“ใช้สิทธิทางการศึกษาไม่ได้บุกรุก” ศาลเชียงใหม่ยกฟ้องคดี ‘ทวงคืนหอศิลป์ มช.’

Date:

22 เมษายน 2568 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำพิพากษายกฟ้องคดี “ทวงคืนหอศิลป์ มช.” ซึ่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และอดีตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์เป็นผู้กล่าวหาดำเนินคดีฐานร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ต่อ ทัศนัย เศรษฐเสรี, ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ สองอาจารย์ภาควิชา Media Art and Design คณะวิจิตรศิลป์ และยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ บัณฑิตจากสาขาเดียวกัน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 จากกรณีกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์พยายามเข้าใช้พื้นที่หอศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อจัดแสดงผลงานนิทรรศการ MAD Festival ตามหลักสูตรศิลปนิพนธ์ แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการหอศิลป์ฯ ทำให้เกิดการตัดโซ่และเข้าใช้พื้นที่

จนเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 อาจารย์ทั้งสองคนพร้อมด้วยยศสุนทร ได้เดินทางไปยัง สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหา ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และ บุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น โดยมี อัศวิณีย์ หวานจริง อดีตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ เป็นผู้แจ้งความไว้ในวันเกิดเหตุ

ทั้งนี้ศาลเห็นว่า คณะกรรมการหอศิลป์ฯ พิจารณาล่าช้าเกินสมควร และการเข้าใช้พื้นที่ของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำที่มีเหตุอันสมควร ไม่ได้เป็นการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของมหาวิทยาลัย จึงพิพากษายกฟ้อง

ยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ หนึ่งในจำเลย เปิดเผยความรู้สึกหลังฟังคำพิพากษาว่าตนรู้สึกดีใจกับคำพิพากษา เนื่อกจากที่ผ่านมาตนต้องตื่นเช้าไปศาลเพื่อให้การและส่งเอกสาร ซึ่งทุกขั้นตอนนั้นรบกวนชีวิตการทำงานของเขาอย่างมาก

“จะได้ไปทำอย่างอื่นต่อเสียที เพราะตลอดที่ผ่านมา เราต้องตื่นแต่เช้าไปศาล ให้การ ทำเอกสาร ทุกอย่างมันกินพลังมาก เหมือนชีวิตหยุดอยู่แค่นั้น”

เขากล่าวว่า การต่อสู้ในคดีนี้ส่งผลต่อชีวิตส่วนตัว ทั้งการสมัครงานและการใช้ชีวิตทั่วไป พร้อมตั้งคำถามถึงเหตุผลในการตั้งคดีตั้งแต่ต้น ยศสุนทรยืนยันว่า สิ่งที่เขาและอาจารย์ทำ คือการแสดงออกทางวิชาการตามหลักสูตร เป็นสิทธิของนักศึกษาในการใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อจัดแสดงผลงานปลายภาคตามที่เคยเป็นมา ไม่ใช่การบุกรุกหรือทำลายทรัพย์สิน

“ดีใจครับ ดีกับทุกคน ดีกับศาล ดีกับผู้พิพากษาด้วย ที่ไม่ต้องมาทำคดีแบบนี้อีก” ยศสุนทร กล่าวส่งท้าย

ขณะที่ เปรมชัย (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้สังเกตการณ์คดี สะท้อนว่า คดีนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องข้อกฎหมาย แต่คือภาพสะท้อนของปัญหาเชิงโครงสร้างในมหาวิทยาลัย ที่เสรีภาพทางวิชาการถูกตีกรอบโดยอำนาจของฝ่ายบริหาร ซึ่งอาจมีแรงจูงใจทางอุดมการณ์หรือความขัดแย้งส่วนตัวแฝงอยู่

เขาระบุว่า ความพยายามนำเรื่องการจัดแสดงผลงานศิลปะไปสู่การฟ้องร้องคดีอาญา เป็นการใช้กฎหมายจัดการผู้เห็นต่างในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างน่ากังวล พร้อมตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการพื้นที่สาธารณะของสถาบันที่ควรเปิดกว้างต่อการเรียนรู้และการแสดงออกของนักศึกษา

“คดีแบบนี้มันไม่ควรต้องถึงศาลด้วยซ้ำ มันเป็นแค่การแสดงงานของนักศึกษา แต่กลับถูกทำให้กลายเป็นความผิดทางอาญา นี่คือการเปลี่ยนพื้นที่วิชาการให้กลายเป็นสนามอำนาจ” เปรมชัย กล่าว

เปรมชัยยังชี้ว่า การที่ศาลยกฟ้อง แม้จะน่ายินดี แต่ก็ไม่ได้ลบล้างความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา ทั้งในแง่ชื่อเสียง เวลา และทรัพยากร พร้อมเตือนว่า หากไม่จัดการปัญหาเชิงระบบ เสรีภาพในรั้วมหาวิทยาลัยจะยังคงเปราะบางต่อไป

“มันน่ายินดีที่เพื่อนเราไม่ต้องติดคุก แต่มันก็น่าหงุดหงิดเหมือนกัน ที่เรื่องแค่นี้กลับกลายเป็นคดีความ ทั้งที่มันควรเป็นเรื่องปกติในมหาวิทยาลัย” เปรมชัย ส่งท้าย

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ศาลเชียงรายนัดไต่สวน 2 ตัวแทนชุมชน หลังร้องเพลงซอคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะป่าหุ่ง ชาวบ้านย้ำแค่ปกป้องบ้านเกิด

ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร 1 ธันวาคม 2568 ที่ศาลจังหวัดเชียงราย พันโทสมเจต ช่างซอ หรือ...

เมืองเพื่อ ‘รถ’ หรือ ‘คน’ ทุ่ม 2–4 พันล้านแก้รถติดคันคลอง ชาวเชียงใหม่ถามกลับ “ออกแบบเพื่อใคร?”

เรื่อง: วรรณวิษา พะเลียง โครงการปรับปรุงถนนทางหลวงหมายเลข 121 หรือ ‘ถนนคันคลองชลประทาน’ ของกรมทางหลวง กลายเป็นประเด็นร้อนด้านผังเมืองครั้งใหญ่ของเชียงใหม่ หลังรัฐเสนอใช้งบประมาณกว่า...

กฎหมายเปิดเเต่สิทธิยังติดขัด วงสนทนาเครือข่ายยุติการตั้งครรภ์ในเชียงใหม่ กับกำแพงอคติที่ต้องฝ่าไป

เรื่อง: วรรณวิษา พะเลียง ภาพ: พิมลวรรณ ปานทุ่ง 23 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิทำทาง ร่วมกับสองสถานบริการทำแท้งปลอดภัยในจังหวัดเชียงใหม่...

ละลานล้านนา: ‘เจี้ย’ เรื่องเล่าสั้นๆ ที่มากไปกว่านิทานพื้นบ้านล้านนาแค่การสะท้อนนัยยะทางการเมือง

เรื่อง: ปวีณา หมู่อุบล มีผู้กล่าวไว้ว่าหากพูดถึง “เจี้ย” หรือ “เจี้ยก้อม” กับคนล้านนาแล้ว ก็จะรู้กันดีว่าหมายถึงเรื่องเล่าขนาดสั้นๆ ทั้งนี้ก็เพราะเจี้ยเป็นสิ่งที่อยู่ในวิถีชีวิตของชาวล้านนามาอย่างยาวนาน...