สารหนูปนเปื้อนแม่น้ำสาย รัฐย้ำปลอดภัย นักวิชาการชี้ ‘อย่ามองข้ามความเสี่ยงประชาชน’

เรื่อง: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย

ภาพ: วีรภัทร เหลาเกิ้มหุ่ง

สถานการณ์มลพิษในแม่น้ำสายกำลังทวีความรุนแรง หลังภาครัฐยืนยัน “น้ำปลอดภัย” จากผลตรวจของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย แต่ผลตรวจซ้ำโดยนักวิชาการอิสระกลับพบสารหนูเกินมาตรฐานในหลายจุด ขณะที่ชาวบ้าน นักวิชาการ และภาคประชาสังคม เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรับมือปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนอย่างเป็นระบบ ก่อนจะสายเกินไป

รัฐบอก “ปลอดภัย” ตรวจแบบห่างตัวประชาชน

จากกรณีที่ ชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งการให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขเฝ้าระวังการปนเปื้อนของสารหนูในบ่อน้ำตื้นและบ่อน้ำบาดาลที่ประชาชนใช้สำหรับอุปโภคและบริโภคในพื้นที่ใกล้แม่น้ำสายและคลองเหมืองแดง  ช่วงวันที่ 25-26 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา

ภาพจาก ch3plus.com 

ด้าน ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะตรวจติดตามการผลิตน้ำประปาและตรวจสอบขั้นตอนการตรวจหาสารปนเปื้อน ที่ สถานีผลิตน้ำวังคำ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย เมื่อ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าคุณภาพน้ำประปาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัย ไม่พบสารปนเปื้อนเกินค่ากำหนด พร้อมกับดื่มน้ำประปาโชว์ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย และให้ชาวเชียงรายมั่นใจว่าน้ำที่ผ่านการผลิตเป็นประปา ไม่มีสารปนเปื้อนเกินกว่ามาตรฐาน

ประเสริฐ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลมีแผนดำเนินการทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้นจะมีการขุดหลุมดักตะกอนเพื่อช่วยกรองสิ่งปนเปื้อนก่อนเข้าสู่ระบบผลิตน้ำประปา ส่วนแผนระยะยาวจะดำเนินการก่อสร้างฝายดักตะกอนเพิ่มเติม พร้อมวางระบบจัดการคุณภาพน้ำที่ครอบคลุมตลอดลำน้ำที่เป็นแหล่งน้ำดิบของชุมชน

ต่อมาในวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อน้ำบาดาลและบ่อน้ำตื้น จำนวนทั้งสิ้น 11 ตัวอย่าง ในเขตตำบลเวียงพางคำและตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย เพื่อทำการทดสอบเบื้องต้นด้วยชุดทดสอบสารหนูภาคสนาม (Arsenic Field Test Kit) โดยผลการตรวจเบื้องต้น ไม่พบสารหนูในทุกตัวอย่างน้ำที่เก็บมา พร้อมทั้งยืนยันว่า ประชาชนสามารถใช้น้ำบาดาลและบ่อน้ำตื้นจากแหล่งดังกล่าวเพื่อการอุปโภค-บริโภคได้เป็นปกติ 

ล่าสุดเมื่อ 30 พฤษภาคม 2568 สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ได้เผยแพร่ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำและตะกอนดิน ครั้งที่ 3 ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง และแม่น้ำสาขา ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยเก็บตัวอย่างระหว่างวันที่ 13–16 พฤษภาคม 2568 รวมทั้งสิ้น 24 จุด เพื่อวิเคราะห์โลหะหนัก 9 ชนิดในห้องปฏิบัติการ ได้แก่ แคดเมียม, โครเมียม, แมงกานีส, นิกเกิล, ตะกั่ว, สังกะสี, ทองแดง, ปรอท และสารหนู 

ผลการตรวจวัดพบว่า จังหวัดเชียงใหม่ (3 จุด) พบ “สารหนูเกินมาตรฐานทุกจุด”  ได้แก่ 

1.จุดชายแดนไทย-พม่า ต.ท่าตอน อ.แม่อาย (0.030 mg/L) 

2.สะพานมิตรภาพแม่นาวาง-ท่าตอน ต.ท่าตอน (0.026 mg/L)

3.สะพานสองดินแดนบ้านแม่สลัก อ.แม่อาย (0.018 mg/L)

จังหวัดเชียงราย (12 จุด) พบ สารหนูเกินมาตรฐาน 8 จุด ได้แก่

1.บ้านจะเด้อ ต.ดอยฮาง อ.เมือง (0.016 mg/L)

2.สะพานแม่ยาว-ดอยฮาง อ.เมือง (0.017 mg/L)

3.บ้านโป่งนาคำ ต.ดอยฮาง อ.เมือง (0.016 mg/L)

4.สะพานข้ามแม่น้ำกก ต.ดอยฮาง อ.เมือง (0.018 mg/L)

5.สะพานแม่ฟ้าหลวง ต.รอบเวียง อ.เมือง (0.014 mg/L)

6.สะพานเฉลิมพระเกียรติ 1 ต.รอบเวียง อ.เมือง (0.014 mg/L)

7.ฝายเชียงราย ต.รอบเวียง อ.เมือง (0.011 mg/L)

8.สะพานริมกก-เวียงเหนือรวมใจ อ.เวียงชัย (0.018 mg/L)

ทั้งนี้ ในส่วนของแม่น้ำสาขา ได้แก่ แม่น้ำฝาง แม่น้ำกรณ์ แม่น้ำลาว และแม่น้ำแม่สรวย ไม่พบโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน

อาจารย์ ม.ราชภัฏเชียงราย วิจารณ์การสื่อสารของรัฐ ชี้สารหนูในแม่น้ำ “ไม่ใช่เรื่องเล็ก” 

ผศ.ดร.เสถียร ฉันทะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง เปิดเผยว่า จากการติดตามผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำของหน่วยงานรัฐทั้ง 3 รอบที่ผ่านมา พบว่า สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องทุกครั้ง สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ “ยังอยู่ในภาวะเสี่ยง” และการปนเปื้อนนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะต้นน้ำเท่านั้น แต่ยังไหลลามลง แม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของภูมิภาค

เสถียรยังวิจารณ์การสื่อสารของภาครัฐที่พยายามลดทอนความเสี่ยงว่า “ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย” เพราะสารหนูที่สะสมในร่างกายจากการใช้น้ำเกินมาตรฐาน อาจนำไปสู่ความเสี่ยงโรคมะเร็งในระยะยาวได้ 

“รัฐต้องหยุดบอกว่าน้ำปลอดภัย ทั้งที่เกินมาตรฐาน ต้องบอกความจริง และเร่งสื่อสารความเสี่ยงให้ชาวบ้านรู้ ไม่ใช่เพื่อให้ตกใจ แต่เพื่อให้เขาปรับตัว วางแผนชีวิตและการใช้น้ำของตนเองได้” 

นอกจากนี้ เสถียรยังเสนอว่า รัฐควรตรวจสอบระบบ ชลประทาน ที่ใช้น้ำจากแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ว่ามีพื้นที่ใดรับน้ำบ้าง รวมถึงเร่งตรวจสอบพืชผลทางการเกษตรที่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำที่พบสารปนเปื้อน เพื่อแจ้งเตือนและหาทางป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นระบบ

