ในทุกหยดกาแฟ มีเสียงของผืนดิน ผู้คน และเรื่องราวของการเติบโต
‘Jazz Arabica’ ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลดนตรีหรือกิจกรรมเกี่ยวกับกาแฟเท่านั้น แต่คือพื้นที่เรียนรู้ที่เปิดให้ชุมชนและคนรุ่นใหม่ได้มาเจอกัน เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยน และจุดประกายแรงบันดาลใจร่วมกัน
หัวใจของเทศกาลคือการสร้าง ‘สะพานเชื่อมโยง’ ระหว่างเมืองกับชนบท ผ่านดนตรี วัฒนธรรม และทุนทางสังคมของชุมชน เพื่อร่วมกันออกแบบ ‘ระบบนิเวศแห่งวิถีสร้างสรรค์ (Creative Ecology)’ ที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน
Jazz Arabica เริ่มต้นขึ้นในปี 2566 จากความตั้งใจเล็ก ๆ ที่อยากให้เสียงของชุมชนได้ถูกฟัง เทศกาลฯ ทำงานร่วมกับ 4 ชุมชนต้นแบบ บ้านขุนแม่รวม (จ.เชียงใหม่), บ้านห้วยตองก๊อ (แม่ฮ่องสอน), บ้านปางทอง และบ้านแม่ปอคี (จ.ตาก)
ในพื้นที่เหล่านี้ ชาวบ้านเริ่มฟื้นทุนทางวัฒนธรรมและทรัพยากรในถิ่นของตนเอง สร้างอาชีพใหม่จากกาแฟ ข้าวพื้นถิ่น น้ำผึ้ง และภูมิปัญญาที่สืบต่อกันมา ขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่ก็เริ่มกลับบ้าน เพื่อออกแบบอนาคตของชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ปีถัดมา เทศกาลฯ เติบโตขึ้นอีกขั้น ขยายสู่ 16 ชุมชนในเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย และน่าน พร้อมกิจกรรมอบรมและแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องดนตรี กาแฟ ชา น้ำผึ้ง อาหาร และข้าวพื้นถิ่น
ปีนี้ ชุมชนรุ่นแรกกลับมาร่วมเวทีอีกครั้ง ไม่เพียงเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตนเอง แต่เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจและบทเรียนชีวิตให้ชุมชนรุ่นใหม่ในเครือข่าย
เทศกาล Jazz Arabica ครั้งที่ 3 เดินหน้าต่อในปี 2568 ด้วยแนวคิด ‘สร้างอนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืน’ ผ่านเสวนา เวิร์กช็อป และการแสดงดนตรีร่วมสมัย โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่
5 – 6 พฤศจิกายน 2568 ณ โครงการจริงใจมาร์เก็ต และวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ณ ร้าน North Gate Spirit จังหวัดเชียงใหม่
เสียงดนตรีจะดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกลิ่นกาแฟที่หอมกรุ่นและรอยยิ้มจากผู้คน Jazz Arabica ยังคงเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่รวมคนซึ่งเชื่อในพลังของการลงมือทำและการเติบโตร่วมกัน
เพราะในทุกเสียงดนตรี มีเสียงของบ้านเกิดที่กำลังลุกขึ้นร้องเพลงของตัวเองอย่างงดงามอีกครั้ง
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Chiangmai Touch
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




