ภาพ: สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 กรมประชาสัมพันธ์
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมและอุทกภัยทั่วประเทศ โดยได้ประเมินสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งออกประกาศเตือนเรื่อง เฝ้าระวังน้ำหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำในแม่น้ำสายหลัก ระหว่างวันที่ 25 – 30 กันยายน 2568 โดยพบว่าหลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
23 กันยายน 2568
ภาคเหนือได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, ลำปาง, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, นครสวรรค์ และอุทัยธานี ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่
เชียงใหม่ ฝนสะสมสูงสุดกว่า 224 มิลลิเมตร หลายอำเภอเกิดน้ำป่าและน้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำแม่นาจรสูง 4.60 เมตร ในอำเภอสันป่าตอง น้ำจากแม่น้ำขานและแม่วางรวมกันเกินจุดวิกฤติ 6.08 เมตร เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนให้ประชาชนอพยพทันที
ลำปาง น้ำท่วมขังหลายพื้นที่ โครงการชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ พร้อมแจกกระสอบทรายให้ประชาชนเพื่อป้องกันความเสียหาย
พิษณุโลก น้ำท่วมฉับพลันในหมู่ 2 บ้านกรุงกรัก และหมู่ 11 ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ ทำให้การสัญจรด้วยรถยนต์เป็นไปไม่ได้ ประชาชนและนักเรียนได้รับความเดือดร้อน

เพชรบูรณ์ แม่น้ำป่าสักล้นตลิ่ง สะพานและฝายหลายจุดเกินระดับปลอดภัย ประชาชนต้องเร่งย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง
พิจิตร น้ำเอ่อล้นในเขตเทศบาลเมือง เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเทศบาลช่วยสูบน้ำ วางกระสอบทราย และจัดหาความช่วยเหลือ ระดับน้ำบางจุดเริ่มลดลง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำชับให้ทุกจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงเตรียมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำและฝนตกหนักอย่างใกล้ชิด เนื่องจากฝนยังคงตกต่อเนื่องจนถึงสิ้นเดือนกันยายน
24 กันยายน 2568
ภาคเหนือยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยพื้นที่ลุ่มน้ำยม ป่าสัก และน่านมีระดับน้ำเพิ่มสูง ส่งผลให้หลายอำเภอเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังในชุมชนลุ่มต่ำ
เชียงใหม่ ฝนสะสมสูงในอำเภอกัลยาณิวัฒนา แม่แจ่ม ฮอด และสันป่าตอง ระดับน้ำแม่น้ำขานและแม่วางเกินจุดวิกฤติ เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนและอพยพประชาชนบางพื้นที่
เพชรบูรณ์ แม่น้ำป่าสักล้นตลิ่ง ฝายและสะพานหลายจุดเกินระดับปลอดภัย ประชาชนต้องเร่งย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง
พิษณุโลก, สุโขทัย และพิจิตร น้ำหลากเข้าท่วมชุมชนลุ่มต่ำและพื้นที่เกษตรกรรม ส่งผลกระทบต่อการสัญจรและการทำเกษตรของประชาชนอย่างกว้างขวาง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำชับให้ทุกจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล และอุปกรณ์ช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำและฝนตกหนักอย่างใกล้ชิด
25 กันยายน 2568
ภาคเหนือยังคงเผชิญฝนตกหนักต่อเนื่อง จังหวัดที่ได้รับผลกระทบหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ และอุทัยธานี ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังหลายพื้นที่
เชียงใหม่ เกิดดินสไลด์ปิดเส้นทาง ‘ห้วยโจ้–ปางแม่ซ้าย–ปางแม่แมะ’ ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว ทำให้รถพยาบาลเข้าถึงผู้ป่วยติดเตียงไม่ได้ ญาติจึงพาคุณยายวัย 90 ปี ฝ่าฝนและโคลนกว่า 6 กิโลเมตร ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ชีพช่วยนำส่งแพทย์อย่างปลอดภัย
ลำปาง อำเภอแจ้ห่ม บ้านสบฟ้า หมู่ 7 และบ้านวังสัก หมู่ 10 มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขัง รวม 20 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต สถานการณ์น้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ

พะเยา ฝนตกหนักต่อเนื่องในอำเภอปง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นลำน้ำงิม เข้าท่วมบ้านเรือนบริเวณบ้านหนองบัว ตำบลงิม อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เช้าวันนี้เข้าสู่ภาวะปกติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้ติดตามระดับน้ำและแจ้งเตือนประชาชนระหว่างวันที่ 25–30 กันยายน เนื่องจากคาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม
พิษณุโลก ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก สนับสนุนเรือท้องแบนช่วยเหลือประชาชนในหมู่ 2 บ้านกรุงกรัก ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ

เพชรบูรณ์ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 สนับสนุนด้านการดำรงชีพ แจกอาหาร 12,000 กล่อง ผลิตน้ำสะอาด 7,000 ลิตร และจัดชุดเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย พร้อมกระจายถุงยังชีพในพื้นที่อำเภอหล่มสัก
พิจิตร ถนนสายเกษตรพังชำรุด น้ำท่วมขังทำให้ไม่สามารถสัญจรได้ แขวงทางหลวงชนบทพิจิตรติดป้ายเตือน รอระดับน้ำลดก่อนซ่อมแซม โดยพิจารณาตอกเสาเข็มเพื่อป้องกันการทรุดตัวซ้ำ

นครสวรรค์ น้ำท่วมต่อเนื่องในตำบลบางพระหลวง อำเภอเมือง ทำให้ชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจรและย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง น้ำท่วมหลายหมู่บ้านสูง 1–2 เมตร ข้อมูลจากโครงการชลประทานนครสวรรค์ ระบุว่าสถานี P17, N67 และ C2 มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ประชาชนและเจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือเพื่อลดผลกระทบต่อบ้านเรือน สิ่งของ และพื้นที่การเกษตร
26 กันยายน 2568
ภาคเหนือยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำจากฝนตกหนักและมวลน้ำไหลหลากจากพื้นที่ก่อนหน้านี้ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ พิจิตร และนครสวรรค์

เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำจากฝนตกหนักและมวลน้ำไหลหลาก โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเชียงดาวและอำเภอแม่แตง ที่มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดออกหนังสือสั่งด่วนให้ทุกอำเภอเตรียมความพร้อมป้องกันน้ำท่วมและลดผลกระทบต่อประชาชน

เช้าวันที่ 26 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้ขึ้น ธงเหลือง เตือนประชาชนเฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำปิง ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงใหม่ติดตามสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอเชียงดาวและอำเภอแม่แตง โดยเวลา 09.00 น. สถานการณ์ที่จุดตรวจวัดระดับน้ำ P.1 สะพานนวรัฐ ระดับน้ำอยู่ที่ 3.45 เมตร จึงกำชับให้หน่วยงานดำเนินมาตรการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาแม่น้ำปิงเอ่อล้นตลิ่ง ดังนี้
- เฝ้าระวังและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เช่น กิ่งไม้ ท่อนซุง ขยะ ฯลฯ ที่ไปติดตามคอสะพาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ
- ตรวจสอบและเฝ้าระวังแนวคันชั่วคราว ในพื้นที่ลุ่มต่ำตลอดสองฝั่งแม่น้ำปิง พร้อมเสริมความแข็งแรงแนวป้องกันน้ำท่วม และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
- รายงานสถานการณ์ทันที หากมีแนวโน้มรุนแรง เกินศักยภาพ หรือเร่งด่วน ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงใหม่ประสานสำนักงานชลประทานที่ 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุน
เพชรบูรณ์ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ รายงานว่าแม้วันนี้ไม่มีฝนตก แต่มีมวลน้ำจากอำเภอหล่มสักไหลเข้ามา ทำให้บ้านเรือนในหมู่ 7 ตำบลชอนไพร ถูกน้ำท่วมขัง 7 หลังคาเรือน ระดับน้ำเช้านี้สูงขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร แต่ยังต่ำกว่าพนังคอนกรีตและแนวกระสอบทรายประมาณ 0.40 เมตร อำเภอตรวจสอบแนวคันกระสอบทรายและพนังคอนกรีตทุกจุด พบว่ายังมั่นคง สามารถรองรับมวลน้ำได้จนถึงวันที่ 28 กันยายน พร้อมแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเตรียมพร้อมบุคลากรและเครื่องจักรกลสาธารณภัยตลอด 24 ชั่วโมง

พิจิตร เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการอุดท่อระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำล้นเข้าท่วม หลังระดับน้ำในแม่น้ำน่านและน้ำป่าจากอำเภอวังทองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่เขตเทศบาลตำบลหัวดงมีความเสี่ยงน้ำท่วมบ้านเรือน
นครสวรรค์ ประกาศเตือนภัยระดับสัญญาณไฟสีเหลืองในอำเภอหนองบัว หลังระดับน้ำใกล้จุดวิกฤต เสี่ยงเกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ข้อมูลจากสถานีเตือนภัยล่วงหน้าบ้านอุดมพัฒนา ตำบลวังบ่อ ยืนยันว่าระดับน้ำใกล้เคียงเกณฑ์วิกฤต เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนทันเวลา พื้นที่ดังกล่าวยังรับน้ำจากจังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้มีน้ำไหลเข้าต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันเวลา พร้อมขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงติดตามประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย เพื่อลดความเสียหายต่อชีวิต บ้านเรือน และทรัพย์สินจากฝนตกหนัก น้ำป่า และน้ำล้นตลิ่งในช่วงวันที่ 23–26 กันยายนนี้
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...