นักวิชาการ มฟล. ตรวจซ้ำ พบสารหนูเกินมาตรฐาน

ในวันเดียวกัน (29 พฤษภาคม 2568 ) ผศ.ดร.สุรพล วรภัทราทร หัวหน้าศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีก่อกำเนิด มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก็ได้ลงพื้นที่แม่น้ำสาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจโลหะหนักในน้ำ (สารหนู-As) โดยใช้ชุดตรวจแบบรู้ผลทันที( IQUAN) ซึ่งเป็นชุดที่เคยตรวจไปแล้วก่อนหน้านี้ (30 เมษายน 2568) โดยใช้จุดเดิมในการตรวจเพื่อศึกษาหาแนวโน้มของปริมาณสารหนูว่ามีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ผลการตรวจเบื้องต้นพบว่า จุดที่ 1 บริเวณหัวฝายแม่น้ำสาย มีปริมาณสารหนูอยู่ที่ 0.12 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่น้ำประปาจากก๊อกน้ำภายในบ้านเรือนในพื้นที่ ไม่พบว่ามีค่าสารหนูเกินมาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางรายได้นำน้ำจากบ่อน้ำตื้นภายในครัวเรือน ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำสายประมาณ 100 เมตร มาให้ตรวจสอบ พบว่าน้ำจากบ่อน้ำตื้นดังกล่าวมีสารหนูสูงถึง 0.10 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยตรวจซ้ำ 3 ครั้ง พบเกินค่ามาตรฐาน 2 ครั้ง ส่วนอีกครั้งเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิค

สุรพลให้ข้อสรุปว่า น้ำประปายังคงปลอดภัยสำหรับการบริโภค แต่ระดับสารหนูในแม่น้ำสายยังคงสูงเกินมาตรฐาน และที่น่ากังวลคือบ่อน้ำตื้นในบ้านเรือนที่มีความลึกประมาณ 5-10 เมตร ซึ่งชาวบ้านนิยมใช้กลับตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ สุรพลเสนอให้หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข เร่งเข้าเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อที่ประชาชนใช้งาน รวมถึงบ่อบาดาล เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย และขอให้มีการแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากบ่อที่เสี่ยงปนเปื้อน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

นักวิชาการเตือน “น้ำพิษ” ข้ามแดน จี้รัฐเปิดแผนรับมือ

ในการประชุมสัมมนาเรื่อง “ปิดเหมืองต้นน้ำสาย ก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้” เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลเวียงพางคำ จังหวัดเชียงราย ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก็ได้ออกมาเตือนอย่างหนักแน่นถึงความเสี่ยงจากมลพิษข้ามพรมแดน โดยเฉพาะปัญหาสารหนูและโลหะหนักในแม่น้ำสาย และแม่น้ำอื่นๆ ในภูมิภาค

สืบสกุลเปิดเผยว่า ปัญหาสารหนูที่รัฐบาลเคยพูดถึงในแม่น้ำกก ได้แพร่กระจายไปยังแม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ทำให้แม่น้ำสายกลายเป็น “น้ำพิษ” อย่างชัดเจน ขณะที่รัฐบาลกลับให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมเพียงมิติเดียว โดยละเลยความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

สืบสกุลยังชี้ว่า ปัญหานี้ถือเป็น “ความเสี่ยงสิ่งแวดล้อมระดับโลก” เนื่องจากมีการพบเหมืองแร่แรร์เอิร์ท (Rare Earth) ที่ต้นน้ำสาย ซึ่งเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการผลิตของจีน ซึ่งเป็นผู้ถือครองแร่นี้มากที่สุดในโลก โดยตั้งคำถามถึงที่มาของการผลิต การนำเข้า และปลายทางของแร่ที่อาจเชื่อมโยงกับระบบนิเวศที่เปราะบางของลุ่มน้ำสาย

“ใครเป็นผู้ผลิตแร่ ใครนำเข้า และปลายทางของแร่อยู่ที่ไหน?”

สืบสกุลตั้งคำถาม พร้อมชี้ว่าระบบประปาในพื้นที่แม่สายและอำเภอเมืองเชียงรายมีความเปราะบางอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเกิดน้ำท่วมที่ต้องหยุดการผลิตน้ำประปา ขณะที่แหล่งน้ำดิบยังไม่มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง มีเพียงการตรวจน้ำและตะกอนในแม่น้ำสายแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาย้ำว่ารัฐควรเร่งจัดทำแผนการตรวจสอบอย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้

เสียงประชาชน น้ำท่วมรอบนี้ ‘มาพร้อมพิษ’

สถานการณ์มลพิษในแม่น้ำสายยังคงสร้างความกังวลอย่างกว้างขวางในพื้นที่อำเภอแม่สาย โดยเฉพาะผลกระทบที่ลุกลามไปยังภาคเกษตร น้ำประปา และสุขภาพของประชาชน ซึ่งยังไม่มีมาตรการชัดเจนจากภาครัฐในการแก้ไขปัญหาและป้องกันความเสี่ยงระยะยาว

