ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร
เสียงตะโกน “เหมืองแร่ออกไป! เหมืองแร่ออกไป!” ดังก้องไปทั่วผืนนา บ้านกะเบอะดิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

11 ตุลาคม 2568 ชุมชนกะเบอะดินจัดงาน ‘ครบรอบ 6 ปี คัดค้านเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย’ บนผืนนาและพื้นที่จิตวิญญาณของหมู่บ้าน พื้นที่ซึ่งเคยเป็นพื้นที่เป้าหมายในโครงการเหมืองถ่านหินที่ชาวบ้านคัดค้านต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562
สำหรับชาวกะเบอะดิน ผืนนาไม่ใช่แค่ที่ทำกิน แต่คือหัวใจของชุมชน เป็นแหล่งอาหารของครอบครัว เป็นที่ประกอบพิธีกรรมและบูชาผืนดิน เป็นพื้นที่ที่ผูกโยงความเชื่อกับความอยู่รอดของผู้คนมาหลายชั่วอายุ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ‘พื้นที่จิตวิญญาณ’

ภายในงาน ชาวบ้านได้ประกอบพิธี ‘เบี่ยงไซ๊ะ’ พิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของกะเหรี่ยงโปว์ เพื่อขอขมาผืนดินและขอพรให้ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ รวมถึงให้ชุมชนปลอดภัยจากอันตรายของโครงการเหมือง ขณะเดียวกัน ตัวแทนศาสนาคริสต์ในพื้นที่ก็ได้ร่วมพิธีนมัสการและอธิษฐาน ขอพรให้หมู่บ้านได้รับการคุ้มครอง

ย้อนไปเมื่อหกปีก่อน ณัฐดนัย วุฒิศีลวัต ยังเป็นเด็กที่ไม่เข้าใจว่า ‘เหมือง’ คืออะไร “ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เลยว่าเหมืองน่ากลัวอย่างไร บริษัทบอกแต่สิ่งดีๆ ว่าจะมีงาน มีถนนคอนกรีต แต่ไม่เคยพูดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น” เขาเล่าย้อนความหลัง
กะเบอะดินในเวลานั้นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย พึ่งพาการปลูกข้าวและไร่หมุนเวียน เส้นทางสัญจรยังไม่สะดวกดี รถเข้าออกยาก คนหนุ่มสาวต้องออกไปหางานในเมือง คำสัญญาเรื่อง ‘เหมือง’ ที่จะสร้างงานและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จึงเคยถูกมองว่าเป็นโอกาสที่ดี
แต่เมื่อได้รับรู้ถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และปัญหาเรื่องสิทธิในที่ดินที่อาจเกิดขึ้นตามมา ความเข้าใจของชาวบ้านก็เริ่มเปลี่ยนไป จากความหวัง กลายเป็นความกังวล และในที่สุดก็กลายเป็นพลังในการลุกขึ้นปกป้องผืนดินของตนเอง

การต่อสู้ยาวนานหลายปีนั้นนำมาซึ่งก้าวสำคัญ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ชาวบ้านกะเบอะดินได้รับจดหมายจากศาลปกครองเชียงใหม่ ให้โครงการเหมืองแร่อมก๋อยต้องหยุดดำเนินการทั้งหมด คำสั่งฉบับนั้นจึงกลายเป็นเหมือน ‘ชัยชนะก้าวแรกของความเข้มแข็ง’ ที่ยืนยันว่าการยืนหยัดของชุมชนไม่สูญเปล่า
ช่วงสุดท้ายของงาน ตัวแทนชาวบ้านได้อ่าน ‘คำประกาศเจตนารมณ์ของชุมชนกะเบอะดิน’ ซึ่งยืนยันจุดยืนในการคัดค้านเหมืองถ่านหินอย่างชัดเจน ความตอนหนึ่งระบุว่า
“6 ปีแล้ว เราต่อต้านและคัดค้านเหมืองแร่
เราอยู่กับป่า กับทรัพยากรธรรมชาติ เรามีวิถีชีวิต
เรามีความรัก รักผู้คน รักต้นข้าว รักจิตวิญญาณ
พวกเราจะไม่ยอมให้เหมืองแร่ถ่านหินมาทำลายชุมชนเรา
พวกเราจะปกป้องพื้นที่นี้ด้วยชีวิต”
เสียงตะโกน “เหมืองแร่ออกไป! เหมืองแร่ออกไป!” ดังก้องไปทั่วผืนนา ปิดท้ายกิจกรรมเช้าวันนี้ ท่ามกลางความเชื่อมั่นของชาวบ้านว่าการปกป้องผืนดินและสิ่งแวดล้อมคือการปกป้องชีวิตของพวกเขาเอง กลายเป็นภาพจำของการต่อสู้ที่ยืดยาวและงดงาม
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...