“สมาชิกวุฒิสภา” อาชีพ Passive Income ยุคใหม่

Date:

สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญในสนามการเมืองไทยในปัจจุบัน เนื่องมาจากอำนาจและสิทธิพิเศษต่างๆ กับหน้าที่หลักที่เหมือนจะเป็นหลักประกันอำนาจของรัฐบาลชุดคสช. ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มิหนำซ้ำ สืบเนื่องจากการลงคะแนนโหวตผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา แม้ว่าเสียงของประชาชนกว่า 14 ล้านเสียงจะเทคะแนนให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนนี้ แต่เหล่าส.ว.กลับไม่เคารพเสียงประชาชน ลงเสียง “ไม่เห็นด้วย” และ “งดออกเสียง” ไปถึง 193 เสียง อีกทั้งยังมีส.ว.อีกถึง 43 คนที่ไม่ได้เข้าร่วมการลงคะแนน ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าประชาชนอย่างเราๆ ต้องเสียอะไรไปบ้างกับคนกลุ่มนี้ ?

อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ “สิทธิประโยชน์ของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ” โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในแต่ละปี ประเทศไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับส.ว. 1 คนไปถึง 4,512,720 บาทต่อปี โดยแบ่งเป็นรายการต่างๆ ดังนี้

-เงินเดือน 113,560 บาท 

-ค่าผู้เชี่ยวชาญประจำตัว 129,000 บาทต่อเดือน

-ค่าเดินทาง 1,500,000 บาทต่อปี

-ค่ารักษาพยาบาล 97,000 บาทต่อปี + อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาทต่อครั้ง

-ค่าร่วมประชุม 3,500 บาทต่อครั้ง

ยึดจากรายจ่ายต่อปีตามตัวเลขดังกล่าว หมายความว่าแต่ละปี ประเทศไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับส.ว.ทั้ง 250 คนไปถึง 1,128 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวที่มากมายขนาดที่พอจะทำให้คน 1 คนอยู่ได้อย่างสุขสบายไปแทบจะทั้งชีวิตนี้ไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่คนอาชีพสมาชิกวุฒิสภา จะได้ตอบแทน แต่ยังมีอำนาจพิเศษต่างๆ พ่วงมากับตำแหน่งดังกล่าวด้วย ไม่ว่าจะเป็นการมีอำนาจในการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีร่วมกับส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา อำนาจในการลงเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงอำนาจทั่วไปอย่างการพิจารณากฎหมาย หรือการพิจารณาเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ขาดเพียงแค่อำนาจในการถอดถอนผู้ดํารงตําแหน่งตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ออกจากตําแหน่ง ซึ่งถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 เท่านั้น

ตัวเลขดังกล่าวอาจจะไม่ได้มีจำนวนมากอะไรเมื่อเทียบกับงบประมาณประจำปี 2566 หรือปีสุดท้ายของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งอยู่ที่ 3,185,000 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายจำนวนนี้มีค่าเท่าไหร่บ้างในงบประมาณเพื่อพัฒนาบ้านเมือง?

1,128 ล้านบาท กับการดูแลคน 250 คน?

ยกข้อมูลส่วนหนึ่งจากร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้ทำการจัดสรรงบประมาณแก่กระทรวงต่างๆ ดังนี้

-กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 325,900.2 ล้านบาท ร้อยละ 10.2 ของวงเงินงบประมาณ

-กระทรวงคมนาคม จำนวน 180,502.0 ล้านบาท ร้อยละ 5.7 ของวงเงินงบประมาณ

-กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 156,408.7 ล้านบาท ร้อยละ 4.9 ของวงเงินงบประมาณ

-กระทรวงแรงงานจำนวน 54,338.5 ล้านบาท ร้อยละ 1.7 ของวงเงินงบประมาณ

-กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 24,626.9 ล้านบาท ร้อยละ 0.8 ของวงเงินงบประมาณ

เมื่อเทียบกันแล้ว จำนวนเงินที่ต้องจ่ายสำหรับสมาชิกวุฒิสภาก็อาจจะยังไม่มากเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ต้องแจกจ่ายออกไปในแต่ละกระทรวงเพื่อพัฒนาประเทศในภาคส่วนต่างๆ แต่จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ จำนวนเงิน 1,128 ล้านบาทต่อปีนั้น ถูกใช้ไปเพื่อตอบแทนคนจำนวนเพียง 250 คนเท่านั้น ต่างจากงบประมาณของกระทรวงที่มีไว้เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน มิหนำซ้ำการทำงานของคนกลุ่มดังกล่าวยังถูกตั้งคำถามจากประชาชน ผู้เป็นเจ้าของภาษีที่ถูกแจกจ่ายไปเป็นเงินเดือนของพวกเขา ว่ามีประสิทธิภาพ หรือซื่อตรงตามหน้าที่ที่ควรจะเป็นหรือไม่ อาจจะได้แต่สงสัยว่าประชาชนและตัวสมาชิกวุฒิสภาเองอาจจะจำกัดความคำว่า “หน้าที่” ของสมาชิกวุฒิสภาแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร

นอกเหนือจากการประกอบอาชีพสมาชิกวุฒิสภาที่มีค่าตอบแทนสูงทะลุโลกแล้ว เหล่าสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนก็ยังขยันหมั่นเพียร ดำรงตำแหน่งอื่นควบคู่ไปด้วยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยหนึ่งในช่องทางของการเข้ามาดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา คือการเข้าดำรงตำแหน่งโดยผู้ตำแหน่งอื่น 6 คน ได้แก่ พลเอก วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม,  พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก, พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ,พลอากาศเอก นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเรียกขำๆ ว่านี่เป็นเพียงอาชีพเสริมของพวกเขาเท่านั้นก็ไม่ผิดมากนัก

ส.ว. อาชีพ Passive Income ยุคใหม่ ทำอะไรบ้าง ทำยังไงถึงจะได้เป็น

หน้าที่หลักๆ ของส.ว. คือการกลั่นกรองกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินผ่านการตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี หรือเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาโดยไม่มีการลงมติ แต่ถึงอย่างนั้น ส.ว.ก็ยังมีอำนาจหน้าที่เฉพาะอื่นๆ ตามที่ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย

โดยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติให้ส.ว.มีอำนาจในการสรรหาและการเลือกประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง, ถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา และการแต่งตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, การสรรหาและการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง, เลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ, ให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์และผู้ทรงคุณวุฒิในการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด, ถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

อำนาจและหน้าที่ของส.ว.ในการกำหนดทิศทางของสภาผู้แทนราษฎรเหล่านี้ เมื่อดูแล้วก็น่าจะเหมาะสมกับจำนวนเงินเดือนที่ได้รับ แต่การที่คนกลุ่มหนึ่งมีอำนาจในการกำหนดทิศทางการปกครองประเทศขนาดนี้ ประชาชนมีส่วนร่วมใดๆบ้างหรือไม่ ?

ภาพ: WorkpointTODAY

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้กําหนดให้จํานวนและที่มาของวุฒิสภาไว้สองวิธี

วิธีแรก คือการให้พระมหากษัตริย์แต่งตั้งตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถวายคําแนะนํา โดยมาจากการดําเนินการจัดให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาของคณะกรรมการการเลือกตั้งจํานวน 50 คน และจากการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาจํานวน 194 คน รวมกับผู้ดํารงตําแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการ ทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติอีก 6 คน

วิธีที่สอง คือเมื่อพ้นระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งดังกล่าวแล้ว ให้วุฒิสภามีจํานวน 200 คนซึ่งมาจากการเลือกกันเองของบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชน์ ร่วมกัน หรือทํางานหรือเคยทํางานด้านต่างๆ ที่หลากหลายของสังคม โดยในการแบ่งกลุ่มต้องแบ่งในลักษณะที่ทําให้ประชาชนซึ่งมีสิทธิสมัครรับเลือกทุกคนสามารถอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้

ข้อบัญญัติในการหาที่มาของส.ว.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ตีความได้ง่ายๆ ว่าประชาชนแทบไม่มีส่วนร่วมใดๆในการกำหนดที่มาของคนกลุ่มนี้ ไม่มีการเลือกตั้ง มีเพียงการแต่งตั้งใน 5 ปีแรก และการ “เลือกกันเอง” ของกลุ่มคนในแวดวงต่างๆ หลังจากนั้นเท่านั้น เมื่อเทียบกับอำนาจที่ได้รับแล้ว คงกล่าวได้ว่านี้เป็นอาชีพที่ถูกจ้างกันได้ง่ายดายมากที่สุดอาชีพหนึ่ง

เด็กจบใหม่ทำงานกี่ปีถึงจะมีเงินเดือนเท่าสว.

ถ้าเราคิดกันเล่นๆ บัณฑิตวุฒิปริญาตรีที่มีฐานเงินเดือน 15,000 บาท อาจต้องก้มหน้าก้มตาทำงานไปร่วม 25 ปี เพื่อจะได้มีรายได้เท่ากับที่สมาชิกวุฒิสภาได้รับใน 1 ปี

หากเทียบให้ใกล้เข้ามาอีกสักหน่อย เด็กจบใหม่เงินเดือน 15,000 บาทก็ต้องทำงานเป็นเวลา 7 เดือน เพื่อจะได้มีรายได้เท่ากับเงินเดือนส.ว.

นอกจากนี้ ผู้ประกอบอาชีพส.ว.ยังมีกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา รองรับอยู่ โดยถูกบังคับใช้ไปเมื่อปี 2556 ซึ่งเป็นการ “ตอบแทนคุณงามความดี” ของเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ที่เคยทำประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศไว้สมัยยังดำรงตำแหน่ง

โดยกองทุนดังกล่าวเป็นการใช้เงินจากงบประมาณกลาง กลายเป็นทุนหมุนเวียนครอบคลุมการใช้จ่ายต่างๆ ของผู้ที่อยู่ในกองทุน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพ 9,000 – 35,600 บาทต่อเดือน, การจ่ายเงินช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล 50,000 บาทต่อปี, การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีทุพพลภาพ 5,000 บาทต่อเดือน, การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีถึงแก่กรรม 100,000 บาท, การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีการให้การศึกษาบุตรที่สามารถเบิกได้ตั้งแต่ระดับประถมจนถึงปริญญาตรี และสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด 

ซึ่งในงบประมาณปี 2566 ได้มีการอัดฉีดเงินให้กับกองทุนดังกล่าวไปถึง 300,000 ล้านบาท ทำให้นอกจากจะมีรายได้สูงเสียดฟ้าแล้ว อาชีพส.ว.ยังเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงหลังเกษียณจากตำแหน่งสูงมาก ในขณะที่ผู้สูงอายุทั่วไปได้รับเพียงเบี้ยเลี้ยงจำนวน 600 บาทต่อเดือนเท่านั้น

เมื่อประชาชนขอตั้งคำถามกับสมาชิกวุฒิสภา

หลังจากผ่านพ้นการลงคะแนนเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ผลลัพธ์ของการออกเสียงจากฝั่งส.ว.กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีให้ประชาชนร่วมกันตอบโต้การกระทำของส.ว.ที่ไม่เคารพเสียงของพวกเขา ผ่าน #ธุรกิจสว ที่ถูกติดแฮชแท็กไปกว่า 1.36 ล้านครั้งเพียง 1 วันให้หลังการโหวต โดยประชาชนร่วมกันแบ่งปันข้อมูลธุรกิจของส.ว. หรือที่มีส.ว.เป็นหุ้นส่วน เพื่อร่วมกันคว่ำบาตรธุรกิจเหล่านี้เสีย 

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกตั้งคำถามจากทั้งฝั่งประชาธิปไตยและฝั่งพลเอกประยุทธ์ ว่าถือเป็นการล่าแม่มดหรือเป็นการทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่วงกว้างหรือไม่ เนื่องจากหลายธุรกิจก็ไม่ได้มีส.ว.เป็นเจ้าของโดยตรง อาจเป็นเพียงธุรกิจของลูกหลานหรือเครือญาติเท่านั้น อีกทั้งการแบนธุรกิจต่างๆ ของส.ว.ก็จะทำให้เกิดผลเสียแก่ลูกจ้างที่เป็นประชาชนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทางด้านนักวิชาการอิสระอย่าง สฤณี อาชวานันทกุล มองว่านี่เป็นเพียงการลงโทษทางสังคม (Social sanction) ที่มีจุดประสงค์เป็นการทำให้ผู้ถูกลงโทษเกิดความอับอาย จนต้องปรับเปลี่ยนตัวเองและทัศนคติเพื่ออยู่ร่วมในสังคมให้ได้เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่การล่าแม่มดแต่อย่างใด อีกทั้งฝั่งประชาชนยังมองว่าพวกตนก็เป็นประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ที่ถูกกระทำโดยการกระทำของเหล่าส.ว.ที่ไม่เคารพเสียงของพวกเขาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นที่นิ่งนอนใจของเหล่าส.ว. โดย สมชาย แสวงการ ได้นำทีมส.ว.ยื่นฟ้อง เดชา กิตติวิทยานันท์ และ ภัทรพงศ์ ศุภักษร และยังกล่าวว่าจะทำการดำเนินคดีกับคนที่กล่าวให้ร้ายส.ว. ตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ต่อไป

อ้างอิง

ประชาไท, เช็คชื่อ ‘ส.ว.ผู้นำเหล่าทัพ’ โดดประชุม เสี่ยงพ้นจากตำแหน่ง รับเงินเดือนสองทาง

Spring, ที่มา ส.ว. 250 คน มาจากไหน ทำหน้าที่อะไร มีผลกับการเลือกตั้ง 2566 อย่างไรบ้าง

-สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา, สิทธิประโยชน์ของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ

-สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๒๕๕๖

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

เจียงใหม่กำลังจะ “โฮะ” แหมรอบ!

กับ Chiang Mai HO Zix เทศกาลดนตรีตี้รวมศิลปินออริจินัลเชียงใหม่ไว้นักที่สุดกว่า 40 วง 4...

Lanner Joy: Choobjai Craft Chocolate แบรนด์เล็กจากเชียงดาว ที่อยากส่งต่อโกโก้ ชุบใจให้คนตัวเล็กมีแรงสู้ต่อ

เรื่อง: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ภาพ: ชุบใจ Choobjai Craft Chocolate ในวันที่ชีวิตอาจขมจนเกินไป หลายคนเลือกจะ...

กระทรวงทรัพย์ฯ รุกตรวจคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน กะเหรี่ยงรวมมิตร-ห้วยทรายขาว ยืนยันเบื้องต้นไม่พบสารหนูปนเปื้อน

17 ตุลาคม 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เดินหน้าตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงราย หลังประชาชนแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคที่อาจปนเปื้อนสารโลหะหนัก สุชาติ ชมกลิ่น...

‘บางระกำโมเดล’ ก้าวไกลระดับโลก แต่ ‘คน’ โดนทิ้งไว้กลางน้ำ

เรื่อง: ฐิติพร มะโนวรรณา, ภาพ: ตุลา ธารา ‘บางระกำโมเดล’ โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ภายใต้สำนักงานชลประทานที่ 3...