เปิด ‘ห้องเรียนข้ามขอบ’ หวังจินตนาการใหม่การศึกษาไทยไร้รอยต่อ ‘เชียงดาว’ นำร่องสร้างนิเวศแห่งการเรียนรู้

Date:

9 สิงหาคม 2567 ณ หอประชุมโรงเรียนเชียงดาววิทยาคม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่  ได้มีการจัดเวทีสัมมนากำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์โครงการห้องเรียนข้ามขอบ “ร่วมกันสร้างนิเวศการเรียนรู้จากห้องเรียนข้ามขอบ เชียงดาวเมืองแห่งการเรียนรู้สู่การศึกษาไร้รอยต่อ” เพื่อกำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์โครงการห้องเรียนข้ามขอบ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม) ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการ ‘สร้างระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น’ ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง

โดยสัมมนาในครั้งนี้มีการพูดคุยถึง “จินตนาการใหม่การศึกษาไทยไร้รอยต่อ” เพื่อฉายให้เห็นฉากทัศน์ของความเป็นไปได้ทางการศึกษาที่นำไปสู่การพัฒนาห้องเรียนข้ามขอบ ร่วมพูดคุยโดย รศ.ดร.อนุชาติ พวงสำลี ประธานกรรมการบริหาร โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ภัทระ คําพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร กสศ. , ณิชา พิทยาพงศกร นักวิจัยโครงการห้องเรียนข้ามขอบ, อธิษฐาน์ คงทรัพย์ หัวหน้าโครงการห้องเรียนข้ามขอบ ดำเนินการพูดคุยโดย พฤหัส  พหลกุลบุตร เลขาธิการมูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม)

รศ.ดร.อนุชาติ พวงสำลี ให้ความเห็นสำคัญไว้ว่าเด็กทุกคนนั้นมีศักยภาพ มีความคิดความฝันที่เป็นของตัวเอง ไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร แต่ระบบในการรับรองความคิดความฝันนั้นยังมีข้อจำกัดอีกมาก ซึ่งโจทย์ท้าทายในเรื่องนี้คือการร่วมกันค้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ ทางการศึกษาที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงไม่รวมศูนย์ เพื่อที่จะอุดช่องว่าง เท่าทันอนาคตของโลก โดยทิ้งท้ายว่าโครงการห้องเรียนข้ามขอบที่เชียงดาวจะไม่ใช่แค่เพียงโครงการที่ทำแล้วจบไป แต่จะมุ่งสร้างความยั่งยืนให้ฝังอยู่ในระบบการศึกษา

ด้าน ภัทระ คําพิทักษ์ กล่าวว่าจากการทำงานของ กสศ. สามารถระบุรูปแบบในการสนับสนุนที่มุ่งให้เกิดความเสมอภาค โดยแบ่งเป็น 4 รูปแบบคือ 1.ศูนย์การเรียน เพื่อเป็นทางเลือก รวมไปถึงการรองรับเด็กที่ตกหล่นจากระบบการศึกษา รวมถึงกรณีของเปลี่ยนศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชนให้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วย โดยเปลี่ยนเจ้าที่เป็นครู นี่คือหัวใจสำคัญที่จะต่อยอดโอกาสผ่านการมีวุฒิการศึกษา 2.การศึกษาที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน โดยเชื่อว่าเราไม่สามารถทำงานกับเด็กเพียงแค่กลุ่มเดียวแต่ชุมชนท้องถิ่นเองก็ต้องเคลื่อนไปพร้อมกัน 3.โรงเรียน 3 รูปแบบ กล่าวคือการผนวชรูปแบบทั้ง 3 แบบ ให้เข้ากับโรงเรียน นักเรียน ชุมชน ร่วมกันคือ (1) การศึกษาในระบบโรงเรียน (2) การศึกษานอกระบบ และ (3) การศึกษาตามอัธยาศัย และรูปแบบที่ 4 ห้องเรียนข้ามขอบ ที่เป้นดั่งการค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่มากกว่าแค่โรงเรียน

ณิชา พิทยาพงศกร ชวนมอง 3 ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษาและการเรียนรู้ในประเทศไทย 1.ทักษะและวุฒิการศึกษาแยกตัวออกจากกัน ที่มองว่าการเรียนนานไม่เท่ากับมีทักษะสูง จ้างงานตามทักษะมากขึ้น 2.การศึกษาในระบบโรงเรียนรัฐเสื่อมถอย นักเรียนมีจำนวนน้อยลง มีโรงเรียนเล็กเพิ่มมากขึ้น งบประมาณลดลง ค่านิยมของ พ่อแม่ นักเรียน และครู เปลี่ยนไป ถูกแทรกแซงทางการมือง ที่เป็นการแช่แข็งหลักสูตร และ 3.ทางเลือกการเรียนรู้เกิดใหม่ และหลากหลายมากขึ้น

นอกจากนี้ ณิชา ยังฉายให้เห็นถึง ‘การศึกษาไร้รอยต่อ’ ที่เป็นการเชื่อมโยง 4 รอยต่อเข้าด้วยกัน คือ 1.รอยต่อของในระบบและนอกระบบ ที่ผู้เรียนสามารถเคลื่อนย้ายไปมาข้ามเส้นแบ่งระหว่างในและนอกโรงเรียน 2.รอยต่อของความหลากหลาย ที่ผู้เรียนทุกคนได้รับการยอมรับ อยู่ร่วมและเรียนรู้ในความแตกต่าง 3.รอยต่อของศาสตร์ความรู้ ที่ผู้เรียนอยากเรียนรู้อะไรก็ได้เรียนและแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้ที่หลากหลาย และ 4.รอยต่อของผู้เกี่ยวข้อง ให้ทำงานร่วมกันเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้เรียน

อธิษฐาน์ คงทรัพย์ เผยว่าโครงการห้องเรียนข้ามขอบเป็นการขับเคลื่อนการสร้างระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น ที่พร้อมปรับตัวกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างทักษะและสมรรถนะแห่งอนาคต รวมไปถึงการสร้างแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบใหม่ ที่ผสมผสานทั้งการเรียนรู้ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ในการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่หลากหลายและปลอดภัย 

ทั้งนี้โครงการห้องเรียนข้ามขอบยังเป็นการเชื่อมรอยต่อในระบบการศึกษา โดยอาศัยการสร้างความร่วมมือกับชุมชน องค์กรท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในการร่วมกันการออกแบบสร้างต้นแบบนวัตกรรมการจัดการศึกษาที่มีความยืดหยุ่น ที่มุ่งหวังว่าระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาค สร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายและตอบโจทย์ชีวิต รวมทั้งส่งเสริมนิเวศการเรียนรู้และวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่เคารพความแตกต่างหลากหลายบนฐานประชาธิปไตย

โดยโครงการห้องเรียนข้ามขอบมีเป้าหมายหลักของโครงการทั้งหมด 3 เป้าหมาย ดังนี้

1. พัฒนานวัตกรรมการศึกษา โมเดลนวัตกรรมการจัดการศึกษาที่มีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับบริบทชีวิตของผู้เรียนที่แตกต่างหลากหลายเชื่อมโยงกับชุมชน สังคมและเท่ากันการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต

2. พัฒนาระบบนิเวศการเรียนรู้ เชื่อมประสานกับกลไกการทำงานขององค์กรในท้องถิ่นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ออกแบบระบบนิเวศการเรียนรู้ในชุมชนที่ช่วยให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้รับโอกาสพัฒนาศักยภาพ

3. ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ กระจายอำนาจในการจัดการศึกษาสู่ชุมชน สร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่ปลอดภัยและส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่เคารพความแตกต่างหลากหลาย

โดยแนวทางการจัดการเรียนรู้ของ “โครงการห้องเรียนข้ามขอบ” ใช้ระบบการเรียบรู้แบบผสมผสาน (Hybrid Learning) และยืดหยุ่น ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทั้งการจัดการเรียนการสอนในระบบที่หลักสูตรจัดไว้ให้ หรือเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์และเรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้ภายนอกของหน่วยการเรียนรู้ในชุมชนและภาคีเครือข่ายการเรียนรู้ต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ กล่าวคือ ผู้เรียนสามารถสร้างเส้นทางเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จากแหล่งอื่นๆ ตามความสนใจ รวมทั้งเรียนรู้จากการทำโครงงาน การประกอบอาชีพต่างๆ 

ที่เน้นการบ่มเพาะคุณลักษณะของของผู้เรียนที่สามารถนำการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Self-directed Learners) มีทักษะชีวิตและทักษะการเรียนรู้ (Learn how to learn) เพื่อบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้เฉพาะตน สามารถลงลึกในสิ่งที่รักและสนใจ จนกลายเป็นความเชี่ยวชาญและต่อยอดไปสู่การเรียนรู้พัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข โดยอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยซ้อ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็น 2 พื้นที่นำร่องของโครงการดังกล่าว

ในช่วงท้ายได้มีวงพูดคุย “ห้องเรียนข้ามขอบ เชียงดาวเมืองนิเวศแห่งการเรียนรู้” โดยมีตัวแทนของครู อาจารย์ นักการศึกษา รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในระดับนโยบาย และภาคเอกชน อาทิ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาเชียงใหม่, ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเชียงดาว, ตัวแทนครูและบุคลากรทางการศึกษาเครือข่ายในพื้นที่อำเภอเชียงดาว, ตัวแทนภาคีสถานีเรียนรู้ในโครงการเชียงดาวเมืองแห่งการเรียนรู้ และตัวแทนนักเรียนผู้เป็นเจ้าของการเรียนรู้และผู้ได้รับประโยชน์ เข้ามาพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่การทำงาน-การเรียนรู้และข้อจำกัดในการทำงานของตนเอง ที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์ทั้งผู้เรียนรู้และคนทำงาน นอกจากนี้ยังมีการกำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนประเด็นนี้ต่อไป

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เห็ด’ CAC ชวนร่วมกิจกรรมปิดท้าย ‘FUNGI IN YOUR HEADLIGHTS’

พบศิลปิน อานนท์ นงเยาว์ และ NooN Collectiveเสาร์ที่ 25 ตุลาคมนี้ ณ...

‘บ้านหนองเต่า’ รักษาป่า รักษาวิถีชีวิต ท่ามกลางปัญหาสิทธิที่ดิน

เรื่อง: รัญชิดา อาริกุล ‘บ้านหนองเต่า’ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวกะเหรี่ยง หรือ...

คนฮอดเดือดร้อน น้ำหนุนจากเขื่อนภูมิพลท่วมซ้ำทุกสิบปี พืชผลทางการเกษตรเสียหายยกสวน

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 สถานการณ์น้ำหนุนในพื้นที่ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่อย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณสะพานจามเทวี...