2 ตุลาคม 2568 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จับมือเครือข่ายสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม จัดเวทีเสวนา ‘บ้านใหม่ใกล้ฉัน: เหมืองแร่ ป่าคาร์บอน แลนด์บริดจ์ กับความเสี่ยงการไล่รื้อ’ ภายในงาน Bangkok Climate Action Week 2025 เพื่อขยายเสียงของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ พร้อมย้ำว่า สิทธิในที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ควรถูกละเมิด
ศตพัฒน์ ศิลป์สว่าง เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายรณรงค์เชิงนโยบาย แอมเนสตี้ ประเทศไทย ระบุว่า โครงการพัฒนาในนาม ‘สีเขียว’ เช่น เหมืองแร่ โครงการป่าคาร์บอน หรือแลนด์บริดจ์ มักละเลยคำถามว่าใครคือผู้แบกรับต้นทุน โดยชุมชนชายขอบและชนเผ่าพื้นเมืองมักเป็นกลุ่มที่เสียประโยชน์โดยตรง
“การสูญเสียบ้านไม่ใช่แค่การถูกไล่รื้อ แต่คือการสูญเสียวิถีชีวิต วัฒนธรรม และตัวตนของชุมชน สิทธิในที่อยู่อาศัยที่เพียงพอคือสิทธิที่จะมีชีวิตอย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรี” ศตพัฒน์กล่าว
แอมเนสตี้ชี้ว่า สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ESCR) รวมถึงสิทธิในการมีบ้านที่มั่นคง ปลอดภัย และเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น น้ำสะอาดและสาธารณูปโภค ถือเป็นสิทธิที่ไทยมีพันธกรณีในระดับนานาชาติ แต่กลับถูกท้าทายมากขึ้น ทั้งจากโครงการ EEC, SEC และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
เวทีเสวนายังนำกรณีศึกษาในต่างประเทศ เช่น การย้ายชุมชนในเอธิโอเปียโดยไร้การปรึกษา และโครงการเหมืองในฟิลิปปินส์ที่ละเมิดสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการยินยอมอย่างเสรี ล่วงหน้า และโดยความเข้าใจ (FPIC) ตามปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง

ภายในงานมีการจัดวงคุย 4 หัวข้อ ได้แก่ บ้านที่กำลังหายไป, การพิจารณากฎหมายไทยเทียบมาตรฐานสากล, เสียงจากเจ้าของพื้นที่ และการรวบรวมข้อเสนอเชิงสัญลักษณ์เพื่อยืนยันว่า การพัฒนาที่แท้จริงต้องเคารพสิทธิมนุษยชนและสิทธิในที่อยู่อาศัย
แอมเนสตี้ย้ำว่า หากการพัฒนาและการอนุรักษ์ถูกใช้เป็นเครื่องมือไล่รื้อชุมชนโดยขาดมิติสิทธิมนุษยชน จะยิ่งซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ และเรียกร้องให้รัฐและเอกชนเปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

“เราไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา แต่การพัฒนาต้องฟังเสียงชุมชนและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ศตพัฒน์ทิ้งท้าย
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...