เหมืองแร่แรร์เอิร์ธเมืองป้อก รัฐฉาน ขยายตัว 8 เท่าใน 10 ปี เสี่ยงสารพิษปนเปื้อนแหล่งน้ำ–คุกคามสุขภาพชุมชน

19 มิถุนายน 2568 มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (SHRF) เปิดเผยหลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด ชี้ให้เห็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในพื้นที่เมืองป้อก (Pauk Township) ทางตอนเหนือของเขตกองทัพว้า (UWSA) รัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยจำนวนเหมืองเพิ่มขึ้นจาก 3 แห่งในปี 2558 เป็น 26 แห่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่าในรอบ 10 ปี

พื้นที่เหมืองแร่ดังกล่าวตั้งอยู่ในภูเขาทางใต้ของเมืองป้อก ห่างจากชุมชนเพียง 3–4 กิโลเมตร โดยหนึ่งในเหมืองเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้ลำน้ำปาย ซึ่งไหลผ่านพื้นที่เกษตรและชุมชนหลายแห่ง ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อการปนเปื้อนของแหล่งน้ำและผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหลายพันคนในพื้นที่

ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมและภาพวีดีโอที่คนงานในเหมืองเมืองป้อกถ่ายออกมา ทำให้เห็นว่า การทำเหมืองในเมืองป้อกใช้วิธี “ชะละลายในดิน” (in situ leaching) เพื่อสกัดสินแร่หายาก โดยในกระบวนการชะละลาย จะเทสารเคมีผ่านท่อเข้าไปในภูเขา เพื่อสกัดแร่แรร์เอิร์ธออกจากดิน สารเคมีเหล่านี้จะถูกปล่อยทิ้งผ่านท่อไปสู่สระน้ำ ก่อนจะเติมสารเคมีอื่นๆ ในกระบวนการแยกแร่ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของสารพิษสู่แหล่งน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินโดยตรง อีกทั้งยังคุกคามต่อสุขภาพและการประกอบอาชีพของชุมชนซึ่งอาศัยอยู่ด้านท้ายน้ำของเหมือง

เหมืองแร่แรร์เอิร์ธในพื้นที่เมืองป้อกตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำสายหลักสองสายในภาคตะวันออกของรัฐฉาน คือแม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำโขง โดยน้ำจากเหมืองแร่ไหลลงทางทิศตะวันตกไปบรรจบกับแม่น้ำสาละวินในรัฐฉาน ส่วนทางตะวันออกไหลไปบรรจบกับแม่น้ำโขงบริเวณพรมแดนรัฐฉาน-ประเทศลาว แต่ไม่ไหลย้อนขึ้นไปสู่ฝั่งจีน การปนเปื้อนจึงส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายแดนเมียนมา–ลาวอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ได้ส่งผลต่อประเทศจีนแต่อย่างใด 

มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ ตั้งข้อสังเกตว่า เหมืองแร่แรร์เอิร์ธในเมืองป้อกไม่ปรากฏอยู่ในรายชื่อเหมืองที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลทหารเมียนมา (SAC) ตามเอกสารล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาจมีการดำเนินกิจการเหมืองแร่โดยไม่ผ่านกลไกของรัฐกลาง แต่เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพว้า (UWSA) และกลุ่มทุนจีน ที่สามารถลำเลียงแร่แรร์เอิร์ธข้ามแดนเข้าสู่ประเทศจีนได้โดยตรง

สถานการณ์นี้แตกต่างจากพื้นที่ทางตอนใต้ของกองทัพว้า ซึ่งติดกับพรมแดนไทย โดยกิจกรรมเหมืองยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเมียนมา และต้องผ่านกระบวนการอนุญาตอย่างเป็นทางการ เช่น เหมืองที่เมืองยอนซึ่งเพิ่งถูกเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้

เมืองป้อก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงของกองทัพว้าอย่างปางซางเพียง 25 กิโลเมตร เคยเป็นศูนย์กลางการเกษตรของชาวลาหู่และไทใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ลงทุนของกลุ่มทุนจีนในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โดยมีการสร้างตึกสูงและพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว ภายใต้สถานะ “เขตพัฒนาพิเศษ” ตามที่รายงานในเอกสารของ SHRF เรื่อง “ติดกับดักนรก” (Trapped in Hell)

รายงานฉบับดังกล่าวยังเปิดเผยว่า เมืองป้อกเคยเป็นศูนย์กลางของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ ก่อนที่ทางการจีนจะเข้าไปปราบปรามอย่างจริงจังในช่วงปลายปี 2566

การขยายตัวของเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในพื้นที่นอกเหนืออำนาจรัฐกลาง ทำให้เกิดข้อกังวลต่ออนาคตของรัฐฉานทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สิทธิชุมชน และเสถียรภาพของภูมิภาค ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของทุนจีนในเขตอิทธิพลของกองกำลังชาติพันธุ์ในเมียนมา ซึ่งอาจทวีความซับซ้อนและเปราะบางยิ่งขึ้นในอนาคต

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง