Youth Matters เรื่องคนร้ายๆ ในสังคมวายป่วง

Date:

เรื่องและภาพ: กองบรรณาธิการ

“มันเป็นปัญหาที่ส่งผลกับชีวิตของเรา ไอ้ปัญหาพวกนี้เลยถูกผลิตออกมาเป็นงานศิลปะ เพราะมันสำคัญไง เราเลยอยากส่งเสียงว่า เฮ้ย! นี่มันเป็นเรื่องที่เราเจอจริงๆ มันไม่มีหรอกปัญหาของฉันคนเดียว เพราะหลายเรื่องเราก็เจอมาเหมือนกัน แม้จะคนละมุมก็ตาม”

ฮาเลย์-รสิตรา นามชัย นักศึกษาศิลปะชั้นปีที่ 1 บอกกับเราขณะพาชม Human ร้าย, Human Wrong Art Exhibition : “Youth Matters” นิทรรศการศิลปะที่รวบรวมผลงานของผู้เข้าร่วมโครงการ Human ร้าย, Human Wrong รุ่น 7 โดยฮาเลย์เองก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการมันส์ๆ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่นอีกหลายคน

ฮาเลย์-รสิตรา นามชัย

เข้าสู่ปีที่ 7 ของ Human ร้าย, Human Wrong ที่ในปีนี้ได้มีการนำเสนอภายใต้ “เรื่องสำคัญ” ผ่านงานศิลปะ 14 ผลงาน เพื่อก่อเกิดการตั้งคำถามกับเรื่องเป็นเรื่อง ไม่เป็นเรื่องบ้าง ที่ต่างคนต่างเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน นับเป็นความท้าทายของยุคสมัยที่การเปลี่ยนผ่านเดินทางทางไปรวดเร็วเหลือเกิน แต่ “ปัญหา” เดินทางข้ามเวลาเวียนซ้ำซากกัดกินชีวิต “ร้ายๆ” ของผู้คนมากมาย แต่กลับกันความร้ายๆ ของคนรุ่นใหม่ก็พยายามโต้กลับในหลายวิถีทาง เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าที่เป็น โดยได้จัดแสดงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ The Afterlife และ Some Space Gallery เชียงใหม่

ผลงานทุกชิ้นถักทอผ่านกระบวนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ เพื่อทำความเข้าใจทั้งตัวเองและเพื่อนๆ ในโครงการ เพื่อโฟกัส “ปัญหาร่วม” และ “เหตุการณ์” ที่ส่งผลต่อคนร่วมรุ่นไม่มากก็น้อย ทั้ง รัฐประหาร 2557 การประท้วงของคนรุ่นใหม่ในปี 2563-2564 ปัญหาการศึกษา ค่าแรงขั้นต่ำ(เตี้ยเรี่ยดิน) การย้ายถิ่นฐาน รัฐสวัสดิการ ระบบราชการ กฎหมาย ครอบครัว และระบบทุนนิยม

เราอยู่ตรงไหนในเรื่องพวกนี้?

“มันเป็นเสียงของคนเล็กๆ ที่นำเสนอเรื่องราวที่พบเจอจากปัญหาเล็กๆ จนพัฒนาเป็นการชี้ให้เห็นปัญหาอย่างน้อยมันอาจจะไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่ แต่เป็นกระบอกเสียงที่ทำให้คนตระหนักรู้มากขึ้น การสื่อสารและส่งเสียงผ่านงานศิลปะเพราะเราเชื่อว่าปัญหาที่เราเผชิญอยู่จะได้รับการแก้ไขหรือว่าอย่างน้อยพัฒนาในรูปแบบที่ดีขึ้น” ฮาเลย์บอกกับเรา

ทุนนิยมจึงเจ็บปวด

“อายุเพิ่ง 20 ต้นๆ แต่ต้องแบกรับอะไรเยอะมาก เพื่อจะอยู่ที่นี่ได้ เรารู้สึกว่าเรื่องค่าแรงเชียงใหม่ถูกพูดมาตลอด เราเลยคิดว่าควรนำเสนอให้เป็นผลงานที่มีความเป็นรูปธรรมให้เห็นว่ามันควรได้รับความสนใจจริงๆ อีกอย่างเชียงใหม่เป็นเมืองการศึกษามีมหาวิทยาลัยเยอะมาก แต่เด็กที่จบมากลับไม่มีงานทำกลายเป็นเมืองที่ส่งออกนักศึกษาแทนที่จะเป็นเมืองที่ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถมีชีวิตอยู่ในเมืองนี้ได้ ที่นี่มีอนาคตกับพวกเราหรือเปล่า?”

ปรินส์-นิธิอร กันแก้ว

คำตอบไม่เกินจริงของ ปรินส์-นิธิอร กันแก้ว ที่พูดถึง “ONE FOR DA WORK” ผลงานสื่อผสมจำลองชีวิต กับปัญหาค่าแรงขั้นต่ำในเชียงใหม่ที่นักศึกษาจบใหม่ต่างเผชิญชะตากรรมนี้ และผลักให้คนกลุ่มนี้ต้องเข้ากรุงเทพฯ อย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะอยากอยู่เชียงใหม่แค่ไหนก็ตาม

ขณะที่ภาพเคลื่อนไหว “นอกเขต” ของ ปัณณธร นรเทพ เองก็สะท้อนเสียงของบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่อยากไปทำงานในเมืองหลวง แต่ด้วยข้อจำกัดในตลาดแรงงานในภูมิภาคนั้นมีขนาดเล็กจึงบีบบังคับให้พวกเขาต้องเดินทางเข้าศูนย์กลางประเทศเพื่อการเติบโตในหน้าที่การงานและรายได้ที่มั่นคงกว่าถึงแม้จะไม่ได้อยากไปก็ตาม

เสียงเหล่านี้ถูกตอกย้ำด้วยผลงาน Installation Art “ทิ้งเงินแสนกลับบ้านเกิด” ของ กานต์ณัฐ ไชยคำมูล กับข้อมูลเชิงตัวเลข ที่ชี้ให้เห็นว่าผู้คนโยกย้ายเข้าสู่เมืองหลวงมีมากเท่าไหร่ ซึ่งในอีกด้านข้อมูลก็ฉายให้เห็นว่าในวัยเกษียณย้ายออกจากกรุงเทพฯ สะท้อนให้เห็นว่าเมืองเทพสร้างนี้มีคนย้ายเข้า-ออกอยู่เสมอ

และ “สวัสดิแกลบ” ที่เตะตาผู้คน ด้วยที่นอนหมอนมุ้ง งานเสียงและการจัดวางของ เดล-พิชญา ศิดารัตน์ ที่อธิบายความหวาดกลัวต่อวัยชราของผู้คน ต่อสวัสดิการในสังคมไทยที่ไม่มีความพร้อมที่จะรองรับกลุ่มผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพและผลักภาระในการดูแลตนเองเป็นของประชาชน

ใน “Despicable” ของ พัสวีภัค ปัญญาหลวง จะไม่ได้ถูกจัดแสดงร่วมกันกับ 4 ผลงานก่อนหน้าที่ Some Space โดยจัดแสดงที่ Afterlife แต่ในงานชิ้นนี้ก็ยังคงกล่าวถึงระบบเศรษฐกิจที่ถูกครอบงำโดยกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และมีอิทธิพลแทรกลงในทุกมิติชีวิต ประชาชนไม่สามารถหลีกหนีการบริโภคสินค้าเหล่านี้ที่แนบเนียนและกลายเป็นเรื่องปกติจนยอมรับการดำรงชีวิตเช่นนี้โดยไม่ตั้งคำถาม แม้ดูจะพูดเรื่องที่ใหญ่ขึ้นว่า 4 ชิ้นที่ผ่านมา แต่ก็กลมกลืนจนแทบจะมองเป็นเรื่องเดียวกัน รวมไปถึง “เทียนนิยม จำกัด” ที่ ไพลินลักษมี งามจิตต์ เองก็พูดถึงชีวิตในโลกทุนนิยมที่มีสูตรสำเร็จตายตัว วัยรุ่นคือกลุ่มคนที่ขับเคลื่อนชีวิตด้วยความฝันและเรียนรู้จากความผิดพลาด เหมือนเทียนที่แม้จะละลายแต่ก็สามารถหลอมกลับมาเป็นรูปทรงได้อีกครั้ง

ยถากรรมวิทยา

ครู ถือเป็นตัวแปรหลักในระบบการศึกษาที่สะท้อนว่าการเรียนนั้นมีคุณภาพหรือไม่ ผลงาน “ตารางสอน” ของ ธรรมมาภัทร ต่ายทอง นำเสนอบทบาทของครูที่แบกรับภาระนอกจากการสอน ที่ไม่ปรากฎในขอบเขตหน้าที่ แต่เป็นภาระอันยุ่งเหยิงที่บั่นทอนศักยภาพของครูหลายคนจนหมดไฟไปเส้นทางนี้

