กสม. ทำหนังสือถึงนายกฯ ทบทวนแผนรื้อฝายโบราณเชียงใหม่ ชี้กระทบวิถีชุมชน–มรดกล้านนา

4 กันยายน 2568 พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนโครงการรื้อฝายเก่า 3 แห่ง ได้แก่ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล ตามแผนการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน (แม่น้ำปิง) ระยะเร่งด่วน ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อ 11 มีนาคม 2568

วสันต์ ภัยหลีกลี้ เปิดเผยว่า กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่ว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวขาดการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสีย และจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ความเชื่อ ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับระบบเหมืองฝายที่สืบทอดมากว่า 700 ปี กสม. จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบฝายทั้ง 3 แห่ง จัดประชุมรับฟังข้อเท็จจริงจากหน่วยงานรัฐ ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และกลุ่มผู้ใช้น้ำ ก่อนสรุปว่า เหมืองฝายไม่เพียงเป็นระบบจัดการน้ำเพื่อการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับชาติที่ได้รับการขึ้นบัญชีเมื่อปี 2558 หากถูกรื้อจะสร้างผลกระทบต่อชุมชนอย่างกว้างขวาง

จากการตรวจสอบพบว่า สาเหตุสำคัญของน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่คือการรุกล้ำลำน้ำปิง ทำให้การระบายน้ำในฤดูฝนไม่มีประสิทธิภาพ การรื้อหรือปรับปรุงฝายทั้ง 3 แห่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้จริง แต่กลับจะกระทบต่อประชาชนผู้ใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมและอุปโภคบริโภคจากลำเหมืองสาขาใน 9 ตำบลของอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอสารภี และอำเภอเมืองลำพูน ขณะที่ยังไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบดังกล่าวอย่างชัดเจน อีกทั้งโครงการยังขาดการเชื่อมโยงการจัดการน้ำในเชิงระบบ และไม่ได้เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง

กสม. เห็นว่า การรื้อหรือปรับปรุงฝายโดยไม่ฟังเสียงประชาชน อาจละเมิดสิทธิของชุมชนที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 43 มาตรา 57 และมาตรา 72 (4) รวมถึงพันธกรณีระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ที่ให้สิทธิบุคคลและชุมชนในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นและทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยประชาชนต้องได้รับข้อมูลเพียงพอและมีส่วนร่วมก่อนตัดสินใจในเรื่องที่กระทบต่อวิถีชีวิต

ด้วยเหตุนี้ กสม. จึงเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา 2 ประเด็นหลัก ได้แก่

1. ทบทวนโครงการรื้อฝายทั้ง 3 แห่ง พร้อมให้จังหวัดเชียงใหม่ตั้งคณะทำงานที่มีผู้แทนรัฐ ชุมชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และผู้ได้รับผลกระทบ ร่วมกันหาทางออกในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยพิจารณาทางเลือกอื่นที่ไม่กระทบต่อภูมิปัญญาและมรดกทางวัฒนธรรม พร้อมกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบอย่างชัดเจนและยั่งยืน

2. เร่งแก้ปัญหาการรุกล้ำลำน้ำปิง โดยมอบหมายกรมเจ้าท่า กรมที่ดิน จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดการพื้นที่ลำน้ำ ขยายความกว้างลำน้ำให้รองรับการไหลในฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมีการสำรวจและจัดทำแผนที่การรุกล้ำไว้แล้ว

ข้อเสนอนี้ถูกส่งตรงไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในทางปฏิบัติโดยเร็ว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่เป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่กระทบต่อสิทธิประชาชนและมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนล้านนา

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง