‘ฟอร์ตี้ฟายไรต์’ เผยทหารไทยทำร้ายชาวเมียนมาจนเสียชีวิต ไร้การตรวจสอบที่โปร่งใส

Date:

14 พฤศจิกายน 2567 ฟอร์ตี้ฟายไรต์ (Fortify Rights) เปิดเผยรายงานว่าเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 ทหารไทย 4 นาย ได้ทรมานและซ้อมชาวเมียนมาจนเสียชีวิต ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมทั้งปกปิดความผิดแม้จะมีผู้เห็นเหตุการณ์

ฟอร์ตี้ฟายไรต์ ระบุว่า พบหลักฐานบ่งชี้ว่าทหารไทยได้ควบคุมตัวและทรมานนายอ่อง โก โก วัย 37 ปี พลเมืองชาวเมียนมาที่อาศัยในไทย และอาสาสมัครของชุดรักษาความปลอดภัยชุมชนบ้านใต้ (ชรบ.) จนเสียชีวิต ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา อีกทั้งยังได้ดำเนินคดีนาย ศิรชัช ชายชาวเมียนมาอายุ 24 ปี หนึ่งในพยานรู้เห็นเหตุการณ์ข้อหาฆ่าคนตาย

คำบอกเล่าของ “เอ็ม.แอล.” (นามสมมติ) ทำให้รู้ว่า หัวหน้าทหารได้ใช้ไม้ไผ่ตีซ้ำๆ ที่หลังและขาด้วยความแรงจนไม้ไผ่หัก จากนั้นได้ใช้ไม้แข็งยาวประมาณ 1.5 เมตรตีต่อไปจนไม้หักและแม้จะมีพยานกว่า 23 คนที่ยืนยันว่าเขา เป็นชรบ. แต่ทหารอีก 3 นายก็ยังคงทำร้ายนายอ่อง โก โก อย่างรุนแรง ด้วยการใช้ไม้ยาวตีที่ร่างของเขา

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตมึงที่นี่” คือคำพูดของทหารที่กล่าวขณะซ้อมนายอ่อง โก โก แม้ว่าพยานหลักฐานจะประจักษ์ชัดว่าทหารไทยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของนายอ่อง โก โก แต่พวกเขากลับไม่ได้รับโทษ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเลือกดำเนินคดีนาย ศิรชัช เขากลายเป็นแพะรับบาปที่ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต

“การนำตัวผู้ที่สังหารนายอ่อง โก โก ตัวจริงมาลงโทษจะเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องผู้อพยพและผู้ลี้ภัย ซึ่งทั้งสองกลุ่มต่างประสบกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในประเทศ”

ฟอร์ตี้ฟายไรต์ มองว่าในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่มีหน้าที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทั่วโลก รัฐบาลไทย ควรดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด รวดเร็ว และเป็นกลางเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของทหารไทยในกรณีการทรมานและการสังหารนายอ่อง โก โก และต้องแน่ใจว่าผู้กระทำผิดทั้งหมดได้รับการลงโทษตามกฎหมาย

“ในฐานะสมาชิกใหม่ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ผู้นำของประเทศไทยมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นในการปกป้องสิทธิมนุษยชน” แมทธิว สมิท (Matthew Smith) ประธานกรรมการบริหารของฟอร์ตี้ไรต์ กล่าว

สามารถอ่านรายงานเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fortifyrights.org 

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

มองบ้านใหญ่ภาคเหนือในเลือกตั้ง 69: 18 ตระกูลย้ายพรรค–22 ตระกูลปักหลักที่เก่า–อีก 3 ตระกูลก้าวจากท้องถิ่นสู่การเมืองระดับชาติ

‘บ้านใหญ่’ ไม่ได้หมายถึงครอบครัวที่เล่นการเมืองเพียงครอบครัวเดียว แต่หมายถึงเครือข่ายตระกูลการเมืองที่สืบทอดบทบาทและอิทธิพลต่อเนื่องยาวนาน โดยที่สมาชิกในเครือข่ายมักกระจายตัวอยู่ทั้งในสนามการเมืองท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้รับเหมางบประมาณ และภาคธุรกิจ  ในการเลือกตั้งปี 2569 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้...

เมืองที่ ‘ทุกคนต้องมีรถ’ ถึงจะใช้ชีวิตได้ ชีวิตคนพิจิตรในวันที่ขนส่งสาธารณะจังหวัดพึ่งพาไม่เคยได้

เรื่อง: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย, ภาพ: ภูบดี หิรัญวิวัฒน์วงศ์ แม้ในต่างจังหวัด ผู้คนยังคงต้องพึ่งพาขนส่งสาธารณะในชีวิตประจำวัน แต่ระบบที่ควรทำหน้าที่รองรับกลับค่อยๆ หดเล็กลงเรื่อยๆ...

เด็กหนึ่งคนคืออนาคตของหลายสังคม สิทธิการศึกษาเด็กไร้พรมแดนจากเมียนมา ที่ ‘เรียนได้’ แต่ ‘ไปต่อไม่ได้’

เรื่อง: กุลธิดา กระจ่างกุล  ท่ามกลางรอยแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศ ไปจนถึงเส้นแบ่งสถานะทางสังคม ‘การศึกษา’ ถูกยกให้เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และเป็นเครื่องมือทรงพลังในการสร้างความเสมอภาคแก่ผู้คน แต่สำหรับเด็กข้ามชาติและเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย การศึกษาอาจ...

ชาวเชียงใหม่จัดกิจกรรมสองขั้วท่ามกลางความตึงเครียดไทย–กัมพูชา ทั้งฝ่ายต่อต้านสงครามและฝ่ายให้กำลังใจทหาร

24 ธันวาคม 2568 เวลา 17.00 น. ชาวเชียงใหม่กลุ่มหนึ่งรวมตัวจัดกิจกรรมแสดงจุดยืน “ต่อต้านสงคราม ไทย–กัมพูชา”...