี่ปี (2564-2568) โดยเป็นการช่วยให้เวียงหนองหล่มสามารถกักเก็บน้ำได้เต็มศักยภาพ ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านอื่นเพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

ภาพ : กรมชลประทาน

ต่อมาสำนักงานทรัพยากรนํ้าแห่งชาติได้ดำเนินโครงการจัดทำแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม จังหวัดเชียงราย และมีมติประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 แผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม ปี พ.ศ. 2566 – 2570 จังหวัดเชียงรายได้รับอนุมัติโครงการจำนวน 65 โครงการ วงเงิน 3,880.85 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนพัฒนาเวียงหนองหล่ม 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการพื้นที่ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยวและโบราณคดี และด้านการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จเวียงหนองหล่ม จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์จากภาคการเกษตรถึง 49,792 ไร่ สามารถเพิ่มความจุเก็บกักน้ำเพิ่มเป็น 24.22 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำที่ผันเข้าพื้นที่กว่า 35.00 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และประชาชนได้รับประโยชน์ 14,531 ครอบครัว สามารถลดความเสียหายจากพื้นที่น้ำท่วมได้ถึง 13,300 ไร่ อีกทั้งเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ในการพัฒนาแหล่งน้ำให้มีคุณภาพดีและเพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ของประชาชน และเป็นแหล่งศึกษาระบบนิเวศตามธรรมชาติ รวมถึงจะเป็นแหล่งศึกษาโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ของจังหวัดเชียงราย

ภาพ : Jakkrapan Sriwichi

ล่าสุด สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทยและเครือข่ายพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม ออกแถลงการณ์ว่า ที่ผ่านมากระบวนการมีส่วนร่วมโดยรอบของพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นนั้นเรียกได้ว่าโดนหลอกกันทั้งหมด ซึ่งเสียงจากคนในพื้นที่อธิบายว่า “เราอ่านรายละเอียดตอนแรกบอกว่าเขาจะทำโครงการขุดเป็นแอ่งน้ำ ก่อนหน้านี้มีแบบขุดลอกเดิมที่จะขุดกว้างสักประมาณ 100-200 เมตร แต่ทีนี้สถานการณ์พลิก เขาไปออกแบบใหม่โดยชาวบ้านไม่รู้เรื่อง แล้วตอนทำประชาคมส่วนมากก็เป็นคนแก่เข้าร่วมไปทำประชาคมกันในวัด คนแก่ฟังไม่รู้เรื่องก็ไปยกมือให้เขาทำในตำบลนี่คือโดนหลอกกันหมด”

ทั้งนี้ หวั่นว่าการเดินหน้าดำเนินโครงการจะทำให้ประเทศไทยเป็นที่อับอายและสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ(อนุสัญญาแรมซาร์) ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๑ โดยถือเป็นภาคีสมาชิกลาดับที่ ๑๑๐ จากจำนวนภาคีสมาชิกทั้งหมด ๑๗๐ ประเทศทั่วโลกและเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ประกาศว่าพื้นที่เวียงหนองหล่มเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ

นอกจากนี้ยังมีความกังวลและห่วงใยกับการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยเรียกร้องให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทบทวนและให้ตระหนักถึงความสมดุลและความสำคัญอย่างยิ่งยวดโดยมีการตรวจสอบกระบวนการขั้นต้นต่อการดำเนินโครงการ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อฐานทรัพยากรธรรมชาติทั้งในปัจจุบันและระยะยาว ตลอดจนความห่วงใยในฐานะประเทศไทยที่ร่วมให้สัตยาบันในภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ (อนุสัญญาแรมซาร์) ร่วมกับนานาประเทศแต่ไม่สามารถทำได้ตามที่ให้สัตยาบันไว้

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

คนแม่อายประกาศ ‘ไม่เอาฝายดักตะกอน’ แนะรัฐควรใช้งบ 173 ล้านสร้างประปาบาดาลแทน

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ร่วมกับมูลนิธิร่มโพธิ์ กลุ่มรักษ์แม่น้ำกก และ ดร.สืบสกุล กิจนุกร จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จัดเวทีรับฟังปัญหาและผลกระทบจากสารพิษในแม่น้ำกก ที่ตำบลท่าตอน...

นักกิจกรรมเชียงใหม่จัด Run2Free ‘วิ่งเพื่อเสรีภาพ’ ร้องหยุดจองจำผู้เห็นต่าง ไม่ลืมเพื่อนในเรือนจำ

25 ตุลาคม 2568 กลุ่มเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรม ‘วิ่งเพื่อเสรีภาพ X ยืนหยุดขัง Run2Free’...

บทเรียนจากหอยมินามาตะ ถึงปลาน้ำกก รัฐยืนยันปรุงสุก-กินได้ แต่ระยะยาวปลอดภัยแค่ไหน?

เรื่อง: สุพศิน สุทธิวรวิทย์ 12 กันยายน 2568  กรมประมงร่วมกับสำนักงานประมงอำเภอแม่อาย รายงานผลตรวจสัตว์น้ำจากแม่น้ำกก จังหวัดเชียงใหม่ โดยสุ่มเก็บตัวอย่างจากหลายจุดในพื้นที่อำเภอแม่อาย...