สกน.ลำปาง-น่าน เดือดกระทรวงทรัพยากรฯ หลัง สบอ.13 เปลี่ยนสถานที่กะทันหัน ยื่น รมว.เร่งแก้ปัญหาเขตป่าทับคน

เรื่องและภาพ: กัญญ์วรา หมื่นแก้ว

26 สิงหาคม 2568 สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ร่วมกับเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายที่ดินและป่าไม้ในจังหวัดลำปางและน่าน กว่า 100 คน ติดตามการประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาที่ดินที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ศาลากลางจังหวัดลำปาง การประชุมครั้งนี้มีตัวแทนหน่วยงานกระทรวงทรัพยากรฯ ในพื้นที่ทั้งสองจังหวัด และตัวแทนพรรคประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์

การประชุมระดับภูมิภาคภาคเหนือจัดขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2566 และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการประชุมเชิงปฏิบัติการ 4 ภาค เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชนในพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้มีการประชุมไปแล้วที่จังหวัดเชียงใหม่ และจะดำเนินการต่อที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนและตาก

ก่อนการประชุม มีความพยายามเปลี่ยนสถานที่จัดจากศาลากลางจังหวัดลำปางไปยังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง แต่สกน. และเครือข่ายประชาชนยืนยันจัดที่เดิม เนื่องจากได้แจ้งชุมชนเข้าร่วมแล้ว และต้องรองรับจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม ปัญหาดังกล่าวจึงยุติลงและประชุมดำเนินต่อที่ศาลากลางตามเดิม

การประชุมมี มีเดช เจริญกิจวนารักษ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธาน โดยหารือถึงปัญหาที่ดินในพื้นที่หลายแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน บ้านแม่หมี บ้านแม่ต๋อม บ้านขวัญคีรี และชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนและเขตทหาร รวมถึงผลกระทบจากโครงการปลูกป่าและนโยบายทวงคืนผืนป่า

ผลการประชุมชี้ให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ของปัญหายังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากติดขัดในกระบวนการดำเนินงานในพื้นที่ และหลายกรณีมีแนวทางแก้ไขแต่ยังไม่เกิดความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนชุมชนได้กำหนดแนวทางการดำเนินการต่อ และมีกลไกติดตามความคืบหน้า

นอกจากนี้ มีกรณีที่ชุมชนแม่ฮ่าง อำเภองาว เข้าร่วมโครงการจัดที่ดินตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยไม่ทราบข้อจำกัด จึงยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อขอยกเลิกโครงการ ขณะที่ชุมชนบ้านขวัญคีรี ตำบลบ้านร้อง อำเภองาว ได้รับการกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องสำหรับพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากขาดการประสานข้อมูลกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่เกษตรกรรมไร่หมุนเวียนของชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ทางสกน. เสนอให้แยกการจัดการเชื้อเพลิงออกจากมาตรการห้ามเผาของจังหวัด เพื่อให้ชุมชนสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ใหญ่บ้าน สมคิด ทิศตา ชี้ว่า การเผาไร่หมุนเวียนแตกต่างจากการเผาพืชเชิงเดี่ยว ไม่ทำลายดินและใช้เวลาเผาสั้น ชุมชนกังวลการดำเนินคดีหากดำเนินการในช่วงมาตรการห้ามเผา

ภาพรวมของการประชุมสะท้อนถึงความพยายามแก้ไขปัญหาที่ดินและทรัพยากรของชุมชน แต่ยังมีความท้าทายทั้งด้านการประสานงาน การให้ข้อมูล และการดำเนินการเชิงนโยบาย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนจะต้องติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

หลังการประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาที่ดินประจำภาคเหนือ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ร่วมกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบในจังหวัดลำปางและน่าน ยื่นข้อเสนอถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินที่ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าของรัฐ พร้อมย้ำยุติการคุกคามและละเมิดสิทธิของชุมชน

ข้อเรียกร้องหลักของสกน.และชุมชน ประกอบด้วย

1.ในระหว่างการแก้ไขปัญหาตามกลไกร่วม รัฐบาล–ขปส. ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ปฏิบัติตามมติ ครม. 16 ตุลาคม 2566 ข้อ 3.1 โดยยุติการคุกคามพื้นที่ ยุติคดีใหม่ ชะลอหรือจำหน่ายคดีเก่า และดำเนินการนิรโทษกรรมแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐ

2.ชุมชนสมาชิก ขปส. ที่อยู่ระหว่างแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาล ต้องเข้าถึงสาธารณูปโภค การพัฒนาที่อยู่อาศัย และโครงการรัฐ ตามมติ ครม. 16 ตุลาคม 2566 ข้อ 3.3 พร้อมแต่งตั้งคณะทำงานติดตามการพัฒนาในเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน ภายใน 15 วัน

3.แต่งตั้งคณะทำงานติดตามแก้ปัญหาที่ดินภายใต้กระทรวงฯ 1 คณะ ภายใน 15 วัน เพื่อขับเคลื่อนในพื้นที่เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน หากมีคณะทำงานอยู่แล้ว ให้เปิดประชุมภายใน 30 วัน

4.สมาชิก ขปส. ในเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน ยืนยันจัดการที่ดินในรูปแบบ “โฉนดชุมชน” ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2553 และปฏิเสธแนวทาง คทช. รวมถึงมติ ครม. 26 พฤศจิกายน 2561

5.ปัญหาชุมชนกะเหรี่ยง ให้ยึดมติ ครม. 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตกะเหรี่ยง รวมถึงการประกาศพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิต และการทำไร่หมุนเวียน โดยให้กระทรวงฯ จัดทำแผนร่วมกับชุมชน

6.ให้กระทรวงฯ คุ้มครองสิทธิการทำไร่หมุนเวียนที่ใช้ไฟของกะเหรี่ยงในช่วงมีนาคม–เมษายน ไม่ให้กระทบจากมาตรการห้ามเผา โดยยึดตามมติอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดิน ปี 2567 และ 2568

7.ทบทวนแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 และ พ.ร.บ.ป่าชุมชน 2562 ตามมติ ครม. 1 กุมภาพันธ์ 2565, 1 เมษายน 2568 และบันทึกข้อตกลง 29 มีนาคม 2568 โดยในระหว่างนี้ให้ยุติการดำเนินการที่กระทบวิถีชีวิตและสิทธิชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์

ทั้งนี้ สกน.เรียกร้องให้คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินของกระทรวงทรัพยากรฯ เปิดประชุมภายใน 15 วัน เพื่อนำผลสรุปจากเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการทั้ง 4 ภาคเข้าสู่การประชุมระดับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนต่อไป

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง