อัยการสั่งฟ้อง 3 นักกิจกรรมเชียงใหม่ คดี ‘รามาตุลาการ’ ฐานดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ

ภาพ: Kaew Ji

30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่มีคำสั่งฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่กับนักกิจกรรม 3 ราย ได้แก่ ศิวัญชลี วิธญเสรีวัฒน์ หรือ ‘รามิล’, ภัทร คะชะนา และพึ่งบุญ ใจเย็น นักกิจกรรมในจังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหา “ร่วมกันดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 คดีนี้สืบเนื่องจากกิจกรรมทางการเมืองชื่อว่า ‘รามาตุลาการ’ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 บริเวณอ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หลังเหตุการณ์ผ่านไป 2 ปี ทั้งสามได้รับหมายเรียกในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 จากพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ โดยมี ส.ต.ท.มนตรี แดงศรี เป็นผู้รับมอบอำนาจจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้กล่าวหา โดยทั้งหมดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 และให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ และมีการนัดรายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งรวม 6 ครั้ง ก่อนมีคำสั่งฟ้องในเดือนกรกฎาคม 2568

ในคำฟ้องของอัยการ ระบุพฤติการณ์ 3 กรณีที่เป็นเหตุแห่งข้อกล่าวหา ได้แก่ การกล่าวปราศรัยของศิวัญชลี วิธญเสรีวัฒน์ ในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ การที่ภัทรและพึ่งบุญร่วมกันนำผ้าขาวมาแปรอักษรเป็นข้อความว่า ‘รามาตุลาการ’ ซึ่งอัยการตีความว่าคำว่า ‘รามา’ หมายถึง การข่มเหงรังแก จึงสื่อความหมายถึงการกล่าวหาตุลาการว่าข่มเหงประชาชน และการโปรยภาพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงบนพื้นถนนพร้อมกระดาษข้อความ ซึ่งอัยการเห็นว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศาลและลดคุณค่าขององค์กรตุลาการ

ในวันเดียวกัน จำเลยทั้งสามเดินทางเข้ารายงานตัวที่สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนถูกนำตัวส่งศาลเพื่อฟ้องคดีและถูกควบคุมตัวชั่วคราวระหว่างรอการพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานอัยการ ปิยาพร นครไทยภูมิ เป็นผู้เรียงฟ้องคดี พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งริบของกลาง คือ ภาพถ่ายตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกระดาษข้อความต่างๆ ที่ตำรวจยึดไว้ในวันเกิดเหตุ นอกจากนี้ อัยการยังได้ขอให้บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 คือ พึ่งบุญ ต่อจากคดีอื่นที่มีคำพิพากษารอการลงโทษไว้ก่อนหน้านี้

ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น. ศาลจังหวัดเชียงใหม่ มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสาม โดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัวรายละ 70,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ และได้นัดพร้อมคดีครั้งถัดไปในวันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 9.00 น.

ตามข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหาดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแสดงออกทางการเมืองแล้วอย่างน้อย 37 คน ใน 11 คดี โดยในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 3 คดี ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้ ส.ต.ท.มนตรี แดงศรี เป็นผู้กล่าวหา ได้แก่ คดีของพริษฐ์ ชิวารักษ์ จากกรณีโพสต์ข้อความเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญในเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ, คดีของนักศึกษาและนักกิจกรรม 6 คน ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ จากเหตุการณ์ในวันเดียวกันกับกิจกรรม ‘รามาตุลาการ’ แต่เกิดต่างสถานที่ ซึ่งยังอยู่ในชั้นสอบสวนและคดีของ ศิวัญชลี ภัทร และพึ่งบุญ ซึ่งเป็นคดีแรกในกลุ่มนี้ที่มีคำสั่งฟ้องต่อศาล

สำหรับข้อหาตามมาตรา 198 เดิมกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท ต่อมาในช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 อัตราโทษได้ถูกแก้ไขให้เพิ่มขึ้นเป็นจำคุก ตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง