เรื่อง : วิชชากร นวลฝั้น
ภาพ : Khelang United
หากติดตามข่าววงการลูกหนังไทยลีกในช่วงนี้ หลายคนคงเห็นข่าวการอำลาแฟนบอลของสโมสร ‘ลำปาง เอฟซี’ หลังจากที่กลุ่มทุน ‘พิชญ’ ได้ถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนหลัก และทางสโมสรได้เปลี่ยนทีมบริหารยกชุด โดยมีข่าวลือหนาหูว่าเป็นทีมบริหารจาก ‘พัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด’ ต่อด้วยการประกาศของดส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในฤดูกาล 2568-69 โดยให้เหตุผลว่ากำลังปรับโครงสร้างฝ่ายบริหารทำให้ต้องพักการทำทีมไปก่อน ทำเอาแฟนบอลต่างเสียงใจและผิดหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้ว่าสโมสรฟุตบอลลำปาง เอฟซี ไม่ได้ไปต่อในฤดูกาลหน้า แต่เมืองรถม้าอย่างนครลำปาง ยังไม่สิ้นไม้เด็ดที่มาแรงและน่าจับตามอง นั่นก็คือสโมสรฟุตบอล ‘เขลางค์ ยูไนเต็ด’ โดยในฤดูกาลล่าสุดทีมได้ทำผลงานไว้ที่อันดับ 4 ในระดับไทยลีก 3 รอบแชมเปี้ยนส์ลีก กลุ่มเอ
Lanner Joy ชวนคุยกับ บอสเก่ง-กิตติพงษ์ เทพคำ ประธานสโมสรฯ และ อ้ายแม็ก-นรินทร์ พันธ์เขียว ผู้จัดการสโมสรฟุตบอลเขลางค์ ยูไนเต็ด ผู้ที่อยากเห็นเยาวชนและนักฟุตบอลท้องถิ่นลำปางโลดแล่นในวงการลูกหนังในระดับอาชีพ
ทำไมต้อง ‘เขลางค์’ และพญาไก่ขาว?
บอสเก่ง เล่าว่า เดิมทีในอดีตเมืองลำปางมีชื่อเรียกหลายหลายชื่อ ซึ่งเขลาค์นครก็เป็นหนึ่งชื่อตามตำนานของเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีทีมใหญ่ดั้งเดิมของลำปางอย่างลำปาง เอฟซีที่ใช้ชื่อลำปางไปแล้ว เลยเลือกใช้ชื่อว่าเขลางค์ที่มีความหมายสื่อถึงเมืองลำปางแทน
ส่วนตราสัญลักษณ์พญาไก่ขาวก็เช่นเดียวกัน นอกจากจะมีรถม้าที่เป็นจุดเด่นของเมืองลำปางแล้ว ยังมีไก่ขาวเป็นสัตว์ในตำนานของเมืองและเป็นตราประจำจังหวัดลำปาง ด้วยเหตุนี้เองทำให้สโสรเขลางค์ ยูไนเต็ดขึงเลือกใช้พญาไก่ขาวเป็นตราสัญลักษณ์ของทีม
จากบอลเดินสาย สู่ทีมระดับอาชีพ
“ถ้าหื้อย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นหมู่เฮา (เขลางค์ ยูไนเต็ด) ถือว่ากำเนิดมาจากฟุตบอลเดินสาย” อ้ายแม็กเริ่มเล่าย้อนความเป็นมาของทีมด้วยคำเมือง
อ้ายแม็ก เล่าว่า ก่อนที่มาเป็นเขลางค์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลในระดับอาชีพ เราเริ่มต้นจากการเป็นทีมฟุตบอลเดินสาย ตระเวนแข่งทั่วภูมิภาค ไม่ว่าจะในภาคเหนือ ภาคกลาง อีสาน ตะวันออก หรือภาคใต้ กวาดรางวัลและประสบการณ์มามากมาย กระทั่งเมื่อปี 2563 เกิดจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เมื่อบอสเก่ง คิดอยากจะฟอร์มทีมนักเตะเดินสายในท้องถิ่นเพื่อส่งแข่งขันในระดับฟุตบอลอาชีพ ก็เลยเกิดเขลางค์ ยูไนเต็ดขึ้นอย่างเป็นทางการ ทั้งยังส่งทีมลงแข่งในระดับไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก โซนภาคเหนือ ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลระดับกึ่งอาชีพ เพื่อคัดเลือกทีมที่จะได้ไปแข่งขันฟุตบอลอาชีพในระดับไทยลีก 3 แต่ในช่วงเวลานั้นเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถทำการแข่งขันในปีนั้นได้ กว่าจะได้เริ่มจริงจัง ก็ปี 2564 และจบฤดูกาลแข่งขันในปี 2565 ในอันดับที่ 3 ทำให้ยังไม่สามารถคว้าตั๋วเลื่อนชั้นไปในระดับไทยลีก 3 ได้
แม้ว่าจะไม่สำเร็จในปีแรก แต่พวกเขาก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม ในปี 2566 เขลางค์ ยูไนเต็ดเข้าร่วมแข่งขันไทยแลนด์ เซมิโปรลีก โซนภาคเหนือ (เปลี่ยนชื่อจากไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก) โดยเข้าถึงรอบชิงแชมป์ประเทศไทยโซนบน และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 1 ถือเป็นความสำเร็จของเขลางค์ ยูไนเต็ดที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก 3 อย่างเป็นทางการ
“จํ๋าได้ว่าตอนหั้นเฮาสูสีกับพิจิตร ไล่บี้กั๋นมาจ๋นนาทีสุดท้ายที่เฮาสามารถชนะพิจิตรได้ เฮาทำต๋ามความฝันได้” อ้ายแม็กเล่าด้วยความภูมิใจในช่วงเวลานั้น
อ้ายแม็ก เล่าต่อว่า ปีแรกที่เขลางค์ ยูไนเต็ดแข่งขันในระดับไทยลีก 3 ถือว่าล้มลุกคลุกคลานพอสมควร เนื่องจากสโมสรฯ ยังเป็นมือใหม่ในระดับฟุตบอลอาชีพ รวมไปถึงการหาผู้สนับสนุนก็มาจากกลุ่มคนที่สนใจในฟุตบอลท้องถิ่นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอดีตนักฟุตบอล ผู้ฝึกสอนมากประสบการณ์ สปอนเซอร์จากธุรกิจในท้องถิ่น ร่วมแรงร่วมใจโดยไม่สนค่าตอบแทน หวังเพียงให้ทีมอยู่ในระดับที่สูงขึ้น และแล้วในปีแรกที่แข่งไทยลีก 3 ฤดูกาลที่ 2566-2567 เขลางค์ ยูไนเต็ดจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 8 ซึ่งถือว่าไม่ได้แย่สำหรับการหาประสบการณ์
ต่อมาในฤดูกาลที่ 2567-2568 ทีมเริ่มมีผลงานที่น่าพอใจด้วยการจบอันดับที่ 2 ในรายการไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ และได้เข้าไปแข่งขันต่อในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก กลุ่มเอ เพื่อค้นหาทีมที่จะได้ตั๋วเลื่อนชั้นไปไทยลีก 2 แต่ท้ายที่สุดก็ยังไปไม่ถึงฝันด้วยการจบฤดูกาลในอันดับที่ 4
“ในมุมของคนตางนอก กึดว่าเฮาเติบโตเร็วเพราะผลงาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สโมสรของเฮาทำงานกั๋นแบบก่อยๆ ก้าวไปที่ละก้าว บะได้ต้องก๋านหื้อมันก้าวกระโดด” อ้ายแม็กเล่าถึงความตั้งใจในการคุมทีม
เป้าหมายแรกหลังจากที่เขลางค์ ยูไนเต็ดได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก 3 ตั้งเป้าไว้ว่าต้องไม่ตกชั้น ซึ่งก็จบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 8 พอในฤดูกาลถัดมา ได้เปลี่ยนเป้าหมายคือต้องจบฤดูกาลไม่ตํ่ากว่าอันดับที่ 5 ซึ่งก็จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 2 ในรอบแบ่งโซน และจบอันดับที่ 4 ในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก โดยในฤดูกาลที่จะถึงนี้ทางทีมก็ได้ตั้งเป้าหมายสูงขึ้นเล็กน้อย ด้วยการที่จะต้องจบฤดูกาลไม่ตํ่ากว่าอันดับที่ 4 ในรอบแบ่งโซน และหากเข้าสู่รอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้อีกครั้งก็ยิ่งเป็นผลดีต่อทีม โดยรวมแล้วถือว่าทีมเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่จะพยายามให้ไม่ตกลงจากเดิม
ยกระดับบอลท้องถิ่น สู่เวทีอาชีพ
“ถ้าเฮาผลักดันนักบอลเดินสายเหล่านี้ หื้อเป็นนักบอลอาชีพได้ นั่นถือว่าเป็นความภาคภูมิใจ๋ของเฮา” บอสเก่งอธิบายด้วยความภูมิใจ
บอสเก่ง อธิบายว่า การเข้ามาทำสโมสรฟุตบอลในระดับอาชีพแน่นอนว่าต้องแตกต่างกับฟุตบอลเดินสาย ไม่ว่าจะการดูแลนักฟุตบอลเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ต้องจัดการอย่างมืออาชีพ ที่สำคัญคือการทำรายรับรายจ่ายของสโมสรที่จะต้องดูแลจัดการเป็นระบบ อีกทั้งสโมสรยังต้องทำให้นักฟุตบอลเหล่านี้หล่อเลี้ยงตัวเองได้ ซึ่งต่างกับฟุตบอลเดินสายที่เน้นแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลหรือเพื่อความสนุกเฮฮา
ส่วนความสนุกของฟุตบอลอาชีพเป็นเรื่องการเข้ามาอยู่กฎระเบียบจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นความสนุกและท้าทาย กฎระเบียบเป็นแบบมืออาชีพและเป็นสากลเหมือนเวลาเราดูฟุตบอลในลีกต่างประเทศ อีกทั้งการที่พานักเตะเดินสายเหล่านี้ให้เข้ามาสู่วงการนักฟุตบอลอาชีพได้ นับว่าเป็นความภูมิใจหนึ่งของสโมสรท้องถิ่นเล็กๆ แบบนี้
ทำไมต้องนักบอลท้องถิ่น?
“นักฟุตบอลท้องถิ่น ถือเป็นอุดมการณ์ของสโมสรเฮา เฮาทำทีมขึ้นมาเหมือนเป๋นเวทีที่หื้อละอ่อนในท้องถิ่นได้แสดงฝีเท้า” อ้ายแม็กอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกใช้นักเตะท้องถิ่น
อ้ายแม็ก อธิบายว่า ที่เน้นนักฟุตบอลท้องถิ่นเป็นหลัก เพราะเดิมทีนักฟุตบอลเหล่านี้ต้องเร่ร่อนหาทีมเพื่อที่จะได้ลงแข่ง ทีนี้พอมีสโมสรเขลางค์ ยูไนเต็ดเราก็ได้เล็งเห็นช่องว่างตรงนี้ ผสมกับอุดมการณ์ของสโมสรที่อยากผลักดันนักฟุตบอลในลำปางได้เล่นฟุตบอลอาชีพ และอยากให้พวกเขาได้สัมผัสกับระบบของความเป็นมืออาชีพ ทั้งการรักษาสภาพร่างกาย การฝึกซ้อม การสร้างวินัยแบบนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งแตกต่างกับการแข่งขันฟุตบอลเดินสายที่พวกเขาเคยสัมผัสมา
“เป้าหมายต่อไปของเฮาคืออยากหื้อมีละอ่อนลำปางทุกอำเภอ อยู่ในสโมสรเขลางค์ ยูไนเต็ด” อ้ายแม็กยังคงเล่าด้วยนํ้าเสียงที่หนักแน่น
บอสเก่ง และอ้ายแม็ก ตั้งเป้าไว้ว่าอีก 3 ปีข้างหน้าสโมสรต้องมีนักฟุตบอลจากทุกอำเภอในจังหวัดลำปาง อย่างน้อยที่สุดคืออำเภอละ 1 คน ซึ่่งจังหวัดลำปางมีทั้งหมด 13 อำเภอ นั่นหมายความว่านักบอลในสโมสรอย่างน้อย 13 คน ต้องมาจากอำเภอไม่ซํ้ากัน สิ่งนี้เองที่ทำให้สโมสรฟุตบอลเขลางค์ ยูไนเต็ดเป็นเสมือนเวทีท้องถิ่นในการแสดงฝีเท้าเพื่อก้าวเข้าสู่อาชีพนักฟุตบอล อีกทั้งยังมีการประสานกับทางโรงเรียนในการมองหาเยาวชนที่มีทักษะฝีเท้ายอดเยี่ยม ที่สำคัญคือในจังหวัดลำปางมีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตลำปาง และโรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง ซึ่งทางสโมสรได้ให้ทีมสตาฟติดตามชักชวนนักเตะที่มีฝีเท้าดีมาเข้าทีมอยู่เสมอ
“ละอ่อนลำปางที่มาเล่นฟุตบอลเหล่านี้เป็นละอ่อนที่น่าฮัก เป็นละอ่อนมีความตั้งใจ๋และมีความมุ่งมั่น” อ้ายแม็กพูดด้วยนํ้าเสียงชื่นชม
อ้ายแม็ก เล่าถึงปัญหาว่า เยาวชนในท้องถิ่นมักมีปัญหาเวลาที่พวกเขาเหล่านี้ต้องเข้าสู่ระบบ ไม่ว่าจะการเรียนหรือการเล่นฟุตบอลที่ต้องฝึกซ้อมเป็นประจำ หรือมีกฎระเบียบและวินัยที่เคร่งครัด มักทำให้ความพยายามในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพลดลง แต่ถ้าหากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเยาวชนในสโมสรเขลางค์ ยูไนเต็ด ที่มุ่งมั่นและสร้างผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกเขาตั้งใจเดินในเส้นทางนี้อย่างแท้จริง
ถ้าโครงสร้างสโมสรในท้องถิ่นแข็งแรงบอลไทยจะมีโอกาสไปบอลโลกมั้ย?
“ความจริงแล้วโครงสร้างฟุตบอลในบ้านเฮาค่อนข้างแข็งแรงอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นปัญหาแต้ๆ เลยคือการปลูกฝังตั้งแต่เป๋นละอ่อน” อ้ายแม็กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาของฟุตบอลไทย
แม้ว่าในไทยจะมีอะคาเดมีกว่า 130 แห่งที่ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลไทย โดยมีโครงการพัฒนาต่อยอดศักยภาพและเรียนรู้มาตรฐานการเล่นฟุตบอลจากเอเอฟซีและฟีฟ่า ซึ่งมีเป้าหมายให้เยาวชนและผู้ฝึกสอนมีความเข้าใจในการเล่นกีฬาที่ถูกต้องและเข้าถึงโลกฟุตบอลมืออาชีพได้ทุกระดับ แต่แม้การฝึกสอนและฝึกซ้อมจะเป็นไปตามมาตรฐานการเล่นฟุตบอลระดับสากล การปลูกฝังความคิดเรื่องฟุตบอลในเด็กก็เป็นสิ่งสำคัญ
อ้ายแม็ก แสดงความเห็นว่า ผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลส่วนใหญ่ขาดความจริงจังในการปลูกฝังเรื่องฟุตบอลให้กับเด็ก เนื่องจากพอถึงช่วงเวลาหนึ่งที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เยาวชนที่เคยเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังก็ต้องเลือกทางเดินของชีวิต ซึ่งเด็กและผู้ปกครองส่วนใหญ่อาจมองว่าอาชีพนี้ไม่มั่นคง อีกทั้งยังขาดตัวอย่างที่จะเป็นแรงบรรดาลใจให้กับเด็กและผู้ปกครองในการสนับสนุนให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพทำให้หลายคนที่เคยมีความตั้งใจที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพก็เลือนหายไปจากวงการ ท้ายที่สุดจากเด็กที่มีแวว 1000 คน อาจจะเหลือแค่ 10 คนที่เป็นนักบอลอาชีพ ความหลากหลายของฝีเท้าก็หายไปด้วย ทั้งหมดนี้อาจเป็นเหตุผลที่ว่าฟุตบอลไทยยังยากที่จะไปบอลโลกในเร็วๆ นี้
สานฝันจากรุ่นสู่รุ่น
บอสเก่ง ยังเล่าถึงความฝันและความหวังต่อเยาวชนในท้องถิ่นว่า “ผมฮู้สึกว่าเหมือนเฮาสร้างคนๆ หนึ่ง สานฝันหื้อเขาได้เล่นฟุตบอลอาชีพ ถ้าในวันตางหน้าเขาติดทีมชาติ ถือว่าได้สานฝันในวัยเด็กของเฮาตวย”
หากในอนาคตสโมสรสามารถต่อยอดนักเตะในท้องถิ่นให้ไปในระดับสโมสรใหญ่ ระดับทีมชาติ หรือสโมสรต่างประเทศก็ตาม ย่อมเป็นผลดีต่อตัวนักเตะเอง และยังเป็นตัวอย่างให้เยาวชนรุ่นต่อไปในการเอาเป็นแบบอย่างที่ดีหรือมีความฝันที่จะไปในเดียวกับรุ่นพี่ของพวกเขา
บอสเก่ง ฝากถึงเยาวชนในลำปางที่มีฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทางสโมสรเขลางค์ ยูไนเต็ดเป็นพื้นที่สำหรับการแสดงฝีเท้า เพื่อคัดเลือกนักฟุตบอลเข้าสู่ในระดับอาชีพอยู่แล้ว หากมีความตั้งใจ มุ่งมั่น และมีระเบียบวินัย ทางสโมสรพร้อมมอบโอกาสให้กับเยาวชนในท้องถิ่น โดยสามารถติดตามการเปิดรับคัดฝีเท้าได้ที่เพจสโมสรฯ Khelang United
บอสเก่ง ยังฝากถึงแฟนบอลในท้องถิ่นว่าจากเหตุการณ์ของลำปาง เอฟซีทำให้ในจังหวัดลำปางเหลือเพียงเขลางค์ ยูไนเต็ดที่เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพเพียงทีมเดียว จึงอยากขอการสนับสนุนจากแฟนบอล ทั้งแฟนบอลดั้งเดิมหรือหน้าใหม่ ช่วยส่งแรงใจเชียร์ทีมบ้านท้องถิ่นลำปาง โดยในฤดูกาลนี้เขลางค์ ยูไนเต็ดใช้สนามหนองกระทิงสเตเดียม (สนามกีฬากลางจังหวัดลำปาง) ในการแข่งขันภายในบ้าน หรือติดตามผ่านถ่ายทอดสดฟรีทุกนัด ทางสโมสรสัญญาว่าจะมุ่งมั่น พัฒนา และยกระดับทีมให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นักมานุษยวิทยามือสมัครเล่น ผู้ที่สนใจประเด็นทางสังคมรอบตัว และพยายามตามหาคำตอบเพื่ออธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาการสื่อสารประเด็นทางสังคมในหลากหลายรูปแบบ เพื่อต้องการให้สังคมเกิดการรับรู้เพิ่มขึ้น