‘The Rotate’ วิถีชนเผ่าพื้นเมือง ศาสตร์แห่งการหมุนเวียนเพื่อเปลี่ยนโลก

Date:

“ศาสตร์และศิลป์ในการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติด้วยแนวคิด ‘หมุนเวียน’ ซึ่งเป็นแนวคิดที่บรรพบุรุษของเราให้ความสำคัญ ได้ส่งต่อมาจนถึงรุ่นของเรา จนในวันนี้ แนวคิดนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการรวมตัวกันของคนรุ่นใหม่ในชุมชนกะเหรี่ยงทั่วประเทศไทย เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวคิด องค์ความรู้ ความเชื่อและส่งต่อเรื่องราวนี้สู่ทุกคน เป็นดั่งการหมุนและเวียนต่อไปไม่รู้จบ”

ข้อความสื่อสารส่วนหนึ่งในนิทรรศการวิถีหมุนเวียน ในเทศกาล The Rotate Festival: เทศกาลหมุนเวียนชีวิตชนเผ่าพื้นเมือง ได้เชิญชวนทุกคนมาร่วมพบปะ แลกเปลี่ยน พูดคุย แบ่งปัน เรียนรู้ และ “อ่อเส๊อะเกอะเม – กินข้าวด้วยกันกับเรา” เมื่อวันที่ 27-28 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ลานกว้าง Get Farmily-เกษตรในสวนเพื่อน จ.เชียงใหม่

งานนี้เป็นครั้งแรกกับการเปิดตัว The Rotate ดิจิตอลคอนเทนท์แชนแนล ที่สะท้อนมุมมอง วิธีคิด วิธีลงมือทำ จากชุมชนชาติพันธุ์บนฐานองค์ความรู้ ภูมิปัญญาชนเผ่าพื้นเมือง โดยถอดองค์ความรู้จากการทำไร่หมุนเวียนของชุมชน ชนเผ่าพื้นเมือง สร้างการหมุนเวียนทางความคิด เป็นพื้นที่ทำให้เกิดความร่วมมือ นำเสนอมุมมอง ที่แตกต่าง นำไปสู่ ความหลากหลายและถ่ายทอดแลกเปลี่ยนสู่ผู้คนแต่ละยุคสมัย

นอกจากการเปิดตัว The Rotate แล้ว ภายในงานยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมผ่านหลากหลายกิจกรรม อาทิ การรวบรวมผลผลิตจากไร่หมุนเวียนจากทั่วประเทศที่มารังสรรค์ใน ‘ครัวกะเหรี่ยง’, นิทรรศการวิถีหมุนเวียน ‘Road to The Rotate’, เวิร์คชอปจากภูมิปัญาชุมชนในการสื่อสารผ่านอาหาร ผลผลิตและนวัตกรรมในพื้นที่, วงเสวนาถึงแนวคิด วิถีชีวิตแบบหมุนเวียนของชนเผ่าพื้นเมือง, สินค้าแบรนด์ชุมชนใน ‘The Rotate Market’, ซุ้มเครื่องดื่มหมักดอง ภูมิปัญญาชุมชนกะเหรี่ยงใน ‘Karen Fermentation Station’ และ Mini Concert จากศิลปินกะเหรี่ยง ปกาเกอะญออีกคับคั่ง และอีกหลายกิจกรรม

หนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์ของงานที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของวิถีหมุนเวียนนั่นคือ ‘ครัวกะเหรี่ยง’ ซึ่งเป็นการใช้ผลผลิตจากไร่หมุนเวียนของแต่ละชุมชนมาสร้างรังสรรค์อาหารที่มีเสน่ห์ท้องถิ่นฉายชัดผ่านหน้าตาและเปิดพื้นที่ให้ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรสชาติ

ครัวกะเหรี่ยง ได้รวบรวมทั้งวัตถุดิบและกำลังพลผู้ชำนาญทางอาหารพื้นถิ่นทั้งจากทีมแม่บ้าน ครัวกะเหรี่ยง “ไล่โว่” อ.สังคละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่อาหารจะมีความจัดจ้านทั้งรสชาติ หน้าตาซึ่งมาจากเครื่องเทศและการรวมกันของพริกแกงของกะเหรี่ยงไล่โว่ที่มีพริกกะเหรี่ยงเป็นตัวเอก แต่ความเผ็ดเป็นแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ เพราะส่วนสำคัญคือการผสมผสานของรสชาติจากการผสมผสานวัตถุดิบอย่างเข้าใจผ่านการทำอาหารทุกวันในบ้าน

ทีมแม่บ้านจากชุมชน “คลิตี้ล่าง” อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่วัตถุดิบทั้งหมดของคลิตี้นั้นได้ถูกปลูกในไร่หมุนเวียนและสวนหลังบ้านที่ดูแลจากคนในพื้นที่ ผ่านองค์ความรู้และการใช้ชีวิตตามวิถีคนกะเหรี่ยงซึ่งปลอดจากสารพิษ สารเคมี ทำให้มีการสร้างภูมิปัญญาในการจับคู่อาหารของชุมชนตนเองได้อย่างหลากหลายเพื่อให้ได้รสชาติที่ทั้งส่งเสริมและตัดกันไปมาอยากกลมกลืน

และทีมแม่บ้านแม่ครัวจาก “บ้านห้วยอีค่าง” อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ที่มีคติกันว่า ‘ผู้หญิงปกาเกอะญอ คือเจ้าของครัวและบ้านที่ครอบครัวได้อยู่ได้กิน เปรียบเสมือนหัวใจของครอบครัวคนปกาเกอะญอ’ เพื่ออธิบายบทบาทของผู้หญิงปกาเกอะญอที่มีความสำคัญ เพราะนอกจากการทำอาหารแล้ว ยังต้องเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล ควบคู่ไปกับการดูแล สิ่งนี้จึงทำให้ยังคงรักษาทั้งวิถี ความคิด ความเข้าใจที่คนปกาเกอะญอสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน

รวมไปถึงชุมชนอื่น ๆ ที่ได้นำวัตถุดิบมาเสริมทัพกันอย่างท่วมท้น ทำให้ท้ายที่สุดหลังผ่านการร่วมลงแรงของทีมแม่บ้านจากทุกชุมชน งานนี้จึงมีเมนูอาหารทั้งแบบท้องถิ่นชุมชน และเมนูฟิวชั่นออกมาอย่างล้นหลาม สามารถเสิร์ฟคนที่มาร่วมงานได้อย่างครบถ้วนแบบมือต่อมือ แม้จะมีทั้งกลุ่มชาติพันธุ์ ชาวพื้นที่เขตเมือง รวมไปถึงชาวต่างชาติ ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างคลอบคลุม

นอกจากอาหารที่มีเสน่ห์ของรสชาติแต่ละชุมชนแล้ว วัตถุดิบในแต่ละเมนูยังเป็นชิ้นส่วนของเรื่องราวของแต่ละชุมชนได้ด้วยเช่นกัน เพราะผลผลิตที่ได้จากไร่หมุนเวียนแต่ในแต่ละพื้นที่ก็มีการปลูกพืชหมุนเวียนที่แตกต่าง

เช่นเดียวกันกับวงเสวนา “คุยให้ถึงรากกับคนขี้เกียจ” ของปกาเกอะญอ ที่ แซวะ-ศิวกร โอ่โดเชา และพะตีจอนิ โอ่โดเชา ได้เล่าเรื่องราวคนขี้เกียจทั้งแนวคิด ปฏิบัติการและยังสร้างพื้นที่อย่างสวนคนขี้เกียจ’ หรือ ‘สวนจอเกอะโดะ’ ไว้ว่า ครั้งหนึ่งกระแสของโลกยุคทุนนิยมเองก็เคยตีกระทบเข้ามาถึงวิถีชีวิตของชนเผ่าพื้นเมือง ที่ชัดเจนที่สุดคือการถูกเสนอแนะให้นำพืชเชิงเดี่ยวมาปลูกในพื้นที่ป่าชุมชนเพราะผลิตนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดและมันจะช่วยให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่ง แต่ท้ายที่สุดกลับพบว่าสิ่งที่แลกไปคือพื้นที่ความหลากหลายของพืชพรรณซึ่งกระทบต่อวิถีชีวิตตัวตน แม้จะดูเป็นวิกฤตแต่อีกด้านหนึ่งคือการได้ทบทวนทำความเข้าใจว่าการอาศัยอยู่กับป่าและธรรมชาติที่มีความหลากหลายต่างหากที่เป็นวิถีที่เหมาะสมกับชนเผ่าพื้นเมือง

“ถ้าเปรียบเทียบกับโลกทุกนิยมแล้ว ชุมชนเราถือว่ามีความมั่งคั่งมาก เพียงแต่ความมั่งคั่งของเราไม่ได้อยู่ในรูปแบบเม็ดเงิน แต่มันคือความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เราจึงเปลี่ยนแนวคิดที่จะแข่งขันกับคนอื่น แต่อยู่แบบขี้เกียจร่วมไปกับธรรมชาติ และการดำเนินวิถีชีวิตแบบหมุนเวียนเองก็จะเป็นเครื่องมือที่เราใช้เพื่อรักษาความมั่งคั่งของเราให้มีความยั่งยืนต่อไปไม่สิ้นสุด”

งานนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการเป็นพื้นที่สื่อสารให้คนทั่วไปได้มีโอกาสในการรับรู้และเข้าใจถึงวิถีการหมุนเวียนของชนเผ่าพื้นเมือง แต่ทุกกระบวนการในการออกแบบ วางแผนและทำงาน เพื่อให้เกิดเป็น The Rotate Festival ยังเป็นการที่ทำให้คนในชุมชนเองได้มีการทบทวนองค์ความรู้ ภูมิปัญญาของตนเอง สื่อสารต่อกันและกันในชุมชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจในวิถีชีวิตแห่งการหมุนเวียน จนสามารถนำมาสื่อสารต่อโลกได้ สิ่งนี้จึงเป็นการย้ำชัดให้เห็นว่า วิถีการหมุนเวียนนั้น ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในทุกกระบวนการอย่างแท้จริง

More like this
Related

เชียงใหม่รวมพลังเครือข่าย “เปิดโลกคนไร้บ้าน” ขับเคลื่อนระบบคุ้มครองคนไร้ที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ลานประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานคนไร้บ้านเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่าย...

ไร้ความคืบหน้า ประชาชนลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง ร้องรัฐเร่งแก้ปัญหามลพิษเหมืองเมียนมา

21 ตุลาคม 2568 สืบสกุล กิจนุกร โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำกก-สายรวก-โขงจากเหมืองแร่ในเมียนมา โดยระบุถึงนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกุล...

สภาฯ ผ่านฉลุยร่าง ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ 309 เสียง เตรียมส่งต่อวุฒิสภา กมธ.ชี้เป็น ‘อาวุธใหม่’ ทวงคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย

21 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ ‘เห็นชอบ’ ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ... ในวาระที่...

เจียงใหม่กำลังจะ “โฮะ” แหมรอบ!

กับ Chiang Mai HO Zix เทศกาลดนตรีตี้รวมศิลปินออริจินัลเชียงใหม่ไว้นักที่สุดกว่า 40 วง 4...