กลับมาที่ตัวของนักเรียนที่เผชิญปัญหาทางการศึกษาในหลายระดับ ถ้าเลือกคงอยากเรียนโรงเรียนชั้นนำแต่ไกลบ้าน? “ไม่ใช่ไม่อยากกลับ แต่กลับไม่ได้” งานภาพถ่ายและการจัดวางที่เป็นนำเสนอปัญหาของการศึกษาด้วยประเด็นการเดินทางไปเรียน โดย รัฐศาสตร์ คุณธรรมวรกุล เล่าถึงการกระจุกตัวของโรงเรียนที่อยู่ในเมือง และเด็กหลายคนที่ต้องดิ้นรนเพื่อถึงการศึกษาที่ดี ผลงานนำเสนอเรื่องราวกิจวัตรประจำวันบนรถสองแถวของนักเรียนขณะเดินทางไปโรงเรียน

ขณะที่ “อยู่อย่างยถากรรม” ของ ธนชิต คิรินทร์กุล นำเสนอการจัดพื้นที่กายภาพของมหา’ลัย ที่ส่งผลกระทบต่อนักศึกษาเนื่องจากข้อจำกัดมากมายที่คอยลดทอนความคิดสร้างสรรค์ งานชิ้นนี้จึงสะท้อนความกระจัดกระจายในหน้าที่ของมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนการเรียนรู้ของนักศึกษาที่ไม่ได้เป็นระบบมากเพียงพอ

ขณะที่ “ปฎิทินสองชั้น” ของ จตุรภัทร อุปมาณ และ ฮาเลย์ รสิตรา นามชัย ที่บันทึกเหตุการณ์ทางการเมืองไทยที่เกิดในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ช่วงปี 2563-2565 ที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ ผ่านการทำปฏิทินบันทึกการต่อสู้ทางการเมืองในรั้วมหา’ลัย

ฮาเลย์อธิบายว่าในขณะที่การเคลื่อนไหวและเหตุบ้านการเมืองเคลื่อนไปข้างหน้า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เองก็เคลื่อนไปเช่นกัน แต่ไม่ทราบว่าเคลื่อนไปในทิศทางไหน? ซึ่งก็เปิดไว้เป็นคำถามที่น่าคิดต่อ

คนร้ายๆ ในสังคมวายป่วง

งานส่วนตัวของ อังศุมาลิน พันธ์ผง เล่าผ่านเสียงและภาพในผลงาน “ลมหายใจของไอยเรศ” ที่สื่อว่าดนตรีไทยยังคงดำรงอยู่ในทุกๆ ห้วงอารมณ์ของผู้คนเหมือนหุ้นส่วนชีวิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความชอบความสนใจของปัจเจกก็ตาม 

กฎหมายและรัฐถือเป็นตัวกำหนดสิทธิในการจะมีชีวิตของประชาชนหลายๆ เรื่อง ผลงานพิมพ์ “c[‘8N” ของ จุ๊ย-ธีระพงษ์ สุระวัง เล่าถึงปัญหาของการระบุสัญชาติของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไร้เอกสารยืนยันตัวตนที่เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิการเป็นพลเมือง สวัสดิการ และรวมถึงสิทธิในฐานะมนุษย์ที่รัฐมองไม่เห็นโดยได้แรงบันดาลใจมาจาก “แม่”

จุ๊ย-ธีระพงษ์ สุระวัง 

“กฎหมายทำให้สิทธิความเป็นคน มันหายไปจากชีวิตของแม่ผม ทำไมการวัดค่าความเป็นมนุษย์หรือการที่จะได้รับสวัสดิการบางอย่าง ทำไมต้องเริ่มต้นจากการมีบัตรประชาชนหรือบัตรชมพู มันเป็นปัญหาเล็กๆ แล้วผมก็คุ้นเคยกับมันเลยเอามาเป็นแรงบันดาลใจในการผลิตเป็นผลงานชิ้นนี้” จุ๊ย กล่าว

ขณะที่ “กล่อมขวัญ” ของ ถลัชนันท์ วงค์ขันธ์ ก็สะท้อนถึงความเป็นแม่เช่นเดียวกับของจุ๊ย แต่โฟกัสไปที่แม่ในวัยที่ไม่พร้อม ซึ่งฉุดการใช้ชีวิตและความฝันไป  เนื่องจากสวัสดิการรัฐที่ไม่ครอบคลุมดูแลแม่และเด็ก ผ่านเพลงกล่อมเด็กและศิลปะจัดวางที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ

เชียงใหม่มีพื้นที่มากมายที่ถูกทิ้งและไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ ความอัดอั้นตันใจนี้ วรรินทร์ ประชุมชัย ถ่ายทอดออกมาเป็น “Built-up-town” ที่เล่าถึงพื้นที่ในเชิงกายภาพในจังหวัดเชียงใหม่นำเสนอผ่านแบบจำลองและสะท้อนว่ารัฐไม่ได้มีส่วนออกแบบเมืองเชียงใหม่ให้คุณภาพชีวิตที่ดีและไม่ได้สนับสนุนความสร้างสรรค์ในพื้นที่ถึงแม้จะชอบพูดแบบนั้นก็ตาม

ในขณะที่พวกเราเยี่ยมชมผลงานทั้งหมดจนเสร็จสิ้น เราต่างสัมผัสได้ถึงความร้ายในหลายมิติ

ความร้ายของสังคม ที่กำหนดให้เราร้าย? หรือเราร้ายกันน้อยไป..

จุ๊ยบอกกับเราว่าถ้าเงียบก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เป็นคนร้ายๆ ที่ทำให้คนฉุกคิดน่าจะมีประโยชน์กว่า

“งานที่พวกเราทำอ่ะ มันอาจจะไม่เห็นตอนนี้ แบบว่าสังคมเปลี่ยน คนเปลี่ยนเลยทันที แต่ของมันต้องมี เราต้องสื่อสาร ต้องแสดงความคิดที่เราเชื่อ เราคุยกับหลายคนไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเราแสดงมันมีอยู่จริงในสังคมนี้ เราต้องทำให้คนตระหนักขึ้น มันคือเรื่องของเราทุกคน”

รับชม Human ร้าย, Human Wrong Art Exhibition : “Youth Matters” ได้ที่ Some Space Gallery และ The Afterlife จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2568 โดยหลังจากวันที่ 1 มีนาคม ผลงานที่จัดแสดงที่ Some Space Gallery จะถูกนำไปรวมกับผลงานของเพื่อนๆ ที่ The Afterlife 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Human ร้าย, Human wrong

อย่าพลาด

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

ชาวกะเบอะดินจัดงาน ‘ครบรอบ 6 ปี คัดค้านเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย’ ยืนยันจะปกป้องผืนดินด้วยชีวิต

ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร เสียงตะโกน “เหมืองแร่ออกไป! เหมืองแร่ออกไป!” ดังก้องไปทั่วผืนนา บ้านกะเบอะดิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  11...

1.4 พันล้านบาท สรุปมูลค่าความเสียหายริมแม่น้ำกก-สาย-รวก จากวิกฤตสารพิษเหมืองแร่

แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก เป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤติมลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ความกังวลเรื่องคุณภาพน้ำและความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์เพิ่มสูงขึ้น พร้อมขยายผลกระทบไปยังโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาแม่น้ำเหล่านี้ Lanner ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤติการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก...

เมื่อ ‘เมืองน่าอยู่’ ยังไม่พอให้ใจได้พัก เด็กเชียงใหม่กับพื้นที่สร้างสรรค์ที่ยังหายไป 

เรื่องและภาพ: ธัญรดา หยุมปัญญา, ภีมราฎา เชื้อคำฟู, จตุรวิชญ์ แก้ววงค์วาน และอิทธิกร อรุณรัตน์ เชียงใหม่มักถูกพูดถึงเสมอว่าเป็น...

‘สุชาติ’ ลงพื้นที่แม่น้ำกก เร่งคลี่คลายพิษเหมืองแร่ปนเปื้อนด่วน คนริมกกสะท้อนรัฐเร่งเยียวยา ‘กัณวีร์’ แนะใช้กติกาโลกล้อมเมียนมา

ปัญหามลพิษจากเหมืองแร่ฝั่งเมียนมาที่ไหลปนเปื้อนลงแม่น้ำกกกำลังกลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสังคมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย สำนักข่าวชายขอบรายงานว่า 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...