Blood Money Campaign เรียกร้องทั่วโลกหยุดใช้ “ความช่วยเหลือ” เป็นอาวุธ ชี้ทหารเมียนมาใช้โจมตีพลเรือน ซ้ำเติมวิกฤตแผ่นดินไหว

ภาพ : Blood Money – သွေးစွန်းငွေ

8 มิถุนายน 2568 ขบวนการ Blood Money Campaign ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย “STOP the Weaponization of Aid (STOP WoA)” ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประชาคมโลก องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงรัฐบาลอาเซียน จีน และอินเดีย ยุติการสนับสนุนคณะเผด็จการทหารเมียนมาในทุกรูปแบบ พร้อมเตือนว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกำลังถูกใช้เป็น “อาวุธ” ในสงครามที่กองทัพเมียนมาทำกับประชาชนของตนเอง

คำประกาศมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่องในเมียนมา โดยเฉพาะการโจมตีทางอากาศในหลายพื้นที่ ซึ่งรวมถึงรัฐกะเหรี่ยง รัฐฉาน และเขตซะกาย ที่เพิ่งประสบแผ่นดินไหวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา วิกฤตภัยธรรมชาติครั้งนี้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อหมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกล แต่กลับพบว่าการช่วยเหลือจากนานาชาติจำนวนมากถูกผูกขาดโดยรัฐบาลทหาร ทำให้การเข้าถึงขององค์กรภาคประชาสังคมแทบเป็นไปไม่ได้

ขณะเดียวกัน กลุ่มสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ความช่วยเหลือบางส่วนถูกบิดเบือนเพื่อใช้เสริมความชอบธรรมให้กับคณะรัฐประหาร และในบางกรณียังถูกนำไปสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารอีกด้วย

ในแถลงการณ์ล่าสุด Blood Money Campaign เสนอข้อเรียกร้องหลัก 4 ข้อ เพื่อหยุดการใช้ “ความช่วยเหลือ” เป็นเครื่องมือสงคราม ได้แก่:

1.ยุติการสนับสนุนโดยตรงต่อคณะเผด็จการทหารเมียนมา เรียกร้องให้อาเซียน จีน และอินเดีย ยกเลิกความช่วยเหลือทุกรูปแบบที่ไม่มีการตรวจสอบโปร่งใส โดยเตือนว่ารัฐบาลที่ยังคงสนับสนุนถือว่ามีส่วนร่วมในอาชญากรรมของเผด็จการ

2.ความช่วยเหลือต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดเผยต่อสาธารณะ

ต้องจัดตั้งกลไกตรวจสอบอิสระ พร้อมเปิดเผยข้อมูลการจัดสรรและการใช้เงินช่วยเหลือต่อประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพนำไปใช้ในวาระทางการเมืองหรือการทหาร

3.ส่งความช่วยเหลือผ่านช่องทางข้ามพรมแดน โดยร่วมมือกับ NUG, EROs และภาคประชาสังคม

เพื่อให้ความช่วยเหลือไปถึงผู้ประสบภัยจริง โดยหลีกเลี่ยงการบิดเบือนหรือแทรกแซงจากคณะทหาร

4.คว่ำบาตรการขนส่งเชื้อเพลิงการบินเข้าสู่เมียนมาอย่างเบ็ดเสร็จ

เรียกร้องให้ประเทศตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป เร่งออกมาตรการคว่ำบาตรบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและลำเลียงเชื้อเพลิงการบิน เพื่อยุติการโจมตีทางอากาศที่คร่าชีวิตพลเรือนจำนวนมาก

ทั้งนี้ ตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 กองทัพเมียนมายังคงใช้กำลังทหารอย่างต่อเนื่องต่อประชาชน โดยมีรายงานการสังหารและบังคับพลัดถิ่นหลายแสนคน ขณะที่องค์กรด้านมนุษยธรรมภาคประชาชนในประเทศถูกจำกัดบทบาทอย่างหนัก และมีความพยายามแทรกแซงจากฝ่ายทหารในการควบคุมกระบวนการช่วยเหลือ

Blood Money Campaign ย้ำว่า การปฏิเสธที่จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่เอื้อให้ความช่วยเหลือกลายเป็นเครื่องมือกดขี่ คือจุดยืนสำคัญของประชาคมโลกในเวลานี้ พร้อมเปิดให้ประชาชนทั่วโลกร่วมลงชื่อและติดตามการเคลื่อนไหวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของขบวนการ

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง