แก้ปัญหาสารพิษแม่น้ำกก-สายยังไม่คืบ ชาวเชียงรายรวมตัวจัด “ปอยหลวงเพื่อแม่น้ำ” จี้รัฐเร่งเจรจาปิดเหมืองต้นน้ำ-ตั้งศูนย์ตรวจสารปนเปื้อน

Date:

ภาพ: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

สถานการณ์มลพิษจากสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายยังไร้ความคืบหน้า ชาวเชียงรายจึงนัดรวมตัวอีกครั้งในกิจกรรม “ปอยหลวงเพื่อแม่น้ำกก สาย รวก โขง” วันที่ 21 มิถุนายน 2568 ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย เพื่อเรียกร้องให้รัฐเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการปิดเหมืองแร่ผิดกฎหมายบริเวณรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีนักลงทุนจีนอยู่เบื้องหลัง

รักษ์ดาว พริชาร์ด ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก โขง เปิดเผยว่า นอกจากเวทีวิชาการและการฟังเสียงประชาชน กิจกรรมครั้งนี้ยังมีนิทรรศการศิลปะ “เมื่อธาราเปลี่ยนสี” และกาดศิลปิน เพื่อสะท้อนปัญหาน้ำเปลี่ยนสีและสารพิษในแม่น้ำผ่านศิลปะและวัฒนธรรม

ในเวทีวิชาการมีผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาร่วมให้ข้อมูล อาทิ พระมหานิคม มหาภินิกขมฺโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน เชียงใหม่, บัณฑิตย์ พันธ์พลากร ประธานสภาเทศบาล เวียงพางคำ แม่สาย, เวสารัช โสภณดิเรกรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และชลาลัย นาสวนสุวรรณ ตัวแทนชุมชนคลิตี้ที่เคยเผชิญปัญหาสารพิษในลำห้วย

ช่วงเย็นจะเปิดเวทีฟังเสียงประชาชน โดยมี เตือนใจ ดีเทศน์ อดีต ส.ว.เชียงราย, ศยามล ไกรยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมตัวแทนชาวบ้าน เกษตรกร และเยาวชน ร่วมสะท้อนปัญหา พร้อมเชิญเอกอัครราชทูตจีนหรือผู้แทนเข้าร่วมรับฟัง

ด้าน สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ระบุว่ารัฐบาลยังแก้ปัญหาล่าช้า โดยเฉพาะการตั้งศูนย์ตรวจสอบสารโลหะหนักถาวรในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังทั้งน้ำ ดิน คน และห่วงโซ่อาหาร พร้อมวิจารณ์แนวทางภาครัฐ เช่น การให้เกษตรกรใส่ปูนขาวปรับน้ำ ว่าไม่สามารถทำได้จริง และเสนอให้งดทำนาปีในพื้นที่เสี่ยง พร้อมจ่ายค่าชดเชยที่เหมาะสม

เขายังชี้ว่ารัฐควรเร่งจัดหาน้ำสะอาดให้เรือนจำดอยฮาง ซึ่งมีนักโทษกว่า 4,000 คนยังต้องใช้น้ำปนเปื้อน และย้ำว่าการสร้างฝายดักตะกอนไม่มีงานวิจัยรองรับ อาจซ้ำเติมปัญหาเหมือนกรณีลำห้วยคลิตี้ พร้อมเรียกร้องให้เปลี่ยนแนวทางเจรจากับเมียนมา ปิดเหมืองแร่ต้นน้ำให้เด็ดขาด เพราะแนวทางที่ใช้กลไกทางการทูตและความมั่นคงในปัจจุบันไม่ได้ผล

จับตาเขื่อนปากแบง ชาวบ้านห่วงซ้ำเติมปัญหาสารพิษ

ขณะเดียวกัน ที่ศาลาประชาคมบ้านปากอิง อำเภอเชียงของ มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการเขื่อนปากแบง (Pak Beng HPP) ของ สปป.ลาว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไทยเพียง 97 กิโลเมตร โดยผู้พัฒนาโครงการยืนยันว่าเป็นเขื่อนทดน้ำแบบ Run Off River มีมาตรการลดผลกระทบ เช่น ประตูระบายน้ำ ช่องทางผ่านปลา และการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนตามมาตรฐานคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC)

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยังคงกังวล โดยเฉพาะผลกระทบจากน้ำเท้อและสารโลหะหนักที่ไหลรวมจากต้นน้ำผ่านแม่น้ำกก รวก และโขง อาจทำให้บริเวณเหนือเขื่อนกลายเป็น “อ่างเก็บน้ำพิษ”

เพียรพร ดีเทศน์ จากองค์กร International Rivers เรียกร้องให้ชะลอโครงการและสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ออกไปก่อน เพื่อเร่งแก้ปัญหาสารพิษจากต้นน้ำ ขณะที่ตัวแทน กสม. เสนอให้จัดทำแบบจำลองน้ำเท้ออย่างละเอียดและโปร่งใสให้ประชาชนรับรู้

นอกจากนี้ ในการประชุมที่บ้านยายเหนือ อ.เวียงแก่น ชาวบ้านต่างเรียกร้องมาตรการเยียวยาที่ชัดเจน หากโครงการเขื่อนส่งผลกระทบ โดยติดป้ายประกาศจุดยืน “เราไม่เอาน้ำท่วม ไม่เอาน้ำเท้อ” และ “ส้มโอคือชีวิตคนเวียงแก่น”

สทนช.ลงพื้นที่เชียงราย เล็งดันเป็นจังหวัดนำร่องบริหารจัดการน้ำ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำใน จังหวัดเชียงราย พร้อมชื่นชมจังหวัดเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนอย่างดี และเสนอให้เชียงรายเป็นจังหวัดนำร่องด้านบริหารจัดการน้ำทั้งในเชิงป้องกันและปฏิบัติการ โดยรับข้อเสนอเรื่องเครื่องดูดโคลนไปพิจารณาเพิ่มเติม

คณะฯ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และพนังกั้นน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร เพื่อแก้ปัญหาน้ำหลากและคุณภาพน้ำ แต่ปัญหาสารพิษจากต้นน้ำที่ไหลข้ามพรมแดน ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ยังไร้มาตรการแก้ไขที่ชัดเจน

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

ชาวกะเบอะดินจัดงาน ‘ครบรอบ 6 ปี คัดค้านเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย’ ยืนยันจะปกป้องผืนดินด้วยชีวิต

ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร เสียงตะโกน “เหมืองแร่ออกไป! เหมืองแร่ออกไป!” ดังก้องไปทั่วผืนนา บ้านกะเบอะดิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  11...

1.4 พันล้านบาท สรุปมูลค่าความเสียหายริมแม่น้ำกก-สาย-รวก จากวิกฤตสารพิษเหมืองแร่

แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก เป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤติมลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ความกังวลเรื่องคุณภาพน้ำและความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์เพิ่มสูงขึ้น พร้อมขยายผลกระทบไปยังโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาแม่น้ำเหล่านี้ Lanner ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤติการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก...

เมื่อ ‘เมืองน่าอยู่’ ยังไม่พอให้ใจได้พัก เด็กเชียงใหม่กับพื้นที่สร้างสรรค์ที่ยังหายไป 

เรื่องและภาพ: ธัญรดา หยุมปัญญา, ภีมราฎา เชื้อคำฟู, จตุรวิชญ์ แก้ววงค์วาน และอิทธิกร อรุณรัตน์ เชียงใหม่มักถูกพูดถึงเสมอว่าเป็น...

‘สุชาติ’ ลงพื้นที่แม่น้ำกก เร่งคลี่คลายพิษเหมืองแร่ปนเปื้อนด่วน คนริมกกสะท้อนรัฐเร่งเยียวยา ‘กัณวีร์’ แนะใช้กติกาโลกล้อมเมียนมา

ปัญหามลพิษจากเหมืองแร่ฝั่งเมียนมาที่ไหลปนเปื้อนลงแม่น้ำกกกำลังกลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสังคมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย สำนักข่าวชายขอบรายงานว่า 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...