เกษตรกรรายหนึ่งตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของคลองชลประทานที่รับน้ำจากแม่น้ำสาย ก่อนส่งต่อไปยังพื้นที่เพาะปลูกในวงกว้าง หากน้ำสายมีสารปนเปื้อน ควรจะมีมาตรการปิดกั้นไม่ให้น้ำเข้าสู่คลองชลประทานเพื่อชะลอการกระจายของสารพิษหรือไม่

ด้าน จรูญ บาระมีชัย อดีตประธานผู้สูงอายุเทศบาลตำบลแม่สาย เล่าว่าแม้เหตุการณ์น้ำท่วมจะผ่านไปแล้ว แต่ขี้โคลนจากน้ำเหมืองยังคงอยู่ เขาเรียกร้องให้มีการจัดชุดตรวจสารโลหะหนักเพื่อให้ประชาชนสามารถทราบข้อมูลความปลอดภัยได้ พร้อมทั้งแสดงความต้องการตรวจคุณภาพน้ำบ่อในบ้านและพืชผักที่ปลูกไว้

ขณะที่ บัณฑิตย์ พันธ์พลากร ผู้อำนวยการศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภา) และว่าที่สมาชิกสภาเทศบาลเวียงพางคำ แสดงความกังวลต่อการใช้น้ำประปาที่มาจากแม่น้ำสาย ทั้งในการอุปโภคบริโภคและการแปรงฟัน โดยตั้งคำถามถึงความเสี่ยงจากสารโลหะหนักที่อาจตกค้างในร่างกาย และความเป็นไปได้ในการก่อโรคมะเร็งในระยะยาว

บัณฑิตย์เล่าว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านล้างบ้านที่ถ้ำผาจมหลังเกิดน้ำท่วม แต่กลับเกิดผื่นคันที่มือทั้งสองข้างจนถึงปัจจุบันยังไม่หาย เขายังเสริมอีกว่า ปัจจุบันประชาชนกว่า 40,000 คนที่ใช้น้ำประปาจากแม่น้ำสาย ต้องเผชิญกับความเสี่ยงโดยขาดข้อมูลเกี่ยวกับการสะสมของสารพิษในร่างกาย พร้อมเตือนว่า หากชาวแม่สายไม่ลุกขึ้นปกป้องแม่น้ำของตนเอง ความปลอดภัยในอนาคตจะยิ่งน่าเป็นห่วง

ขณะที่ เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวถึงภาพรวมของปัญหามลพิษข้ามพรมแดนที่กระทบต่อ 4 แม่น้ำหลัก ได้แก่ แม่น้ำกก สาย รวก และโขง โดยชี้ว่าปัญหานี้เกิดจากการเปิดหน้าดินและการทำเหมืองผิดกฎหมายบริเวณต้นน้ำที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากในลุ่มน้ำ “วันนี้เรามีน้ำ แต่ใช้ไม่ได้” เพียรพรกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ยุติการทำเหมืองต้นน้ำทันที และตำหนิรัฐบาลที่ยังไม่มีมาตรการจัดการสารปนเปื้อนในแม่น้ำสายอย่างจริงจัง

สส.ฝ่ายค้านชี้ รัฐยังขาดวิสัยทัศน์-การจัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหา

28 พฤษภาคมที่ผ่านมา กัณวีร์ สืบแสง ส.ส. พรรคเป็นธรรม ได้กล่าวในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยชี้ว่าร่างงบประมาณปี 2569 ขาดวิสัยทัศน์และการจัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหาเร่งด่วน เขาระบุว่า รัฐบาลมองไม่เห็นว่ามลพิษจากเหมืองแร่หายากในประเทศเพื่อนบ้านกำลังส่งผลกระทบต่อจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ และหากมองเห็น ก็จะสามารถออกแบบงบประมาณและแผนแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความ Thai PBS Policy Watch สำรวจเครื่องมือทางกฎหมายที่ไทยมีในมือ พร้อมทั้งพิจารณาทางออกในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ที่อาจเป็นทางรอดเดียวในการปกป้องประชาชนและระบบนิเวศ โดยเสนอให้ใช้มาตรา 45 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 ประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในฝั่งไทย เพื่อป้องกันและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 9 ของกฎหมายเดียวกัน เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเร่งด่วนในสถานการณ์ฉุกเฉิน บทความยังเน้นถึงความจำเป็นในการร่วมมือระดับภูมิภาคผ่านกลไกอาเซียน เพื่อจัดการกับปัญหามลพิษข้ามพรมแดนอย่างมีประสิทธิภาพ

