29 พฤษภาคม 2568 เครือข่ายทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐเร่งแก้ปัญหามลพิษปนเปื้อนข้ามแดนจากการทำเหมืองในเมียนมา พร้อมเพิ่มมาตรการปกป้องประชาชนสองจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ
ตามแถลงการณ์ระบุว่า การทำเหมืองเปิดหน้าดินทำลายระบบนิเวศต้นน้ำในเขตประเทศเมียนมาและส่งความเป็นพิษปนเปื้อน ข้ามพรมแดน ส่งผลกระทบต่อประชาชน 2 จังหวัดเชียงราย – เชียงใหม่ อย่างกว้างขวางและรวมไปถึงคุณภาพชีวิตของผู้คน
เมื่อปลายปี 2567 เหตุการณ์น้ำป่าโคลนถล่มที่อำเภอแม่สายและลุกลามต่อเนื่องไปยังอำเภอแม่อาย ตามแนวแม่น้ำกกจนถึงตัวเมืองเชียงราย ซึ่งมีประชากรอาศัยหนาแน่นและเป็นสัญญาณเตือนว่าพิบัติภัยที่ใหญ่กว่าเดิมอันตรายกว่าเดิม กระทบชีวิตผู้คนยิ่งกว่าเดิมยังจะเกิดมีอีก ตราบใดที่ต้นตอปัญหาอันมาจากการเปลี่ยนแปลงนิเวศต้นน้ำการทำเหมือง และใช้สารเคมียังไม่ได้รับการแก้ไข
เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหามลพิษปนเปื้อนข้ามแดนไปถึงต้นตอสาเหตุของปัญหาอย่างจริงจัง พร้อมกันนั้นขอให้ยกระดับมาตรการปกป้องความปลอดภัย และการดำเนินชีวิตของประชาชนที่อยู่ในเขตลุ่มน้ำที่ได้รับผลกระทบ ทั้งจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายอย่างจริงจังมีประสิทธิภาพกว่าที่ดำเนินการอยู่
เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใด เข้าร่วมการรณรงค์ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา โดยระบุว่า “เราไม่ต้องการเหมืองแร่ทำลายล้าง เราไม่ต้องสารพิษ เราไม่ต้องการน้ำป่าโคลนถล่มส่งออกมาจากพรมแดนเพื่อนบ้าน”
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...