สุรชัย ตรงงาม เลขาธิการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม EnLAW ชี้ว่า แม้ไทยมีกฎหมายจัดการมลพิษในประเทศได้บางส่วน แต่ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกกและสายมีต้นตอจากฝั่งเมียนมา จึงซับซ้อนและต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งยังไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ สรุชัยยังเสนอใช้มาตรการเฉพาะหน้า เช่น การประกาศเขตคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และใช้อำนาจนายกฯ ตามมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งจัดการสถานการณ์ เขามองว่ากรณีนี้สะท้อนความท้าทายของกฎหมายสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน ซึ่งต้องอาศัยกลไกใหม่และความร่วมมือหลากหลายฝ่ายเพื่อแก้ไข พร้อมเน้นว่าต้องมีแผนระยะยาวควบคู่ โดยเฉพาะการฟื้นฟูและจัดการต้นเหตุ

สถานการณ์ล่าสุดสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่แม่สาย ที่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติซ้อนวิกฤตโดยปราศจากมาตรการตอบสนองที่ชัดเจนจากรัฐ ขณะที่เสียงเรียกร้องของชุมชนเริ่มชัดเจนขึ้นว่า “ถึงเวลาแล้ว” ที่จะต้องปกป้องแม่น้ำสาย และสร้างระบบรับมือมลพิษอย่างจริงจังและยั่งยืน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

รายการอ้างอิง

  • Transbordernews. (2568, พฤษภาคม 29). ‘ปลอดภัย’ แค่ในรายงาน? ตรวจสารหนูในแม่สาย รัฐบอกไม่เจอ แต่นักวิชาการ มฟล. พบทะลุค่ามาตรฐาน [ข่าวออนไลน์]. สืบค้นจาก https://transbordernews.in.th/home/?p=42752
  • Transbordernews. (2568, พฤษภาคม). สารหนูในแหล่งน้ำแม่สายยังน่ากังวล นักวิชาการชี้รัฐควรสื่อสารความจริง [ข่าวออนไลน์]. สืบค้นจาก https://transbordernews.in.th/home/?p=42756
  • เพจเฟซบุ๊ก: สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย. (2568). ภาพและข้อมูลจากการลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย [โพสต์เฟซบุ๊ก]. สืบค้นจาก https://www.facebook.com/photo/?fbid=1069470875374947&set=a.534942252161148
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย. (2568). รายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำเบื้องต้นในพื้นที่ตำบลเวียงพางคำและตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย [โพสต์เฟซบุ๊ก]. สืบค้นจาก https://www.facebook.com/Samnaknganprachasamphan/posts/pfbid02EJhfwaYSdHYe2seWuQoU2zSQUdiBfti3EcGMAmu2RwCN9BV1eFXHMZ3cscdofiwZl
  • ThaiPBS Policy Watch. (2567). เปิดโปง “สารหนู” ในน้ำแม่สาย : ความจริงที่รัฐไม่บอก [บทความออนไลน์]. สืบค้นจาก https://policywatch.thaipbs.or.th/article/environment-112
สุทธิกานต์ วงศ์ไชย

นักศึกษาวารสารศาสตร์ ทาสรักคาเฟอีนที่ชอบบันทึกความทรงจำผ่านชัตเตอร์ สนใจประเด็นสังคม สิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์ มีเป้าหมายชีวิตคือการเป็นหัวหน้าแก๊งแมวมอมทั่วราชอาณาจักร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง